นกแก้วคาคาโป
นกแก้วคาคาโป | |
---|---|
นกเพศผู้ชื่อ ซิรอกโก (Sirocco) จากเกาะม็อด (Maud Island) | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Psittaciformes |
วงศ์ใหญ่: | Strigopoidea |
วงศ์: | Strigopidae |
เผ่า: | Strigopini |
สกุล: | Strigops G.R. Gray, 1845 |
สปีชีส์: | S. habroptila |
ชื่อทวินาม | |
Strigops habroptila G.R. Gray, 1845 | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ |
นกแก้วคาคาโป (เมารี: kākāpō) เป็นภาษามาวรี มีความหมายว่า "นกแก้วกลางคืน" เป็นนกที่อยู่ในวงศ์ Strigopidae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Strigops habroptilus
นกแก้วคาคาโป บ้างก็เรียกว่า "นกแก้วฮูก" ซึ่งเป็นนกแก้วที่บินไม่ได้ที่พบในนิวซีแลนด์เท่านั้น ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของวิวัฒนาการบนเกาะโดดเดี่ยว ทำให้มีรูปลักษณ์พิเศษ โดยบรรพบุรุษร่วมของนกแก้วคาคาโปและนกในสกุล Nestor ในวงศ์ใหญ่ Strigopoidea เดียวกัน ซึ่งได้แยกไปอยู่ต่างหากจากนกแก้วชนิดอื่น ๆ หลังจากนิวซีแลนด์แยกตัวออกจากทวีปกอนด์วานา เมื่อประมาณ 82 ล้านปีก่อน จากนั้นอีก 12 ล้านปีต่อมาหรือประมาณ 70 ล้านปีก่อน นกแก้วคาคาโปจึงแยกออกจากนกสกุล Nestor ชัดเจน
จากสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสัตว์นักล่าบนเกาะนิวซีแลนด์ ทำให้นกแก้วคาคาโปมีวิวัฒนาการเป็นนกแก้วชนิดเดียวในโลกที่บินไม่ได้ และยังครองสถิติอีกหลายอย่าง คือเป็นนกแก้วที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก มีขนาดตัวระหว่าง 59-64 เซนติเมตร และหนักถึง 4 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่ามันเป็นนกแก้วที่มีอายุยืนที่สุดด้วย โดยมีสถิติพบอายุยืนที่สุดถึง 100 ปี อีกทั้งเป็นนกแก้วชนิดเดียวในโลกที่หากินตอนกลางคืน และมีระบบการผสมพันธุ์ที่ตัวผู้จะอยู่ในอาณาเขตหรือรังของตัวเองและส่งเสียงเรียกตัวเมีย ซึ่งมีเสียงร้องคล้ายเสียงกบและจะร้องติดต่อกันนานถึง 3 เดือน วันละ 8 ชั่วโมง และเสียงร้องจะได้ยินไปไกลถึง 5 กิโลเมตร[3]
ลักษณะ
[แก้]นกแก้วคาคาโปตัวเต็มวัยมีลำตัวเป็นสีเขียวแต้มด้วยสีน้ำตาลและเหลือง ช่วยให้สามารถพรางตัวได้ดีบนผืนป่า แต่ในวัยอ่อนสีสันจะไม่สดใส และหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับนกฮูก มีสีออกน้ำตาล นกแก้วคาคาโปปีนต้นไม้ได้เก่ง และทำโพรงอยู่ใต้ดินเหมือนกระต่าย
เดิมนกแก้วคาคาโปเคยอยู่กระจายทั่วไปภายในเกาะเหนือ เกาะใต้ และเกาะสจวร์ต เกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ได้ในป่าทุกรูปแบบ แต่พบการล่าจากชาวพื้นเมืองมาวรี และการอพยพมาของชาวยุโรปที่มาตั้งถิ่นฐานในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้นำมาซิ่งชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เช่น สุนัข และตัวพอสซั่ม ซึ่งเป็นสัตว์นักล่า ซึ่งเกือบทำให้นกแก้วคาคาโปต้องสูญพันธุ์
ในช่วงปี ค.ศ. 1980-ค.ศ. 1997 สำนักงานอนุรักษ์ของนิวซีแลนด์ได้นำนกแก้วคาคาโปที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมดบนเกาะสจวร์ตไปอยู่ยังที่อยู่ใหม่ เป็นหมู่เกาะที่ปลอดภัยจากสัตว์นักล่าทั้งหลายมารบกวน เพื่อสงวนนกแก้วคาคาโปไม่ให้สูญพันธุ์ ปัจจุบันจึงเหลือนกชนิดนี้อยู่บนเกาะคอดฟิชและเกาะชอล์กกีที่ถูกใช้เป็นแหล่งอนุรักษ์นก ทำให้ปริมาณนกแก้วคาคาโปเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 1995 จาก 55 ตัว เป็น 111 ตัวในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2009
อนุกรมวิธาน
[แก้]นกแก้วคาคาโปได้รับการจำแนกโดยนักปักษีวิทยาชาวอังกฤษ จอร์จ โรเบิร์ต เกรย์ ใน ค.ศ. 1845 ชื่อสกุลมาจากภาษากรีกโบราณ strigos จาก strix ที่แปลว่า "นกฮูก" และ ops ที่แปลว่า "หน้า" ขณะที่ชื่อลักษณะมาจาก habros ที่แปลว่า "นุ่ม" และ ptilon ที่แปลว่า "ขนนก"[4] ด้วยการที่มันมีลักษณะที่โดดเด่นต่างนกแก้วอื่น และเคยถูกจำแนกไว้ในเผ่า Strigopini ของมันเองในการจำแนกเบื้องต้น
จากการศึกษาสายวิวัฒนาการล่าสุดยืนยันว่านกแก้วคาคาโป (สกุล strigops) มีความสัมพันธ์กับนกแก้วคาคาและนกแก้วคีอา (นกแก้ว 4 ชนิดในสกุล Nestor)[5][6][7] ทั้งหมดได้รับการพิจารณาแบ่งแยกออกมาเป็นวงศ์ใหญ่นกแก้วนิวซีแลนด์ (Strigopidae)[8] จากเดิมอยู่ในวงศ์ Nestoridae
ก่อนหน้านี้นักปักษีวิทยาคิดว่านกแก้วคาคาโปอาจเป็นญาติใกล้ชิดกับนกแก้วนกแก้วกลางคืนและนกแก้วดินของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากสีสันคล้ายคลึงกัน แต่ความคิดนี้ขัดแย้งกับการศึกษาล่าสุด[9][10] สีพรางตัวน่าจะเกิดจากการปรับตัวในการหากินบนพื้นดินซึ่งเป็นการวิวัฒนาการแบบวิวัฒนาการเบนเข้า
ศัพทมูลวิทยา
[แก้]ชื่อ "Kakapo (คาคาโป)" เป็นการเลียนเสียงเป็นภาษาอังกฤษของคำว่า "kākāpō" ในภาษามาวรี คำว่า kākā ("นกแก้ว") + pō ("กลางคืน")
คำในภาษาโพลีนีเซีย kākā และการผันแปร ʻāʻā เป็นคำที่ใช้เรียกนกแก้ววงศ์ Psittacidae ที่อาศัยทั่วไปในแปซิฟิกใต้ เช่น ชื่อพื้นเมืองของนกแก้วเล็กแบล็คฟรอนต์ (Cyanoramphus zealandicus) ที่สูญพันธุ์ไปแล้วของตาฮีตี และนกแก้วนิวซีแลนด์สกุล Cyanoramphus มีชื่อพื้นเมือง "คาคา" ลักษณะเดียวกัน
สื่อ
[แก้]- Video footage from the BBC including Last Chance to See and Wild Down Under
- Kakapo- Video from April 2003, with footage of Richard-Henry (Kakapo) and Chalky Island, from YouTube
- "Birds of New Zealand – A Rare View" by Rob Morris & Rod Hayden. About 3 Birds: Takahe, Kakapo, Black Robin. Wild South/Natural History Series. TV NZ Enterprises, Auckland /Dunedin 1990. 98 minutes (Kakapo footage from 1982; with rare pictures of Fiordland and Stewart Island)
- "To Save the Kakapo" by Alison Ballance. Wild South Videos, Natural History New Zealand Ltd. Dunedin 1998. (60 minutes, during the 1997 breeding season on Codfish Island)
- Image of pet Kakapo with expedition in 1888.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ BirdLife International (2013). "Strigops habroptila". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2013.2. สืบค้นเมื่อ 26 November 2013.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCITES
- ↑ [ลิงก์เสีย] รายการแดนสนธยา : ดินแดนสวรรค์แปซิฟิกตอนใต้ ตอน 14 ออกอากาศทางช่อง 4 : 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
- ↑ Liddell, Henry George and Robert Scott (1980). A Greek-English Lexicon (Abridged Edition). United Kingdom: Oxford University Press. ISBN 0-19-910207-4.
- ↑ Wright, T. F.; Schirtzinger, E. E.; Matsumoto, T.; Eberhard, J. R.; Graves, G. R.; Sanchez, J. J.; Capelli, S.; Muller, H.; Scharpegge, J.; Chambers, G. K.; Fleischer, R. C. (2008). "A Multilocus Molecular Phylogeny of the Parrots (Psittaciformes): Support for a Gondwanan Origin during the Cretaceous". Mol Biol Evol. 25 (10): 2141–2156. doi:10.1093/molbev/msn160. PMC 2727385. PMID 18653733.
- ↑ Grant-Mackie, E. J.; Grant-Mackie, J. A.; Boon, W. M.; Chambers, G. K. (2003). "Evolution of New Zealand Parrots". NZ Science Teacher. 103.
- ↑ de Kloet, R. S.; de Kloet, S. R. (2005). "The evolution of the spindlin gene in birds: Sequence analysis of an intron of the spindlin W and Z gene reveals four major divisions of the Psittaciformes". Molecular Phylogenetics and Evolution. 36 (3): 706–721. doi:10.1016/j.ympev.2005.03.013. PMID 16099384.
- ↑ Christidis L, Boles WE (2008). Systematics and Taxonomy of Australian Birds. Canberra: CSIRO Publishing. p. 200. ISBN 978-0-643-06511-6.
- ↑ Schodde, R. & Mason, I.J. (1981). Nocturnal Birds of Australia. Illustrated by Jeremy Boot. Melbourne: Lansdowne Edns 136 pp. 22 pls [35-36]
- ↑ Leeton, P.R.J., Christidis, L., Westerman, M. & Boles, W.E. (1994). Molecular phylogenetic relationships of the Night Parrot (Geopsittacus occidentalis) and the Ground Parrot (Pezoporus wallicus). Auk 111: 833-843
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Strigops habroptila ที่วิกิสปีชีส์
- World Parrot Trust Parrot Encyclopedia - Species Profiles
- Kakapo Recovery Programme เก็บถาวร 2009-01-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- TerraNature page on Kakapo
- New Zealand Department of Conservation Kakapo Page
- Rare parrot receives special care - article from BBC News
- Start of the Breeding season 2009
- ARKive - images and movies of the Kakapo เก็บถาวร 2006-04-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Kakapo in successful return journey(Archived by WebCite at เก็บถาวร 2012-11-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
- Saving Kakapo: an illustrated history by Murray Williams and Don Merton, in: 'Notornis (Journal), vol. 53/1, 2006' เก็บถาวร 2017-05-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Abstract provided by the Ornithological Society of New Zealand.
- BBC Wildlife Finder News stories, and clips from the BBC archive
- Interview with NZ conservationists Alison Ballance and the late Don Merton