จิมิ เฮนดริกซ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จิมมี่ เฮนดริกซ์
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดจอห์นนี่ อัลเลน เฮนดริกซ์
เกิด27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942(1942-11-27)
ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐ
เสียชีวิต18 กันยายน ค.ศ. 1970(1970-09-18) (27 ปี)
ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ
แนวเพลงฮาร์ดร็อก, บลูส์-ร็อก, เอซิดร็อก, ไซเคเดลิกร็อก
อาชีพนักร้อง นักดนตรี โปรดิวเซอร์เพลง นักแต่งเพลง
เครื่องดนตรีกีตาร์, นักร้อง
ช่วงปี1966–1970
ค่ายเพลงRSVP, Track, Barclay, Polydor, Reprise, Capitol, MCA
เว็บไซต์www.jimihendrix.com

เจมส์ มาร์แชลล์ เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: James Marshall Hendrix) หรือชื่อเกิด จอห์นนี อัลเลน เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: Johnny Allen Hendrix) (27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 - 18 กันยายน ค.ศ. 1970) เป็นนักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักกีต้าร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อก โดยนักดนตรีและนักวิจารณ์มากมายในแวดวงบันเทิง[1][2][3] และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีบทบาทต่อดนตรีหลายๆ แนวในยุคของเขา[4][5][6] หลังจากประสบความสำเร็จในยุโรปในช่วงแรก จึงเริ่มมีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา หลังจากการแสดงใน มอนเทอเรย์ป็อปเฟสติวัล ต่อมาเขาก็ได้เล่นเป็นวงหลักในเทศกาลวูดสต็อกปี 1969 และเทศกาลไอเซิลออฟไวต์ ในปี 1970 บ่อยครั้งเฮนดริกซ์ชอบที่จะใช้เสียงโอเวอร์ไดรว์ฟแบบดิบๆ จากตู้แอมป์ร่วมกับ Gain (ปริมาณเสียงที่ส่งมาจากกีต้าร์) จำนวนมาก รวมไปถึง Treble (เสียงย่านแหลม) ด้วย ซึ่งได้ช่วยพัฒนาเทคนิคในการทำให้เกิดเสียง Feedback (เสียงหอน) จากแอมป์กีตาร์[7]เฮนดริกซ์เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ทำให้แป้นเหยียบวาห์-วาห์ ได้รับความนิยมในดนตรีร็อกกระแสหลัก ซึ่งเขามักจะใช้เพื่อขยายขอบเขตของระดับเสียงในโซโล่ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดันสายที่เป็นเสียงสูง และการใช้เลกาโตที่ยืนพื้นบนสเกลเพนทาโทนิก เขาได้รับอิทธิพลในการเล่นมาจากศิลปินในแนวบลูส์ เช่น B. B. King, Muddy Waters, Howlin' Wolf, Albert King และ Elmore Jame[8][9][10] [11] นักกีต้าร์แนวอาร์แอนด์บีและโซล อย่าง Curtis Mayfield, Steve Cropper เช่นเดียวกับดนตรีโมเดิร์นแจ๊ส[12] ในปี 1966 เฮนดริกซ์ผู้ซึ่งได้ร่วมเล่นและบันทึกเสียงกับวง ลิตเทิล ริชาร์ด ในระหว่างปี 1964 ถึง 1965 ได้เคยบอกว่า "ผมอยากจะทำกับกีต้าร์ของผมในสิ่งที่ลิตเทิล ริชาร์ดทำกับเสียงร้องของเขา[13]

การ์โลส ซันตานา ได้ให้ความเห็นว่าดนตรีของเฮนดริกซ์อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากวิถีชีวิตของชาวอเมริกันของเขา[14] ในฐานะโปรดิวเซอร์ เฮนดริกซ์ได้ใช้ห้องบันทึกเสียงในการต่อยอดความคิดของเขา ซึ่งเขาเป็นคนแรกๆ ที่ได้ทดลองเกี่ยวกับเสียงแบบสเตอริโอ และ เทคนิค Phasing สำหรับบันทึกเสียงเพลงร็อก

เฮนดริกซ์ ได้รับรางวัลที่มีเกียรติเกี่ยวกับวงการเพลงร็อกมากมายตลอดชีวิตเขา และยังได้รับเพิ่มมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วอีกมาก รวมถึงได้มีชื่ออยู่ในยูเอสร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม ในปี 1992 และยูเคมิวสิกฮอลออฟเฟมในปี 2005 ที่อังกฤษก็มีป้ายชื่อของเขา ณ บ้านที่เขาเคยอาศัยที่ถนนบรู๊ก ใน ลอนดอน เมื่อเดือนกันยายนปี 1997 ดาวที่เป็นชื่อของเขาที่ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม(ตั้งอยู่ที่ 6627 ฮอลลีวูด บูเลวาร์ด) ได้ถูกทำขึ้นมาในปี 1994 ในปี 2006 ผลงานอัลบั้มเปิดตัวในยูเอสของเขา อาร์ ยู อิคเพียเรียนซ์ (อังกฤษ: Are You Experienced) ได้รับเลือกให้อยู่ใน United States National Recording Registry และนิตยสารโรลลิงสโตน ให้เฮนดริกซ์อยู่อันดับ 1 ในบรรดานักกีตาร์ ในหัวข้อ 100 อันดับ นักกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ในปี 2003[15] เขายังเป็นคนแรกที่ถูกเสนอชื่อเข้าสู่ Native American Music Hall of Fame อีกด้วย

บรรพบุรุษและวัยเด็ก[แก้]

A black and white image (c.1912) of two well-dressed people in their early 20s to late 30s.
ปู่ย่าของเฮนดริกซ์ , โรสและโนรา เฮนดริกซ์ (ถ่ายภาพปี 1912)

จิมมี เฮนดริกซ์ มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน , ไอริซ และบรรพบุรุษยยังเป็นชนเผ่า เชอโรคี , ปู่ทวดของจิมมิ เฮนดริกซ์มีเชื้อสายเป็นเชอโรคี Geroge ได้เข้าแต่งงานกับชาวไอแลนด์นามว่า Moore ทั้งคู่มีบุตรนามว่า Robert ได้แต่งงานกับหญิงสาวเชื้อแอฟริกัน - อเมริกันนามว่า Fanny ในปีค.ศ. 1883 Robert และ Fanny มีลูกสาวนามว่า Zenora Nora Rose Moore [16][nb 1] , ปู่ของเฮนดริกซ์ Bertran Philander Ross Hendrix (เกิด 1866) เป็นผลมาจาการนอกใจแฟนสาวผิวสี ที่รู้จักกันในนาม Fanny และผู้ประกอบการค้าข้าวจากเออร์บานา , รัฐโอไฮโอ , รัฐอิลลินอยส์ และเป็นหนึ่งคนผิวขาวที่ร่ำรวยในบริเวณอาเขตในช่วงเวลานั้น[19][20][nb 2] ในวันที่ 10 มิถุนายน 1919 , เฮนดริกซ์และมอนรูนมีลูกชายอีกคนโดยได้ตั้งชื่อว่า เจมส์ เอเลน โรส เฮนดริกซ์ คนส่วนมากเรียกว่า เอล[22]

การยกย่อง[แก้]

นอกเหนือจากเรื่องดนตรีหรือวัฒนธรรมแล้ว ในปลายปี 2016 นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานตาครูซ ได้ตั้งชื่อพืชชนิดใหม่ว่า Dudleya hendrixii เพื่อเป็นเกียรติแก่จิมมี่ เฮนดริกซ์ ด้วย เนื่องจากขณะค้นพบได้ฟังเพลง Voodoo Child ของเฮนดริกซ์อยู่ ซึ่งพืชชนิดนี้เป็นพืชในวงศ์กุหลาบหิน (Crassulaceae) มีความสูงประมาณหนึ่งฟุต ใบฉ่ำน้ำและมีเนื้อเยื่อเยอะ ดอกขาวบาง มีสีชมพูอมขาว ผลัดใบและตายในช่วงฤดูร้อน แต่จะกลับมางอกใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นพืชที่หายากใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามทางด้านถิ่นที่อยู่จากการรุกรานของมนุษย์ และพบเพียงพื้นที่ไม่กี่ไร่ในรัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ในเม็กซิโก เท่านั้น[23]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Hendrix Voted World's Best Guitarist"". Sky News. สืบค้นเมื่อ 2009-07-13.
  2. Bossy, Michel-André; Brothers, Thomas; McEnroe. John C. (2001). "Artists, Writers, and Musicians: An Encyclopedia of People Who Changed the World". Greenwood Publishing Group. p. 85.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  3. "Hendrix hits top note again as best guitarist in history". The Independent. 28 August 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-20. สืบค้นเมื่อ 2009-07-12.
  4. Kincheloe, Joe L.; Horn, Raymond A. (2008). "The Praeger handbook of education and psychology". Greenwood Publishing Group. p. 849.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  5. "Jimi Hendrix". Encyclopedia Britannica. สืบค้นเมื่อ 2009-07-13.
  6. "Jimi Hendrix's Influence on Jazz". allaboutjazz.com. 2008-09-05. สืบค้นเมื่อ 2009-07-13.
  7. Shadwick, Keith (November 2003) Jimi Hendrix, Musician, Hal Leonard, pp. 92
  8. Egan, Sean (2002), The Making of Are You Experienced, A Cappella books.
  9. Shadwick, Keith (2003), Jimi Hendrix, Musician. Backbeat Books. pp. 39.
  10. Blues CD, MCA, โน้ตบนปกโดย Jeff Hannusch, pp. 2.
  11. A Film About Jimi Hendrix deluxe edition. DVD, Warner Bros. sp. feat: From The Ukelele to the Strat, Faye Pridgeon Interview.
  12. Mary Willix, voices from home 195, pp. 28, 38, 73.
  13. White (2003), p. 125-128, 131-132, 163, 228
  14. UniVibes (February 1995). "Carlos Santana on Jimi Hendrix". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-31. สืบค้นเมื่อ 2009-07-13.
  15. "The 100 Greatest Guitarists of All Time". Rolling Stone. August 27, 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-05. สืบค้นเมื่อ 2009-02-09.
  16. Shapiro & Glebbeek 1995, pp. 5–6, 13, 746–747.
  17. Hendrix, Janie L. "The Blood of Entertainers: The Life and Times of Jimi Hendrix's Paternal Grandparents". Blackpast.org. สืบค้นเมื่อ November 15, 2012.
  18. Whitaker 2011, pp. 377–385.
  19. Hendrix 1999, p. 10: (primary source); Shapiro & Glebbeek 1995, pp. 5–7: (secondary source).
  20. Brown 1992, pp. 6–7.
  21. Cross 2005, p. 16.
  22. Hendrix 1999, p. 10: Jimi's father's full name; Shapiro & Glebbeek 1995, pp. 8–9: Al Hendrix' birthdate; Shapiro & Glebbeek 1995, pp. 746–747: Hendrix family tree.
  23. หน้า 7 วิทยาการ-เกษตร, พบพันธุ์ไม้หายาก ตั้งชื่อคาราวะ "จิมมี่ เฮนดริกซ์". "โลกโศภิณ". ไทยรัฐปีที่ 67 ฉบับที่ 21520: วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559 แรม 8 ค่ำ เดือน 1 ปีวอก

หมายเหตุ[แก้]

  1. Hendrix's paternal grandmother, Zenora "Nora" Rose Moore, was a former vaudeville dancer who moved to Vancouver, Canada, from Tennessee after meeting her husband, former special police officer Bertram Philander Ross Hendrix, on the Dixieland circuit.[17] Nora shared a love for theatrical clothing and adornment, music, and performance with Hendrix. She also imbued him with the stories, rituals, and music that had been part of her Afro-Cherokee heritage and her former life on the stage. Along with his attendance at black Pentecostal church services, writers have suggested these experiences may later have informed his thinking about the connections between emotions, spirituality, and music.[18]
  2. Author Charles R. Cross in Room Full of Mirrors writes "He [Hendrix's paternal grandfather, Bertran Philander Ross Hendrix] was born out of wedlock, and from the biracial coupling of his mother, a former slave, and a white merchant who had once owned her."[21]