เอ. เอส. ไบแอตต์
เอ. เอส. ไบแอตต์ A. S. Byatt | |
---|---|
เอ. เอส. ไบแอตต์ ค.ศ. 2007 | |
เกิด | 24 สิงหาคม ค.ศ. 1936 เชฟฟิล์ด, อังกฤษ |
เสียชีวิต | 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 (87 ปี) ลอนดอน, อังกฤษ |
สัญชาติ | ชาวอังกฤษ |
อาชีพ | นักเขียน |
ผลงานเด่น | Possession: A Romance (ค.ศ. 1990) The Djinn in the Nightingale's Eye (ค.ศ. 1995) |
ตำแหน่ง | นักเขียน |
รางวัล | รางวัลแมนบุคเคอร์ รางวัลเพ็น/แม็คมิล |
นักเขียนชาวอังกฤษ |
เดมอันโตเนีย ซูซาน ดัฟฟี หรือ เอ. เอส. ไบแอตต์ (อังกฤษ: A. S. Byatt หรือ Dame Antonia Susan Duffy, DBE) (24 สิงหาคม ค.ศ. 1936 - 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023) ไบแอตต์เป็นนักเขียนนวนิยายและกวีคนสำคัญชาวอังกฤษ เธอมีชื่อเมื่อแรกเกิดว่า "Antonia Susan Drabble" ไบแอตต์เป็นบุตรีของผู้พิพากษาจอห์น เฟรเดอริค แดรบเบิล และแคทเธอรีน แมรี บลัวร์ ต่อมาสมรสกับปีเตอร์ ดัฟฟี ชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ "เอ. เอส. ไบแอตต์"
ชีวิตและอาชีพ
[แก้]ไบแอตต์ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนเมานท์, วิทยาลัยนูว์นแนม (มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์), วิทยาลัยเบรนมอว์ (Bryn Mawr College) ในเพนซิลเวเนีย และ วิทยาลัยซอมเมอร์วิลล์ (มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด) ทุนการค้นคว้าที่ได้รับของสถาบันหลังที่ขึ้นอยู่กับการเป็นโสดมายุติลงเมื่อไบแอตต์สมรสครั้งแรกกับเอียน ไบแอตต์ในปี ค.ศ. 1959 น้องสาวคนรองของไบแอตต์มาร์กาเร็ต แดรบเบิลเป็นนักเขียนนวนิยาย และอีกคนหนึ่งเฮเลน แลงดอนเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลป์
ไบแอตต์ทำงานปาฐกถาที่คณะการศึกษานอกสถานที่ของมหาวิทยาลัยลอนดอนระหว่างปี ค.ศ. 1962 ถึงปี ค.ศ. 1971[1] คณะศิลปะและการออกแบบของวิทยาลัยเซนต์มาร์ตินระหว่างปี ค.ศ. 1972 ถึงปี ค.ศ. 1983 ที่มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน[1]
The Shadow of the Sun (ไทย: เงาสุริยา) นวนิยายเรื่องแรกที่เป็นเรื่องของหญิงสาวที่เติบโตขึ้นภายในเงาของพ่อผู้มีบุคลิกที่มีอิทธิพลเหนือกว่าได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1964 ตามด้วย The Game (ค.ศ. 1967) ซึ่งเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสตรีสองคน[1], The Virgin in the Garden (ค.ศ. 1978) (ไทย: สาวบริสุทธิ์ในสวน) เป็นหนังสือเรื่องแรกที่เป็นเรื่องติดต่อกันสี่เรื่องที่เป็นเรื่องสมาชิกในครอบครัวในยอร์คเชอร์ ที่มาต่อด้วย Still Life (ค.ศ. 1985) (ไทย: ภาพนิ่ง) ที่ได้รับรางวัลเพ็น/แม็คมิลแลนเงิน และ Babel Tower (ค.ศ. 1996) (ไทย: หอบาเบล) เล่มที่สี่ในชุดนี้คือ A Whistling Woman (ค.ศ. 2002) (ไทย: สตรีผิวปาก) หนังสือสี่เล่มนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในบริเตนในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 และ ชีวิตของเฟรเดอริคาในฐานะสตรีผู้มีการศึกษาและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดผู้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในช่วงเวลาที่มีนักศึกษาสตรีเพียงไม่กี่คน และต่อมาหลังจากหย่ากับสามีแล้วก็มาเริ่มชีวิตใหม่ในลอนดอนกับลูกชาย เช่นเดียวกับ Babel Tower นวนิยายเรื่อง A Whistling Woman เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1960 ที่สะท้อนถึงสถานะของสังคมในยุคของความฝันในการเป็นโลกของยูโทเปียและการปฏิวัติ ต่อมาในปี ค.ศ. 1993 ไบแอตต์ก็เขียน The Matisse Stories (ไทย: เรื่องมาทีส) ซึ่งเป็นหนังสือชุดสามเรื่อง แต่ละเรื่องบรรยายภาพเขียนโดยอองรี มาตีสที่เป็นแรงบันดาลใจของไบแอตต์ แต่ละเรื่องเริ่มต้นด้วยวิกฤติการณ์เล็กๆ ที่บานออกไปเป็นความยุ่งเหยิงที่ซับซ้อนขึ้นของตัวละครเอก
Possession (ไทย: เจ้าของ) งานเขียนที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด เป็นเรื่องขนานระหว่างความสัมพันธ์ของนักการศึกษาสองคนในยุคปัจจุบันกับ กับความสัมพันธ์ของกวีสองคนของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่นักการศึกษาทำการค้นคว้า Possession ได้รับรางวัลแมนบุคเคอร์ในปี ค.ศ. 1990
นอกจากจะเขียนนวนิยายแล้วไบแอตต์ก็ยังเขียนเรื่องสั้นด้วย งานเขียนของไบแอตต์เป็นงานที่มีอิทธิพลจากเฮนรี เจมส์, จอร์จ อีเลียต, เอมมิลี ดิคคินสัน, ที. เอส. อีเลียต และ โรเบิร์ต บราวนิง ในการผสานระหว่างสัจนิยม และ ธรรมชาตินิยม กับแฟนตาซี และเป็นที่แน่นอนว่าในการเขียนนวนิยายชุดสี่เล่มเป็นงานที่มีอิทธิพลโดยตรงจากดี. เอช. ลอว์เรนซ์ โดยเฉพาะในงานเขียนของลอว์เรนซ์ The Rainbow (ไทย: สายรุ้ง) และ Women in Love (ไทย: สตรีตกหลุมรัก) ไอริส เมอร์ด็อคก็เป็นนักเขียนอีกผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลต่อไบแอตต์ ในงานเขียนที่เป็นนัยยะหรือวางโครงสร้างของหัวใจของเรื่องจากวรรณกรรมจินตนิยมและวิคตอเรีย การใช้แฟนตาซีของไบแอตต์เป็นการวางทางเลือกอีกทางหนึ่ง (alternative) ในการบรรยายเรื่องที่ไม่ใช่การหนีจากความเป็นจริง (escapism) ซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะบอกได้ว่าสิ่งใดคือจินตนาการและสิ่งใดคือความขัดแย้งทางจิตวิทยา ในหนังสือในช่วงที่เขียนเมื่อไม่นานมานี้ไบแอตต์นำความสนใจทางวิทยาศาสตร์ปริชานศาสตร์ (cognitive science) และ สัตววิทยาเข้ามาใช้ งานสองชิ้นของไบแอตต์ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ Possession ที่สร้างในปี ค.ศ. 2002 และ Angels & Insects ที่สร้างในปี ค.ศ. 1995
นอกจากนั้นแล้วไบแอตต์ก็ยังมีงานเขียนในนิตยสาร Prospect และ เดอะการ์เดียน ไบแอตต์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ ชั้นสาม (Order of the British Empire (CBE)) ในปี ค.ศ. 1990 และต่อมา เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ ชั้นสอง (DBE) ในปี ค.ศ. 1999
งานเขียน
[แก้]- The Shadow of the Sun, 1964
- Degrees of Freedom: The Early Novels of Iris Murdoch, 1965
- The Game, 1967
- Wordsworth and Coleridge in Their Time Nelson, 1970
- Iris Murdoch: A Critical Study Longman, 1976
- The Virgin in the Garden, 1978
- Still Life, 1985
- Sugar and Other Stories, 1987
- Unruly Times: Wordsworth and Coleridge, Poetry and Life , 1989
- George Eliot: Selected Essays, Poems and Other Writings (เป็นบรรณาธิการร่วมกับนิโคลัส วอร์เรน), 1990
- Possession: A Romance, (1990 ISBN 0-7011-3260-4)
- Passions of the Mind: Selected Writings , 1991
- Angels & Insects, 1992
- The Matisse Stories, 1993
- The Djinn in the Nightingale's Eye, 1994
- Imagining Characters: Six Conversations about Women Writers (ร่วมกับอิกเนส โซเดอร์), 1995
- New Writing Volume 4 (เป็นบรรณาธิการร่วมกับแอเลน ฮอลลิงเฮิร์สท์), 1995
- Babel Tower, 1996
- New Writing Volume 6 (เป็นบรรณาธิการร่วมกับปีเตอร์ พอร์เตอร์), 1997
- Elementals: Stories of Fire and Ice, 1998
- Oxford Book of English Short Stories (บรรณาธิการ), 1998
- On Histories and Stories: Selected Essays, 2000
- The Biographer's Tale, 2000
- Portraits in Fiction, 2001
- The Bird Hand Book , 2001
- A Whistling Woman, 2002
- Little Black Book of Stories, 2003
- The Children's Book, 2009
รางวัลทางวรรณกรรมและอิสริยาภรณ์
[แก้]- 1986 รางวัลเพ็น/แม็คมิลเงิน สำหรับนวนิยายเรื่อง Still Life
- 1987 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวรรณคดีแบรดฟอร์ด
- 1990 รางวัลแมนบุคเคอร์ สำหรับนวนิยายเรื่อง Possession: A Romance
- 1990 เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ ชั้นสาม CBE
- 1990 รางวัลนวนิยายนานาชาติโดยไอริชไทม์ สำหรับนวนิยายเรื่อง Possession: A Romance
- 1991 รางวัลนักเขียนเครือจักรภพ สำหรับนวนิยายเรื่อง Possession: A Romance
- 1991 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยยอร์ค
- 1991 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเดอแรม
- 1992 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม
- 1993 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล
- 1994 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ
- 1995 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน
- 1995 Premio Malaparte (Italy)
- 1995 รางวัลอากาข่านสำหรับนวนิยาย สำหรับนวนิยายเรื่อง The Djinn in the Nightingale's Eye
- 1998 Mythopoeic Fantasy Award สำหรับวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ The Djinn in the Nightingale's Eye
- 1999 เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ ชั้นสอง DBE
- 1999 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวรรณคดีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
- 2000 สมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันลอนดอน
- 2000 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์
- 2002 รางวัลเชคสเปียร์ (เยอรมนี)
- 2004 ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเค้นท์
- 2007 ปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยวินเชสเตอร์
- 2009 รางวัลกรองด์พรีซ์จากเทศกาลหนังสือบลูเมโทรโพลิส[2] (แคนาดา)
- 2009 รางวัลแมนบุคเคอร์ The Children's Book (เข้ารอบสุดท้าย)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Contemporary Authors website.
- ↑ "A.S. Byatt Recipient of the 2009 Blue Metropolis Literary Grand Prix". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-27. สืบค้นเมื่อ 2009-09-20.