ไอ้แมลงวัน (สยองพันธุ์ผสม)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไอ้แมลงวัน
กำกับเดวิด โครเนนเบิร์ก
เขียนบทเรื่องสั้น:
จอร์จ แลงเกล็น
บทภาพยนตร์:

ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด พอจ
เดวิด โครเนนเบิร์ก
อำนวยการสร้างสจ๊วต คอร์นฟิลด์
นักแสดงนำเจฟฟ์ โกลด์บลุม
จีนา เดวิส
จอห์น เกทซ์
กำกับภาพมาร์ค เออร์วิน
ตัดต่อโรแลนด์ แซนเดอร์ส์
ดนตรีประกอบโฮเวิร์ด ชอร์
ไนล์ รอดเจอร์ส์
ผู้จัดจำหน่ายทเวนตีธ์ เซนจูรี ฟอกซ์
วันฉาย15 สิงหาคม ค.ศ. 1986 (ในสหรัฐอเมริกา)
ความยาว95 นาที
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง15,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ทำเงิน60,629,159 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อจากนี้The Fly II (ค.ศ. 1989)
ข้อมูลจาก IMDb

ไอ้แมลงวัน (สยองพันธุ์ผสม) ชื่อภาษาไทยของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง The Fly นำแสดงโดย เจฟฟ์ โกลด์บลุม, จีนา เดวิส, จอห์น เกทซ์ กำกับการแสดงโดย เดวิด โครเนนเบิร์ก

คำโปรย[แก้]

  • Be Afraid. Be Very Afraid.

เนื้อเรื่อง[แก้]

เซธ บรันเดิล (เจฟฟ์ โกลด์บลุม) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องได้พบกับนักข่าวสาวชื่อว่า เวโรนิก้า เกฟ (จีนา เดวิส) ที่งานแถลงข่าวของบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ บริษัทนี้มอบเงินทุนให้เซธทำการวิจัยของเขา เซธพาเวโรนิก้าไปที่โกดังของเขาที่เป็นทั้งบ้านและห้องทดลองเพื่อแสดงสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงโลกได้นั่นคือ "เครื่องย้ายมวลสาร" ที่สามารถย้ายสสารจากตู้หนึ่งไปสู่อีกตู้หนึ่งได้ เซธพยายามที่จะให้เวโรนิก้าเก็บความลับโครงการของเขาไว้เพื่อไม่ให้เบื้องบนของเขารับรู้ อย่างไรก็ตามเครื่องย้ายมวลสารนี้สามารถย้ายสสารที่ไม่มีชีวิตได้เท่านั้น โดยที่การย้ายสิ่งมีชีวิตนั้นยังไม่สามารถทำได้ (เซธได้ลองใช้ลิงบาบูนในการทดลองย้ายสสาร ปรากฏว่าร่างกายของลิงบาบูนนั้นแหลกเหลว) เซธและเวโรนิก้าเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ต่อมาเซธได้ทำการทดลองย้ายสิ่งมีชีวิตได้สำเร็จ โดยใช้ลิงบาบูนอีกตัว โดยที่ผลที่ได้ร่างกายของลิงนั้นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

ผลจากความสำเร็จ เซธและเวโรนิก้าตั้งใจจะฉลองมื้อค่ำด้วยกัน แต่เวโรนิก้าได้ขอเซธไปทำธุระข้างนอกกลางคัน เซธคิดว่าเวโรนิก้าจะไปคืนดีกับสแตธิส โบแรนส์ (จอห์น เกทซ์) แฟนเก่าซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่เวโรนิก้าทำงานอยู่ซึ่งความจริงนั้นเวโรนิก้ากับสแตธิสได้เลิกรากันไปแล้ว แต่สแตธิสนั้นยังคงรักเธออยู่และอิจฉาเซธที่เวโรนิก้าหลงไหล เซธจึงได้ดื่มสุราจนเกิดอาการมึนเมาและตัดสินใจทำการย้ายมวลสารของตัวเองโดยที่ไม่มีเวโรนิก้าอยู่ดู ในขณะที่เซธอยู่ในเครื่องย้ายมวลสารกำลังจะทำงานนั้น ปรากฏว่ามีแมลงวันตัวหนึ่งอยู่ภายในตัวเครื่องพร้อมกับเซธ หลังจากที่ได้ทำการย้ายมวลสารแล้ว เซธออกมาจากเครื่องและพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงของตนเองพบว่าตนเองมีพละกำลังมากขึ้น มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าปกติรวมไปถึงสมรรถภาพทางเพศที่เพิ่มมากขึ้น เซธเชื่อว่านี่คือผลของการย้ายมวลสารทำให้ร่างกายของเขามีสมรรถภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามเวโรนิก้าเป็นห่วงเซธที่เริ่มมีความดุดันมากขึ้นจนผิดปกติ รวมไปถึงขนประหลาดที่ขึ้นจากบาดแผลที่ด้านหลังของเซธ เซธเริ่มก้าวร้าวดุร้ายคล้ายกับคนขาดยาเสพย์ติด และพยายามบังคับให้เวโรนิก้าทำการย้ายมวลสารเหมือนกับเขาแต่เธอปฏิเสธ เซธโมโหเธอและออกไปข้างนอก เซธท้าคนในบาร์โดยการงัดข้อปรากฏว่าทำให้อีกฝ่ายถึงกับข้อมือหัก เซธพา ทอว์นี่ หญิงในบาร์มาร่วมหลับนอนที่ห้องของเขา เช้าวันต่อมาเซธกับทอว์นี่ทะเลาะกันเพราะบังคับให้เธอเข้าไปในเครื่องย้ายมวลสารแต่เวโรนิก้ามาหาซะก่อน เซธโวยวายเมื่อพบเวโรนิก้าแต่เธอเป็นห่วงเกี่ยวกับสุขภาพของเซธ แต่เซธไม่สนใจกลับไล่เธอออกไปจากห้อง อย่างไรก็ตามเซธเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปของร่างกายของเขาไม่ว่าจะเป็นเล็บที่เริ่มหลุดออกมาจากนิ้วมือ เขารีบไปตรวจสอบกับคอมพิวเตอร์ของเครื่องย้ายมวลสารเกี่ยวกับการย้ายมวลสารของเขาในวันนั้น เขาได้พบกับความจริงที่น่าสะพรึงกลัวว่า การย้ายมวลสารในครั้งนั้นมีแมลงวันอยู่ในเครื่องย้ายมวลสารเดียวกับตน เมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ต่างชนิดกัน 2 สิ่ง คอมพิวเตอร์จึงทำการรวมเซลของเซธและแมลงวันตัวนั้นเข้าด้วยกัน นั่นทำให้เซธตกตะลึงสุดขีด

หลายอาทิตย์ต่อมา ร่างกายของเซธเปลี่ยนแปลงไปจนเค้าความเป็นมนุษย์นั้นเริ่มลดลงเรื่อยๆ เขาขอร้องให้เวโรนิก้ามาพบกับตน เซธบอกกับเธอว่าร่างกายของเขากำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และแมลงอีกต่อไป (เซธเรียกสภาพนี้ว่า "แมลงวันบรันเดิล" ) เซธเริ่มมีท่าทางอากัปกิริยาของแมลงวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคายน้ำย่อยใส่อาหารก่อนที่จะกิน รวมไปถึงความสามารถในการยึดเกาะกำแพงหรือเพดาน เขาตระหนักได้ว่าความรู้สึกนึกคิดของความเป็นมนุษย์นั้นเริ่มจะหายไปแล้ว และเริ่มควบคุมสัญชาตญาณตัวเองไม่ได้ ถึงกระนั้นเซธก็หาวิธีรักษาอาการกลายพันธุ์นี้โดยการยับยั้งยีนของแมลงวันไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้โดยการใช้ DNA ของมนุษย์ ขณะเดียวกันเวโรนิก้าพบว่าเธอตั้งครรภ์กับเซธ และเธอไม่แน่ใจว่าทารกในครรภ์ของเธอจะมีชะตากรรมเดียวกับเซธหรือไม่ หลังจากที่เธอฝันว่าเธอไปทำแท้งแต่ปรากฏว่ากลายเป็นหนอนขนาดยักษ์ออกมาจากครรภ์ของเธอ เวโรนิก้าและสแตธิสตัดสินใจที่จะทำแท้ง แต่แพทย์นั้นไม่ตกลงที่จะทำแท้งให้เนื่องจากเหตุผลของเวโรนิก้าไม่เพียงพอ เธอขอร้องให้แพทย์ทำแท้งเพราะเธอไม่แน่ใจว่าที่อยู่ในครรภ์ของเธอจะเป็นมนุษย์หรือไม่ ภายหลังเวโรนิก้ากำลังทำใจที่จะรับการทำแท้ง เซธได้มาหาเวโรนิก้าและพาหนีไปจากโรงพยาบาล เซธขอร้องเธอว่าอย่าทำแท้งเพราะลูกของเขาอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเซธ แต่เวโรนิก้าก็กลัวเกินกว่าจะยอมรับได้ ขณะเดียวกันสแตธิสแอบเข้ามาที่ห้องของเซธพร้อมกับปืนลูกซอง ทันใดนั้นเขาได้พบกับเซธและถูกเซธทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่มือซ้ายและเท้าขวาจากการถูกน้ำย่อยละลาย ก่อนที่เซธจะทำร้ายสแตธิสไปมากกว่านี้ทันใดนั้นเวโรนิก้ามาห้ามไว้ ตอนนี้ร่างกายของเซธใกล้จะกลายพันธุ์ไปโดยสมบูรณ์ทุกขณะ

เซธบอกกับเวโรนิก้าว่าทางเดียวที่เขาจะกลับไปเป็นมนุษย์เหมือนเดิมได้ เขาต้องรวมร่างกับมนุษย์อีกคนหนึ่ง ซึ่งเซธเลือกเวโรนิก้าเพื่อที่จะทำให้เซธและเวโรนิก้ากับลูกในท้องนั้นกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เวโรนิก้าขัดขืนเซธที่จะลากเธอไปยังเครื่องย้ายมวลสารที่ 1 เธอเผลอไปทำขากรรไกรล่างของเซธหลุดออกมา เซธได้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งแมลงอย่างสมบูรณ์ "แมลงวันบรันเดิล"ลากเวโรนิก้าเข้าไปยังเครื่องย้ายมวลสารที่ 1 ส่วนตัวเขาจะเข้าไปที่เครื่องที่ 2 อย่างไรก็ตามสแตธิสที่บาดเจ็บสาหัสนั้นมาช่วยเวโรนิก้าไว้โดยการยิงปืนลูกซองใส่สายไฟที่เชื่อมเครื่องย้ายมวลสารที่มีเวโรนิก้าอยู่ภายใน ทำให้เวโรนิก้าออมาจากเครื่องได้โดยไม่เป็นอะไร ในขณะที่กระบวนการการรวมร่างใกล้จะทำงาน แมลงวันบรันเดิลที่อยู่ในเครื่องย้ายมวลสารที่ 2 ได้พังประตูเครื่องออกมา ทันใดนั้นกระบวนการรวมร่างก็เริ่มขึ้น เมื่อประตูของเครื่องย้ายมวลสารที่ 3 (ปลายทางของเครื่องที่ 1 และ 2) เปิดออกมามีสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงออกมาจากเครื่องนั้น นั่นคือแมลงวันบรันเดิลที่รวมร่างกับเศษชิ้นส่วนของเครื่องย้ายมวลสารที่ 2 เวโรนิก้ารู้สึกหดหู่และสงสารเมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น มันได้เอาปืนของสแตธิสที่เวโรนิก้าถือมามาจ่อที่ศีรษะเพื่อให้เวโรนิก้ายุติชะตากรรมนี้ เวโรนิก้าลั่นไกปืนนั้นด้วยความเสียใจสุดขีดเมื่อปลิดชีวิตสัตว์ประหลาดนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเซธ บรันเดิล เธอร้องไห้และคุกเข่าต่อหน้าคนรักของเธอที่จากในร่างของซากสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้น

เบื้องหลังและความสำเร็จ[แก้]

The Fly สร้างมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ จอร์จ แลงเกล็น นักเขียนชาวอังกฤษ และเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วถึง 3 ภาคด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1958 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

ในครั้งนี้ The Fly ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยการกำกับและร่วมเขียนบทและร่วมแสดงด้วย โดย เดวิด โครเนนเบิร์ก ผู้กำกับสัญชาติแคนาดา ที่มีชื่อเสียงกับภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญ

โดยถ่ายทำที่โทรอนโต บ้านเกิดของโครเนนเบิร์กเอง ในช่วงปี ค.ศ. 1985-ค.ศ. 1986 เมื่อเข้าฉายแล้ว ภาพยนตร์ได้รับคำชมว่าแต่งหน้าและมีเอฟเฟกต์ที่ทำได้น่ากลัวสยองขวัญสมจริงมาก จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม ประจำปี ค.ศ. 1986 และได้รางวัลชนะเลิศไป โดย คริส วอลเลส และสตีเฟ่น ดูพุส

ในส่วนของนักแสดง นับเป็นการร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 2 ของเจฟฟ์ โกลด์บลุม และจีนา เดวิส นักแสดงนำในเรื่อง ซึ่งเคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ในภาพยนตร์แนวตลก หลังจากนี้ทั้งคู่ก็ได้คบหาและแต่งงานกันในที่สุด

นอกจากนี้แล้ว ภาพยนตร์ยังทำเงินรายได้ถึง 60,629,159 ดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 15,000,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น จนต้องมีการสร้างภาคต่อขึ้นมาในปี ค.ศ. 1989 ในชื่อ The Fly II

ในเว็บไซต์IMDbได้ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ 7.4 ดาวจากทั้งหมด 10 ดาว และได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโครเนนเบิร์ก แต่สำหรับทัศนะของ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยเห็นว่าภาพยนตร์ไตรภาคในยุคทศวรรษที่ 50 นั้นน่ากลัวกว่า[1]

ละครเวที[แก้]

ในปี ค.ศ. 2008 ได้มีการสร้างเป็นละครเวทีโอเปราด้วย โดย โฮเวิร์ด ชอร์ ผู้แต่งดนตรีประกอบของเรื่อง[2]

การทำใหม่[แก้]

ในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2009 เดวิด โครเนนเบิร์ก ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะสร้าง The Fly ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยใช้ต้นฉบับที่ตนเองกำกับในปี ค.ศ. 1986 โดยจะรับหน้าที่เขียนบทและกำกับเองอีกครั้ง

อ้างอิง[แก้]

  1. คอลัมน์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
  2. "LAOpera information about cast and production dates". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-05. สืบค้นเมื่อ 2010-03-04.

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]