เหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธในแซร์ฮียิวกา

พิกัด: 46°01′24″N 30°21′23″E / 46.02330°N 30.35652°E / 46.02330; 30.35652
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธในแซร์ฮียิวกา
เป็นส่วนหนึ่งของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565
สัตว์เลี้ยงที่ตายจากการถูกโจมตีที่อาคาร 9 ชั้น
แผนที่
อาคาร 9 ชั้น เลขที่ 23 ถนนบูจัก ศูนย์นันทนาการและโรงแรมฮอจี
สถานที่นิคมแซร์ฮียิวกา เทศบาลนิคมแซร์ฮียิวกา เขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย แคว้นออแดซา ยูเครน
พิกัด46°01′24″N 30°21′23″E / 46.02330°N 30.35652°E / 46.02330; 30.35652
วันที่1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
ประมาณ 00:20 น.[1][2] (UTC+3)
เป้าหมายพลเรือน
ประเภทการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
อาวุธขีปนาวุธคา-22[3]
ตาย22 คน[4] (รวมเด็ก 1 คน)[5][6][7]
เจ็บ39 คน (รวมเด็ก 6 คน)[5][6][7]
ผู้ก่อเหตุกองทัพรัสเซีย

เมื่อเวลาประมาณ 00:20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารที่อยู่อาศัยและศูนย์นันทนาการในแซร์ฮียิวกา นิคมตากอากาศริมฝั่งทะเลดำในเทศบาลนิคมแซร์ฮียิวกา เขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย แคว้นออแดซา ประเทศยูเครน[8][9] เหตุโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน (รวมถึงเด็กอายุ 11 ปี) และกลายเป็นเหตุโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในแคว้นออแดซานับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน[1]

ภูมิหลัง[แก้]

นิคมตากอากาศริมฝั่งทะเลดำในแคว้นออแดซาอย่างซันฌีย์กา, ซาตอกา, แซร์ฮียิวกา และแลแบดิวกาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงวันหยุดพักร้อนของชาวยูเครนจนกระทั่ง พ.ศ. 2565 เมื่อรัสเซียเข้ารุกรานยูเครน นับแต่นั้นมาชายฝั่งแคว้นออแดซาก็ถูกรัสเซียยิงโจมตีอย่างต่อเนื่อง[10]

การโจมตี[แก้]

ตามข้อมูลเบื้องต้น เครื่องบินตู-22เอม3 จำนวน 3 ลำของกองทัพอากาศรัสเซียบินออกจากแคว้นวอลโกกราดมายังไครเมีย[11] และหลังจากบินมาได้เป็นระยะ 1,200 กิโลเมตร (750 ไมล์) ก็ยิงขีปนาวุธประเภทคา-22 จำนวน 3 ลูกมาทางนิคมแซร์ฮียิวกาในเขตบิลฮอรอด-ดนิสตรอว์สกึย[10]

หลังเที่ยงคืนของวันที่ 1 กรกฎาคม ขีปนาวุธลูกแรกพุ่งเข้าใส่ร้านอุปกรณ์ช่างที่ชั้นล่างของอาคารอยู่อาศัย 9 ชั้น เลขที่ 23 ถนนบูจัก ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 15 คน[12] และห้องพักอาศัย 105 ห้องจากทั้งหมด 106 ห้องในอาคารนั้นได้รับความเสียหาย[10] หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ขีปนาวุธอีก 2 ลูกก็พุ่งเข้าใส่ศูนย์นันทนาการและโรงแรม "ฮอจี" ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง[10] ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 6 คน[12]

ผู้เสียชีวิตที่ศูนย์นันทนาการฮอจีรวมถึงนาดียา รุดนึตส์กึย ผู้จัดการศูนย์ฯ, ดมือตรอ รุดนึตส์กึย ลูกชายอายุ 11 ปีของเธอ และออแลกซันดร์ ชึชกอว์ ผู้ฝึกสอนฟุตบอลเยาวชนที่มีชื่อเสียงจากเมืองออแดซา[12] ในเวลานั้นชึชกอว์พักอยู่ที่ศูนย์ฯ ก่อนนัดการแข่งขันฟุตบอลล่วงหน้า 1 วัน[10] ส่วนที่อาคาร 9 ชั้นนั้น นอกจากจะมีคนเสียชีวิตแล้วยังมีสัตว์เลี้ยงที่ตายจากเหตุโจมตีครั้งนี้ด้วย[8]

อาคารอีกหลายหลังภายในรัศมี 2 กิโลเมตรจากพื้นที่เกิดเหตุยังได้รับผลกระทบจากคลื่นแรงระเบิด[10] อาคารศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพเด็กของรัฐบาลมอลโดวาในแซร์ฮียิวกาได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 5 คน[13]

ปฏิกิริยา[แก้]

ทางการยูเครนประกาศให้วันที่ 2 กรกฎาคมเป็นวันไว้อาลัยในแคว้นออแดซา[14] ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการสอบสวนเหตุโจมตีในฐานะอาชญากรรมสงครามที่เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายและประเพณีสงครามร่วมกับฆาตกรรมโดยเจตนา[15]

กระทรวงการต่างประเทศมอลโดวาประณามเหตุโจมตีและเผยแพร่ข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพเด็กของรัฐบาลมอลโดวา[13] กระทรวงสาธารณสุขมอลโดวากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ในศูนย์ฯ อย่างทุ่มเท และแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต[16] โรมาเนียประณามเหตุโจมตีเช่นกัน และกล่าวว่าทางการโรมาเนียจะหารือกับทางการมอลโดวาเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป[17]

ชเต็ฟเฟิน เฮเบิสไทรท์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่า "เหตุการณ์นี้แสดงให้เราเห็นอีกครั้งว่าผู้รุกรานจากรัสเซียเพิกเฉยอย่างจงใจต่อการเสียชีวิตของพลเรือน ... การโจมตีพลเรือนถือเป็นอาชญากรรมสงคราม ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน และผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุจะต้องรับผิดชอบ"[18]

วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ "เป็นการก่อการร้ายโดยเจตนาของรัสเซีย และไม่ใช่การโจมตีผิดพลาดใด ๆ"[19] เขาตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพรัสเซียใช้อาวุธทรงพลังเพื่อโจมตีเป้าหมายพลเรือน "ขีปนาวุธคา-22 เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบขนาดใหญ่อื่น ๆ และกองทัพรัสเซียใช้มันเพื่อโจมตีอาคาร 9 ชั้นธรรมดาที่มีพลเรือนอาศัยอยู่"[20][21]

อีวัน บากานอว์ หัวหน้าหน่วยความมั่นคงยูเครน ระบุว่าการโจมตีเป้าหมายพลเรือนครั้งนี้เป็นการแก้แค้นของกองทัพรัสเซียที่จำต้องถอนกำลังออกจากเกาะงูในทะเลดำเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน (วันก่อนเกิดเหตุโจมตี)[22]

ดมีตรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ปฏิเสธว่าฝ่ายตนไม่ได้โจมตีเป้าหมายพลเรือนในยูเครนและกล่าวว่าอาคารเป้าหมายเหล่านั้นถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร[20][21] อย่างไรก็ตาม องค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและศึกษาภาพถ่ายจากดาวเทียมแล้วไม่พบหลักฐานว่ามีทหารยูเครน อาวุธ เป้าหมายทางทหาร หรือกิจกรรมทางทหารใด ๆ ในพื้นที่ก่อนเกิดเหตุโจมตี[12][20]

ระเบียงภาพ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 "Найбільша кількість загиблих від початку вторгнення: що відомо про трагедію в Сергіївці Одеської області. Відео" (ภาษายูเครน). Суспільне Новини. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  2. "Суцільний крах: показали відео знищеного будинку під Одесою" (ภาษายูเครน). Gazeta.ua. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  3. "По Білгород-Дністровському району росіяни вдарили 3 ракетами Х-22 – ОК «Південь»" (ภาษายูเครน). Українська правда. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  4. "Удар по Сергіївці на Одещині: зросла кількість жертв". Українська Правда. 2022-07-09.
  5. 5.0 5.1 "Рятувальники працюють на місці ракетного удару в смт Сергіївка на Одещині" (ภาษายูเครน). Офіційний веб-портал ДСНС України. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  6. 6.0 6.1 "Сергіївка на Одещині. Росіяни завдали ракетного удару, багато загиблих та поранених" (ภาษายูเครน). BBC News | Україна. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  7. 7.0 7.1 "Рятувальники виявили 20 загиблих внаслідок ракетного удару по Сергіївці" (ภาษายูเครน). Радіо Свобода. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  8. 8.0 8.1 "Россия обстреляла курорт под Одессой, погиб 21 человек, в том числе один ребенок" (ภาษารัสเซีย). BBC. 2022-07-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-01.
  9. Nazarchuk, Iryna (2022-07-01). "After Snake Island retreat, Russian missile attack kills 21 near Ukraine's Odesa". Reuters.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 "Murders while sleeping. How Russian rockets attacked Odessa resorts". ElitExpert. 2022-11-04. สืบค้นเมื่อ 2022-12-02.
  11. "Russia-Ukraine War: Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". The Times of India. 2022-07-02.
  12. 12.0 12.1 12.2 12.3 "Ukraine: Civilians killed by 'reckless' Russian attacks on Serhiivka apartment block and beach resort". Amnesty International. 2022-07-07. สืบค้นเมื่อ 2022-07-08.
  13. 13.0 13.1 Botnarenco, Iurii (2022-07-01). "Chișinăul a reacționat la atacul cu rachete rusești din orașul Sergheevca, în care a fost ucis cetățean al R. Moldova". Adevărul (ภาษาโรมาเนีย).
  14. "В Одессе и области объявили траур по жертвам трагедии в Сергеевке". USI. 2022-07-01.
  15. "Порушення законів війни та умисне вбивство: правоохоронці розпочали розслідування ракетного удару в Одеській області" (ภาษายูเครน). Суспільне Новини. 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.
  16. Simone McCarthy, Rob Picheta, Laura Smith-Spark, Aditi Sangal, Elise Hammond and Adrienne Vogt (2022-07-01). "At least 1 dead and 5 injured after children's medical rehabilitation center near Odesa hit in Russian attack". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-07-01.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  17. "România va ajuta R. Moldova după atacul cu rachete de la Sergheevca". Noi.md (ภาษาโรมาเนีย). 2022-07-02.
  18. "Правительство ФРГ назвало военным преступлением обстрел Одесской области". Deutsche Welle. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02.
  19. "Russia-Ukraine war: Zelenskiy accuses Russia of 'deliberate terror'; UK 'condemns exploitation' of captured Britons – latest updates". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
  20. 20.0 20.1 20.2 "Kyiv says at least 21 dead in strike near city of Odessa". The Washington Post. 2022-07-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
  21. 21.0 21.1 "Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". ABC News (ภาษาอังกฤษ). 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.
  22. "Russian missiles kill at least 21 in Ukraine's Odesa region". The Associated Press. 2022-07-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-02. สืบค้นเมื่อ 2022-07-02.