นอร์ทโอล์มสเต็ด
นอร์ทโอล์มสเต็ด | |
---|---|
โบสถ์คริสตจักร Unitarian Universalist | |
ที่ตั้งของ เทศมณฑลคูยาโฮกา ใน รัฐโอไฮโอ และที่ตั้งเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ดในเทศมณฑลคูยาโฮกา ตามลำดับ | |
ที่ตั้งรัฐโอไฮโอ ในสหรัฐอเมริกา | |
พิกัด: 41°24′54″N 81°54′52″W / 41.41500°N 81.91444°W | |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
รัฐ | โอไฮโอ |
เทศมณฑล | คูยาโฮกา |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี | Kevin Kennedy (D)[1] |
พื้นที่[2] | |
• ทั้งหมด | 11.67 ตร.ไมล์ (30.23 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 11.67 ตร.ไมล์ (30.23 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 0.00 ตร.ไมล์ (0.00 ตร.กม.) |
ความสูง[3] | 761 ฟุต (232 เมตร) |
ประชากร | |
• ทั้งหมด | 32,718 คน |
• ประมาณ (2019)[5] | 31,341 คน |
• ความหนาแน่น | 2,684.91 คน/ตร.ไมล์ (1,036.69 คน/ตร.กม.) |
เขตเวลา | UTC-5 ([[North American Eastern Time Zone |Eastern (EST)]]) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC-4 (EDT) |
รหัสไปรษณีย์ | 44070 |
รหัสพื้นที่ | 440 216 |
เว็บไซต์ | www |
นอร์ทโอล์มสเต็ด เป็นเมืองใน เทศมณฑลคูยาโฮกา (Cuyahoga County) รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมืองนอร์ทโอล์มสเต็ดเป็นชานเมืองฝั่งตะวันตกของคลีฟแลนด์ และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 8 ในเทศมณฑลคูยาโฮกา ในการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2010 มีประชากรจำนวน 32,718 คน
ประวัติ
[แก้]หลังจากการอพยพถิ่นฐานของชาวยุโรปสู่ทวีปอเมริกา พื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของ แคนาดา (ฝรั่งเศสใหม่) ในสมัยอาณานิคมของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาฝรั่งเศสยอมยกให้แก่ บริเตนใหญ่ ในปีพ.ศ. 2306 และพื้นที่นี้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ส่วนหนึ่งเป็น รัฐเกแบ็ก ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่ดินดังกล่าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ เขตสงวนธรรมชาติคอนเนคทิคัตตะวันตก ในเขตดินแดนตะวันตกเฉียงเหนืออ้างสิทธิโดยรัฐคอนเนคทิคัตในสมัยนั้น จากนั้นก็ถูกซื้อโดยบริษัท คอนเนทิคัตแลนด์ ในปีพ.ศ. 2338 ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบ่งขายที่ดินบริเวณดังกล่าว
ในปีพ.ศ. 2349 แอรอน โอล์มสเต็ด (Aaron Olmsted) ซื้อที่ดินซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ปัจจุบันของ เมืองโอล์มสเต็ดฟอลส์, เมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด (North Olmsted) และ เมืองโอล์มสเต็ด (Olmsted Township) ในราคา 30,000 เหรียญสหรัฐ ต่อมาในปีพ.ศ. 2358 David Johnson Stearns ชาวรัฐเวอร์มอนท์และผู้บุกเบิกอี่น ๆ จากภูมิภาคนิวอิงแลนด์ ได้เข้าถากถางพื้นที่เพื่อตั้งถิ่นฐาน
ชื่อที่ปรากฏในบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดเคยเรียกพื้นที่นี้ว่า ชุมชนคิงส์ตัน (Kingston) ในปีพ.ศ. 2366 ผู้คนได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นเมืองและให้ชื่อว่า เล็นนอกซ์ (Lenox) ต่อมาในปีพ.ศ. 2369 ชาร์ลส์ ไฮด์ โอล์มสเต็ด ลูกชายของแอรอน โอล์มสเต็ด ได้เสนอบริจาคหนังสือจากคอลเลกชันส่วนตัวของบิดาที่สะสมในคอนเนทิคัตให้แก่ชาวเมืองเลน็อกซ์เพื่อเป็นข้อต่อรองในการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโอล์มสเต็ด (Olmstead) เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาของเขา หนังสือเหล่านี้ต่อมาได้เป็นส่วนหนึ่งของ Ox Cart Library[7]
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2474 หมู่บ้านนอร์ทโอล์มสเต็ดได้เริ่มให้บริการ รถประจำทางเทศบาลนอร์ทโอล์มสเตด ซึ่งหนึ่งในระบบขนส่งสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ระบบรถประจำทางนี้เปิดใช้งานมานานกว่า 74 ปีจนกระทั่ง 20 มีนาคม 2548 ได้บูรณาการเข้าสู่ Greater Cleveland Regional Transit Authority (RTA)
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2509 โรงภาพยนตร์ Great Northern เปิดให้บริการที่ศูนย์การค้า Great Northern ในเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด เป็นหนึ่งในโรงภาพยนตร์แบบจอกว้าง (Cinerama) แห่งแรก ๆ ในโอไฮโอ ซึ่งมีม่านสีทอง หน้าจอขนาด 90 ฟุต และ มี 1,346 ที่นั่ง และปิดในปีพ.ศ. 2543 เนื่องจากโรงภาพยนตร์ใหม่ที่ เมืองเวสต์เลค (Westlake) ที่อยู่ใกล้เคียง ในนาม Regal Cinemas
คริสตจักร Unitarian Universalist ในนอร์ทโอล์มสเต็ดเคยเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟใต้ดิน มีส่วนในการช่วยเหลือแรงงานทาส (ในสมัยก่อนปีพ.ศ. 2343 เมื่อเขตสงวนคอนเนคทิคัตตะวันตกของรัฐคอนเนคทิคัตยังคงเป็นรัฐที่ใช้แรงงานทาส) แรงงานทาสที่หลบหนีที่หลบหนีจะซ่อนตัวอยู่ในหอระฆังก่อนเพื่อหลบหนีไปแคนาดา(ซึ่งเป็นประเทศปลอดแรงงานทาส) คริสตจักรนี้ได้รับการกล่าวถึงในเอกสาร "สามัคคีธรรมได้มาอย่างไร" (How the fellowship came to be what it is) ซึ่งเขียนโดย Alice Russell ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2525
ภูมิศาสตร์
[แก้]นอร์ทโอล์มสเต็ด ตั้งอยู่ที่ 41°24′54″N 81°54′52″W / 41.41500°N 81.91444°W
จากข้อมูลของสำนักสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาเมืองนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 30.23 ตร.กม. (11.67 ตร.ไมล์) และเป็นผืนดินที้งหมด
ประชากร
[แก้]ประชากร | |||
---|---|---|---|
สำมะโนประชากร | Pop. | %± | |
1910 | 1,030 | ||
1920 | 1,419 | 37.8% | |
1930 | 2,624 | 84.9% | |
1940 | 3,487 | 32.9% | |
1950 | 6,604 | 89.4% | |
1960 | 16,290 | 146.7% | |
1970 | 34,861 | 114.0% | |
1980 | 36,480 | 4.6% | |
1990 | 34,204 | −6.2% | |
2000 | 34,113 | −0.3% | |
2010 | 32,718 | −4.1% |
ประชากรประมาณร้อยละ 90.6 พูด ภาษาอังกฤษ พูดภาษาอาหรับร้อยละ 2.3 พูดภาษาสเปนร้อยละ 1.5 และ ภาษาเยอรมันร้อยละ 0.9 ในครัวเรือน [8]
สำมะโนประชากร พ.ศ. 2553
[แก้]ในการสำรวจ สำมะโนประชากรปีพ.ศ. 2553 เมืองนอร์ทโอล์มสเต็ดมีประชากร 32,718 คนใน 13,645 ครัวเรือนและ 8,893 ครอบครัวความหนาแน่นของประชากร 1.082.5 คน/ตร.กม. (2,803.6 คน/ตร.ไมล์) ที่อยู่อาศัยมีจำนวน 14,500 หน่วย ความหนาแน่นที่อยู่อาศัยเฉลี่ย 479.7 หน่วย/ตร.กม. (1242.5 หน่วย/ตร.ไมล์) สัดส่วนเชื้อชาติของเมืองคือ ผิวขาวร้อยละ 92.6, แอฟริกันอเมริกันร้อยละ 2.0, อเมริกันพื้นเมืองร้อยละ 0.1, เอเชียร้อยละ 2.7, จากเชื้อชาติอื่นร้อยละ 0.9 และร้อยละ 1.7 จากสองชาติพันธุ์ขึ้นไป ฮิสแปนิกหรือละติน คิดเป็นร้อยละ 3.5
จาก 13,645 ครัวเรือน แบ่งตามลักษณะครัวเรือน - ครัวเรือนที่มีเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 26.5, ครัวเรือนที่เป็นคู่แต่งงานและอยู่ด้วยกันร้อยละ 51.6, ครัวเรือนที่มีหญิงเจ้าบ้านที่ไม่มีสามีอยู่ด้วยร้อยละ 9.6, ครัวเรือนที่มีชายเจ้าบ้านที่ไม่มีภรรยาอยู่ด้วยร้อยละ 4.1 , ครัวเรือนที่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันร้อยละ 34.8, ครัวเรือนแบบอาศัยคนเดียวร้อยละ 30.1 และครัวเรือนแบบอาศัยคนเดียวที่มีอายุตั้งแด่ 65ปี ขึ้นไปร้อยละ 12.3 ขนาดครัวเรือนเฉลี่ย 2.37 คน และขนาดครอบครัวเฉลี่ย 2.97 คน
ประชากรมีอายุเฉลี่ย 43.5 ปี การแบ่งอายุคือ ประชากรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 20.7, อายุ 18 ถึง 24 ปี ร้อยละ 7.7, อายุ 25 ถึง 44 ปี ร้อยละ 23.5, อายุ 45 ถึง 64 ปี ร้อยละ 30.1 และ 65 ปีหรือมากกว่าร้อยละ 17.8 สัดส่วนประชากรชายต่อหญิง ของเมืองนี้เป็นชายร้อยละ 48.3 และหญิงร้อยละ 51.7
สำมะโนประชากร พ.ศ. 2543
[แก้]ในการ สำรวจสำมะโนประชากรปีพ.ศ. 2543 มีประชากร 34,113 คน จาก 13,517 ครัวเรือน รวมถึง 9,367 ครอบครัวในเขตเมือง ความหนาแน่นของประชากรคือ 1,132.5 คน/ตร.กม. (2,932.9 คน/ตร.ไมล์) มีจำนวนที่พักอาศัย 14,059 หน่วย คิดเป็นความหนาแน่นเฉลี่ย 466.7 หน่วย/ตร.กม (1,208.7 หน่วย/ตร.ไมล์) สัดส่วนเชื้อชาติของเมืองคือ ผิวขาวร้อยละ 93.97, แอฟริกันอเมริกันร้อยละ 1.01, ชาวอเมริกันพื้นเมืองร้อยละ 0.13, ชาวเอเชียร้อยละ 2.74, ชาวเกาะแปซิฟิกร้อยละ 0.01, ชาติพันธุ์อื่น ๆ ร้อยละ 0.45% และจากสองเผ่าพันธุ์ขึ้นไปร้อยละ 1.68 ชาวสเปนหรือลาตินจากเชื้อชาติใด ๆ คิดเป็นร้อยละ 1.69
จาก 13,517 ครัวเรือน แบ่งตามลักษณะครัวเรือน - ครัวเรือนที่มีเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 29.6, ครัวเรือนที่เป็นคู่แต่งงานและอยู่ด้วยกันร้อยละ 57.4, ครัวเรือนที่มีหญิงเจ้าบ้านที่ไม่มีสามีอยู่ด้วยร้อยละ 8.6, ครัวเรือนที่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันร้อยละ 30.7, ครัวเรือนแบบอาศัยคนเดียวร้อยละ 26.5 และครัวเรือนแบบอาศัยคนเดียวที่มีอายุตั้งแด่ 65ปี ขึ้นไปร้อยละ 9.9 - ขนาดครัวเรือนเฉลี่ย 2.50 คน และขนาดครอบครัวเฉลี่ย 3.07 คน
ประชากรมีอายุเฉลี่ย 40 ปี การแบ่งอายุคือ ประชากรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 23.7, อายุ 18 ถึง 24 ปี ร้อยละ 7.3, อายุ 25 ถึง 44 ปี ร้อยละ 27.6, อายุ 45 ถึง 64 ปี ร้อยละ 26.5, และ 65 ปีหรือมากกว่าร้อยละ 15.0 สำหรับผู้หญิงทุก ๆ 100 คนมีผู้ชาย 93.3 คน สำหรับผู้หญิงทุก 100 คนที่อายุ 18 ปีขึ้นไปมีผู้ชาย 89.7 คน
รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนอยู่ที่ 52,542 ดอลลาร์และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวอยู่ที่ 62,422 ดอลลาร์ เพศชายมีรายได้เฉลี่ย 45,908 ดอลลาร์เทียบกับ 30,600 ดอลลาร์สำหรับเพศหญิง รายได้ต่อหัวของเมืองอยู่ที่ 24,329 ดอลลาร์ โดยประมาณร้อยละ 2.8 ของจำนวนครอบครัวและร้อยละ 4.1 ของประชากรมีรายได้อยู่ต่ำกว่า เส้นความยากจน ในจำนวนนี้ร้อยละ 4.3 เป็นผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีและร้อยละ 6.5 เป็นผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ธุรกิจ
[แก้]Moen Incorporated ซึ่งเป็น บริษัทอุปกรณ์สุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ มีสำนักงานใหญ่ในเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด
CommutAir ซึ่งเป็นสายการบินระดับภูมิภาคภายในเครือการบิน United Express มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด [9]
Great Northern Mall ซึ่งเป็น ห้างสรรพสินค้า ขนาด 1.2 ล้านฟุต² อยู่ในเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 130 ร้าน และมีห้าง Macy's, Dillard's, Sears และ JC Penney
North Olmsted Towne Centre ตั้งอยู่บนถนน Brookpark ใกล้ถนน Great Northern
การคมนาคม
[แก้]ทางหลวง
[แก้]เมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด เชื่อมทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข I-480 จากสามเส้นทางของเขตเมือง คือถนน Clague, ถนน Great Northern (ทางหลวงรัฐหมายเลข 252) และถนน Stearns
การขนส่งมวลชน
[แก้]Greater Cleveland Regional Transit Authority (RTA) เชื่อมเมืองนอร์ทโอล์มสเต็ด เข้ากับเมืองคลีฟแลนด์ โดยทาง รถประจำทางสาย 75 สู่สถานี West Park ของทางรถไฟสายสีแดง ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถไฟไปยังท่าอากาศยานคลีฟแลนด์ฮอปกิ้นส์ หรือ เข้าเมืองคลีฟแลนด์
ท่าอากาศยาน
[แก้]ท่าอากาศยานนานาชาติคลีฟแลนด์ฮอปกิ้นส์ให้บริการเส้นทางการบินภายในประเทศ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Exner, Rich (16 November 2013). "Democrats outnumber Republicans as mayors in Cuyahoga County, 39-14". Cleveland.com. สืบค้นเมื่อ 31 January 2016.
- ↑ "2019 U.S. Gazetteer Files". United States Census Bureau. สืบค้นเมื่อ July 28, 2020.
- ↑ "US Board on Geographic Names". United States Geological Survey. 2007-10-25. สืบค้นเมื่อ 2008-01-31.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อwwwcensusgov
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อUSCensusEst2019
- ↑ "U.S. Census website". United States Census Bureau. สืบค้นเมื่อ 2008-01-31.
- ↑ www.ohiohistorycentral.org/w/Ox_Cart_Library?rec=2718
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-01. สืบค้นเมื่อ 2020-09-11.
- ↑ http://www.cleveland.com/north-olmsted/index.ssf/2017/09/regional_airline_adding_new_he.html