ค่ายกักกันบูเคินวัลท์
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ค่ายกักกันบูเคินวัลท์ | |
---|---|
ค่ายกักกันนาซี | |
ที่ตั้ง | ไวมาร์, เยอรมนี |
ดำเนินการโดย | ชุทซ์ชตัฟเฟิล |
ผู้บังคับบัญชา |
|
เปิดใช้งาน | 15 กรกฎาคม 2480 – 11 เมษายน 2488 |
จำนวนผู้ถูกกักกัน | 280,000 คน |
เสียชีวิต | 56,545 ศพ |
ปลดปล่อยโดย | กองพันที่ 6, ปืนใหญ่สนามที่ 14 (สหรัฐอเมริกา), กองทัพบกสหรัฐ |
เว็บ | www |
ค่ายกักกันบูเคินวัลท์ (เยอรมัน: Konzentrationslager Buchenwald) เป็นค่ายกักกันเชลยศึกของนาซีเยอรมนี จัดตั้งที่เอทเทอร์สแบร์ก (ภูเขาเอตเทอร์) ใกล้กับเมืองไวมาร์ รัฐทือริงเงิน ประเทศเยอรมนีเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2480 มีการใช้แรงงานนักโทษส่วนใหญ่เยี่ยงทาสตามโรงงานผลิตอาวุธต่าง ๆ หลายแห่งในพื้นที่ใกล้เคียง
ระหว่างปี พ.ศ. 2488-2493 ค่ายกักกันนี้ถูกใช้โดยชาวโซเวียตที่เป็นฝ่ายยึดครองส่วนหนึ่งของเยอรมนี
ประวัติ
[แก้]คำว่าบูเคินวัลท์ในภาษาเยอรมันแปลว่า "ป่าต้นบีช" ที่ใช้ชื่อนี้เนื่องจากทางการนาซีเกรงว่าการตั้งชื่อตามสถานที่ คือ เอทเทอร์สแบร์กนั้น มีความเกี่ยวพันกับเกอเทอ ผู้ได้รับการนับถือยกย่องของชาวเยอรมันทั้งปวง รวมทั้งยังไม่กล้าเรียกชื่อตามเมืองใกล้ ๆ คือเมืองฮอคเทลสเตดท์เนื่องจากอาจทำให้เกียรติภูมิของหน่วยทหารเอ็สเอ็สที่ตั้งอยู่เสื่อมเสียลง
ระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2480 และเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 มีจำนวนผู้ถูกกักกันในค่ายนี้ประมาณ 250,000 คนโดยระบอบนาซี รวมทั้งเชลยศึกชาวอเมริกัน อังกฤษ และแคนาดา จำนวน 168 คน จำนวนคนที่ตายในค่ายนี้มีจำนวนประมาณ 56,600 คน
นักโทษจำนวนมากตายจากการเป็น "มนุษย์ทดลอง" (แทนหนูทดลอง) และจากฝีมือยามของทหารเอ็สเอ็ส ณ ช่วงเวลาหนึ่งมีการยอมให้ส่งเถ้ากระดูกของเชลยที่ตายใส่กล่องส่งให้ญาติทางไปรษณีย์โดยที่ญาติผู้ตายต้องเป็นฝ่ายออกค่าแสตมป์ แต่ในระยะหลังยกเลิกเนื่องจากมีการตายมากขึ้น
แม้ว่าไม่อาจนับค่ายนี้ทางเทคนิคได้ว่าเป็นค่ายกำจัดเชลยมนุษย์ได้เต็มปากนั้นเนื่องมาจากการประหารชีวิตเชลยศึกชาวโซเวียตที่นาซีจับได้แบบไม่มีการไต่สวนได้เกิดขึ้นที่นี่ อย่างน้อยเชลยศึกชาวโซเวียตประมาณ 1,000 คน ที่เลือกมาโดยหน่วยเฉพาะกิจสืบราชการลับของเกสตาโปที่เมืองเดรสเดิน ระหว่าง พ.ศ. 2484-2485 และส่งมาที่ค่ายนี้ถูกสังหารโดยการถูกจ่อยิงที่ศีรษะทันทีที่เดินทางมาถึง
ค่ายกักกันบูเคินวัลท์ถูกใช้เป็นที่ทดลองวัคซีนขนาดใหญ่สำหรับป้องกันโรคระบาดไทฟอยด์ในปี พ.ศ. 2485-2486 มีการใช้นักโทษทดลองไป 725 คน ในจำนวนนี้ตายไป 280 คนเนื่องความอ่อนแอจากการอยู่อย่างแออัดในค่ายบล็อก 46 ทำให้เชื้อแบคทีเรียระบาดได้นาน ทำให้คนตายและบาดเจ็บมากว่าปกติจากคนทั่วไปที่มีสุขภาพสมบูรณ์
ผู้บัญชาค่ายคนแรกคือคาร์ล ออทโท คอค ซึ่งทำหน้าที่บัญชาการค่ายระหว่าง พ.ศ. 2480-2484 ภรรยาคนที่สองชื่ออิลเซอ คอค ได้สร้างพฤติกรรมจนได้ชื่อว่าเป็น "แม่มดแห่งบูเคินวัลท์" เนื่องจากพฤติกรรมที่ชอบกระทำการทารุณโหดร้ายกับนักโทษ เธอเคยใช้นักโทษสร้างสวนสัตว์ในค่ายไว้ให้ลูก ๆ ดู ออทโทถูกทางการนาซีจับลงโทษฐานคอร์รัปชันและเอาเปรียบนักโทษคนงานและค้าตลาดมืดและถูกตัดสินประหารชีวิตที่ค่ายนี้เมื่อ พ.ศ. 2488 ส่วนภรรยาถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และได้ลดโทษเหลือ 2 ปีหลังสงคราม แต่ต่อมาเมื่อพบความผิดเพิ่ม รัฐบาลเยอรมันหลังสงครามดำเนินคดีใหม่ คราวนี้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ต่อมาเธอได้ฆ่าตัวตายในคุกเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2510
นอกจากนี้ค่ายกักกันบูเคินวัลท์แห่งนี้ยังถูกใช้สำหรับขังนักศึกษาชาวนอร์เวย์จำนวนหลายคน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2486 จนสิ้นสงคราม พวกนาซีปฏิบัติต่อนักศึกษาเหล่านี้ดีกว่านักโทษอื่น ๆ โดยได้อยู่ในอาคารที่มีเครื่องทำความอบอุ่นและมีเสื้อผ้าเป็นของตนเองได้โดยหวังจะใช้เป็นตัวแลกเปลี่ยนเชลยกับฝ่ายสัมพันธมิตร
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2487 มีระเบิดลูกหลงจากการทิ้งระเบิดโรงงานผลิตอาวุธหลายแห่งข้างเคียงของเครื่องบินอเมริกันตกมาถูกค่ายทำให้มีนักโทษเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ในฤดูใบไม้ร่วง พ.ศ. 2487 มีตำรวจเดนมาร์กจำนวน 1,900 นายที่ถูกจับและเนรเทศจากประเทศของตนเองไปเยอรมนีก็ถูกนำมากักขังไว้ที่นี่เมื่อวันที่ 19 กันยายน จากการเจรจาของรัฐบาลเดนมาร์กกับฝ่ายนาซีผู้ยึดครอง ทำให้ตำรวจนักโทษเหล่านี้รับกล่องเสบียงจากสภากาชาดเดนมาร์กได้และได้รับฐานะเป็นเชลยสงคราม นักโทษเดนมาร์กเหล่านี้ถูกย้ายไปกักในค่ายอื่นที่มีสภาพดีกว่าสำหรับเชลยศึก แต่ระหว่างถูกกักขังที่ค่ายกักกันบูเคินวัลท์นี้ นักศึกษาได้ตายไป 62 คน
ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2488 นาซีเยอรมันได้อพยพนักโทษและข้าวของออกไปบางส่วน เนื่องการการรุกคืบหน้าของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งในโอกาสนี้เองที่พวกนักโทษคอมมิวนิสต์โซเวียตได้ลุกฮือฆ่าผู้คุมที่เหลือและยึดค่ายกักกันบูเคินวัลท์แห่งนี้ไว้ได้ และสองวันต่อมากองทัพอเมริกันได้เข้ามาควบคุมค่ายเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2488 หลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรถอนตัว กองทัพโซเวียตได้เข้ามาใช้ค่ายนี้ต่อตั้งแต่ พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2493
อ้างอิง
[แก้]- Bruno Apitz: Nackt unter Wölfen (“การเปลือยกายท่ามกลางฝูงหมาป่า”) บันเทิงคดีอิงเหตุการณ์จริงในวันสุดท้ายของค่ายกักกันบูเคินวัลท์ก่อนการปลดปล่อยของกองทัพอเมริกัน มีทั้งการตีพิมพ์เป็นรูปเล่มและในภาพยนตร์ ที่เป็นหนังสือมีชื่อว่า: Aufbau Taschenbuchverlag, พ.ศ. 2541, ISBN 3-7466-1420-1. แปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ปัจจุบันขาดตลาด
- Bartel, Walter: Buchenwald—Mahnung und Verpflichtung: Dokumente und Berichte (บูเคินวัลท์: การเตือนและความผูกพันที่มีต่อลูกหลานในอนาคต - เอกสารบันทึกและรายงาน Kongress-Verlag, พ.ศ. 2503 -ภาษาเยอรมัน)
- von Flocken, Jan and Klonovsky, Michael: เบียร์สดของสตาลินในเยอรมนี พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2492 Dokumentation, Zeugenberichte, Berlin: Ullstein, พ.ศ. 2534. ISBN 3-550-07488-3
- James, Brian: “ความฝันที่ไม่ตาย”, บันทึกตามประสบการณ์ของจอห์น โนเบิล ในค่ายกักกันภายใต้การปกครองและระบบค่ายของโซเวียต ในช่วงปี 1950s, ในวารสาร ยู แมกกาซีน รายสัปดาห์ ประดำเดือนสิงหาคม 1992. ตัวบทความรวมถึงการอ้างที่ได้จากชาวตะวันตก 3,000 คนที่ตกเป็นนักโทษของโซเวียตเมื่อ พ.ศ. 2497
- Knigge, Volkhard und Ritscher, Bodo: Totenbuch. Speziallager Buchenwald 1945-1950, Weimar: Stiftung Gedenkstätten Buchenwald und Mittelbau Dora, 2003 -ภาษาเยอรมัน
- Kogon, Eugen: ทฤษฎีและภาคปฏิบัติว่าด้วยนรก: ค่ายกักกันเยอรมันและเบื้องหลังของระบบ นิวยอร์ก ฟาร์ราร์ สเตราส์ พ.ศ. 2493. ตีพิมพ์ซ้ำ พ.ศ. 2549
- Noble, John H.: เมื่อข้าพเจ้าเป็นทาษในรัสเซีย: การบอกเล่าของชาวอเมริกันคนหนึ่ง เดวิน-อแดร์ มิถุนายน 2501, ISBN 0815958005, ISBN 978-0815958000
- Ritscher, Bodo: Das sowjetische Speziallager Nr. 2 1945-1950. Katalog zur ständigen historischen Ausstellung, Göttingen: Wallstein, 1999 -ภาษาเยอรมัน
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ของอนุสรณ์สถานค่ายกักกันบูเคินวัลท์ เก็บถาวร 2007-02-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน