แม่แบบ:บทความคัดสรร/สิงหาคม 2558

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ฮาเร็มของสุลต่านภายหลังการระดมยิง

สงครามอังกฤษ–แซนซิบาร์ เป็นการสู้รบระหว่างสหราชอาณาจักรและรัฐสุลต่านแซนซิบาร์ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1896 ความขัดแย้งนี้กินเวลาเพียง 38 นาที นับเป็นสงครามที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ สาเหตุที่ใกล้ชิดของสงครามนี้เกิดจากฮาเม็ด บิน ทูเวไน (Hamad bin Thuwaini) สุลต่านที่ได้รับความเห็นชอบจากสหราชอาณาจักร สวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1896 และคาลิด บิน บาร์กาช (Khalid bin Barghash) สืบราชสันตติวงศ์ ขณะที่สหราชอาณาจักรเห็นชอบให้ฮามัด บิน มุฮามเม็ด (Hamud bin Muhammed) ผู้ที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่สหราชอาณาจักรได้มากกว่า เป็นสุลต่าน ตามสนธิสัญญาที่ลงนามใน ค.ศ. 1886 เงื่อนไขการขึ้นครองราชย์ คือ ผู้มีคุณสมบัติต้องได้รับการอนุญาตจากกงสุลสหราชอาณาจักรเสียก่อน แต่คาลิดนั้นมิได้เป็นไปตามข้อกำหนดนี้ สหราชอาณาจักรถือว่าเป็นเหตุแห่งสงคราม และยื่นคำขาดต่อคาลิดให้พระองค์มีพระบรมราชโองการให้กองกำลังของพระองค์วางอาวุธ และให้ออกจากพระราชวัง สุลต่านคาลิดโต้ตอบโดยทรงระดมยามพระราชวังและทรงขังพระองค์อยู่ในพระราชวัง

เส้นตายสิ้นสุดที่เวลา 09:00 น. ตามเวลาแอฟริกาตะวันออก (EAT) ของวันที่ 27 สิงหาคม ณ เวลานั้นกองกำลังของอังกฤษประกอบด้วยเรือลาดตระเวน 3 ลำ เรือปืน 2 ลำ นาวิกโยธินและลูกเรือ 150 นาย และชาวแซนซิบาร์ 900 คนได้ชุมนุมกันที่บริเวณท่าเรือ กองทัพเรือสหราชอาณาจักรอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพลเรือตรีแฮร์รี รอว์ซัน (Harry Rawson) ขณะที่ชาวแซนซิบาร์อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลจัตวาลอยด์ แมตทิวส์ (Lloyd Mathews) แห่งกองทัพบกแซนซิบาร์ กองกำลังป้องกันพระราชวังฝ่ายแซนซิบาร์มีประมาณ 2,800 คน กองกำลังส่วนมากเกณฑ์มาจากประชาชนทั่วไป มียามพระราชวังปะปนอยู่บ้าง และมีคนรับใช้และทาสของคาลิดอีกหลายร้อยคน ฝ่ายป้องกันมีปืนใหญ่สองสามกระบอกและปืนกลที่ติดตั้งอยู่หน้าพระราชวังโดยเล็งไปยังเรือของอังกฤษ การระดมยิงเปิดฉากเมื่อเวลา 09:02 น. ผลทำให้พระราชวังไฟไหม้และปืนใหญ่ฝ่ายตั้งรับไม่สามารถใช้การได้ มีการปฏิบัติทางเรือขนาดเล็ก โดยฝ่ายอังกฤษสามารถจมเรือยอตช์หลวงของแซนซิบาร์และเรือที่เล็กกว่าได้สองลำ มีการยิงมาที่ทหารแซนซิบาร์ที่นิยมอังกฤษบ้างขณะที่เคลื่อนเข้าสู่พระราชวัง แต่ไร้ผล ธงที่พระราชวังถูกยิงล้ม และการยิงสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 09:40 น. (อ่านต่อ...)

บทความคัดสรรก่อนหน้านี้: เจ. เค. โรว์ลิงประเทศตองงาเนบิวลาปู