เชฟโรเลต แคปติวา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เชฟโรเลต แคปติวา
เชฟโรเลต แคปติวา
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิต
เริ่มผลิตเมื่อ
  • พ.ศ. 2549 – ปัจจุบัน
  • พ.ศ. 2549 – 2560 (รุ่นแรก)
  • พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน (รุ่นที่ 2)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถยนต์สมรรถนะสูงขนาดกลาง (SUV)
รุ่นที่คล้ายกันฮอนด้า ซีอาร์วี
มาสด้า CX-5
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์2.0 L VCDi I4 (t/c ดีเซล)
2.2 L VCDi I4 (t/c ดีเซล)
2.4 L Family II I4 (เบนซิน)
3.0 L SIDI V6 (เบนซิน)
3.2 L Alloytec V6 (เบนซิน)
1.5 L LL5 I4 (เทอร์โบ เบนซิน)
ระยะเหตุการณ์
รุ่นก่อนหน้า
รุ่นต่อไปเชฟโรเลต อิควิน็อกซ์ (สำหรับรุ่นแรก)

เชฟโรเลต แคปติวา อังกฤษ: Chevrolet Captiva มีชื่อเดิมว่า ซี100 (C100) รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดกลางหรือเป็นรถเอสยูวี (SUV) ขนาดกลางแบบ 7 ที่นั่งของเชฟโรเลตที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์ออกแบบของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือชื่อย่อว่า จีเอ็ม (GM) ในเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ (South Korea) ซึ่งเป็นการพัฒนาบนตัวถังรุ่นเธต้า (Theta platform) ที่เคยใช้ในการผลิตรถยนต์ในเครือของจีเอ็มมาแล้วหลายรุ่น โดยทางจีเอ็มใช้ชื่อ แคปติวา จำหน่ายในตลาดยุโรป, ตะวันออกกลาง, อาเซียน และอเมริกาใต้ แต่ในประเทศออสเตรเลียจะจำหน่ายในนาม Holden Captiva ส่วนในประเทศเกาหลีใต้ใช้ชื่อ Daewoo Windstorm ในส่วนของการเปิดตัวรถยนต์เชฟโรเลต แคปติวานั้น ทางจีเอ็มได้ทำการเปิดตัวแคปติวาครั้งแรกที่ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ต่อด้วยประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) และตามด้วยการเปิดตัวในประเทศไทย (Thailand) และอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อราวต้นปี 2550

สำหรับการผลิตรถยนต์เชฟโรเลต แคปติวาเพื่อส่งออกตลาดทั่วโลกนั้น ทางจีเอ็มได้ใช้ฐานการผลิตหลักของแคปติวาที่ศูนย์การผลิตรถยนต์จีเอ็มแดวูในประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับศูนย์การผลิตรถยนต์จีเอ็ม จังหวัดระยอง ซึ่งในประเทศไทยเชฟโรเลต แคปติวามีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น แบ่งออกเป็น รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่นกัน

ล่าสุด SGMW หรือ SAIC-GM-Wuling Automobile บริษัทร่วมทุนระหว่าง SAIC Motor, General Motors และ Wuling Motors ก็ได้กลับมาแนะนำรถพลังงานพื้นฐานอย่างครอสโอเวอร์ขนาดคอมแพคท์ Baojun 530 รุ่นปรับปรุงในช่วงปลายปี 2561 ความสำคัญของรถรุ่นนี้คือ มันได้ถูกเปิดตัวอีกครั้งในฐานะรถรีแบดจ์เป็น Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่น 2 ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ณ งาน International Motor Show Bogota 2018 ประเทศโคลัมเบีย และในประเทศไทย ในเดือนมีนาคม 2562

รุ่นที่ 1 (C100, C140; พ.ศ. 2549 - 2561)[แก้]

เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นที่ 1 (ก่อนปรับโฉม)
2004 Chevrolet S3X concept รถต้นแบบของ เชฟโรเลต แคปติวา

เชฟโรเลต แคปติวา ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550 เชฟโรเลต แคปติวา เป็นรถเอสยูวี อเนกประสงค์ ภายในมีทั้งหมด 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 และ 3 สามารถพับเก็บได้ ในเมืองไทยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ในรุ่นเครื่อง 2.0 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์แบบดีเซล มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจะอยู่ที่ 1,279,000 และ 1,560,000 บาท ตามลำดับ

ส่วนในรุ่น 2.4 ลิตร จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่นกัน ราคาจะอยู่ที่ 1,189,000 และ 1,460,000 บาท ตามลำดับ โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของแคปติวาเป็นแบบ AWD (All Wheel Drive) เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ Tiptronic ที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจยิ่งขึ้น อีกทั้งมาพร้อมกับความจุที่มาก เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร แต่ถ้าพับเบาะแถวที่ 2 ลงอีก ความจุก็จะเพิ่มเป็น 930 ลิตร

ภายในใช้วัสดุหรูหรา เครื่องเสียงแบบบิวด์อินที่รองรับการใช้งานวิทยุ, ซีดี และ MP3 ที่สามารถใส่ได้มากที่สุด 6 แผ่น มีพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมทั้งจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ DIC (Driver Information Center) ที่แสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง, ระยะทาง และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ ในแคปติวายังมีแอร์สำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 3 อีกด้วย โดยทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น

ส่วนทางด้านความปลอดภัยนั้น แคปติวามีค่ามาตรฐานด้านความปลอดภัย 4 ดาว จากการทดสอบการชนของ Euro NCAP ซึ่งเป็นมาตรฐานความแข็งแรงของรถยนต์ที่หลายประเทศในยุโรปใช้กัน

รุ่นย่อยของแคปติวามีตามรุ่นปีดังนี้

พ.ศ. 2550

  • เปิดตัวครั้งแรกพร้อม 2 รุ่นย่อย LS และ LT ทั้งเบนซินและดีเซล

พ.ศ. 2551

  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

พ.ศ. 2552

  • มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ LSX และ LTZ พร้อม 2 สีใหม่ สีขาว Summit White และสีฟ้า Light Blue

พ.ศ. 2553

  • เพิ่มรุ่นพิเศษด้วยติดตั้งชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน
  • มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ในรุ่นเบนซิน เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Ecotec 4 สูบ 2.4 ลิตร E20 พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว และระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อม DSC (Driver Shift Control)

ปรับโฉมปี 2554[แก้]

เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมปี 2554

เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉม ได้ถูกเผยโฉมเมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 โดนมาการออกแบบกระจังหน้าใหม่ ไฟเลี้ยวตรงกระจกข้างแบบ LED ล้อออกแบบใหม่ ช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกทรงใหม่ ฝังตัวอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้า แผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์ใต้กันชนหน้าซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในแคปติวา ส่วนอ็อปชั่นใหม่ คือ ระบบควบคุมป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ช่วยป้องกันรถไหลลงทางลาดชันในขณะออกตัว ในประเทศไทยมีเครื่องยนต์ใหม่ให้เลือกคือ เครื่องยนต์เบนซิน Ecotec FFV 4 สูบ 2.4 ลิตร E85 พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว และระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) ให้พละกำลังสูงสุด 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 229 นิวตันเมตร และ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร VCDi (Family Z) DOHC 16 วาล์ว มาพร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลแรงดันสูง ให้แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า โดยมีการปรับตามรุ่นปีดังนี้

พ.ศ. 2554

  • เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์พร้อมจำหน่ายเครื่องเบนซินอย่างเดียว
  • มีการออกรุ่นพิเศษ Centennial Edition

พ.ศ. 2555

  • มีการเพิ่มรุ่นเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร ตามมา

พ.ศ. 2556

  • มีการออกรุ่นพิเศษ Limited Edition จำกัดจำนวนเพียง 600 คัน

พ.ศ. 2557

  • มีการปรับเปลี่ยนไฟท้ายใหม่แบบ LED กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ฝาครอบไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ และเพิ่มติดตั้งบันไดข้างสแตนเลสในรุ่น LTZ และล้ออัลลอยลายใหม่ 18 นิ้วในรุ่น LSX ส่วนเครื่องยนต์จะมี 2 แบบเหมือนเดิม คือ เบนซินและดีเซล แต่มีการปรับปรุงเกียร์อัตโนมัติให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • มีการตัดรุ่น LS และ LT ออกไป

พ.ศ. 2558

  • มีการเปลี่ยนวิทยุใหม่ให้เหมือนสเปคยุโรป

รุ่นปรับโฉมปี 2559 (ปรับโฉมครั้งที่ 2)[แก้]

เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมครั้งที่ 2 ด้านหน้า
เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมครั้งที่ 2 ด้านหลัง

เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมปี 2559 ได้เปิดตัวครั้งแรกที่ Dubai International Motor Show 2015 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558[1] สำหรับประเทศไทย GM Thailand ได้เปิดตัวเชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับโฉมด้วย ที่งานอินเตอร์เนชัลนอล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558[2] ต่อมาอีกไม่กี่วัน โฮลเด้น แคปติวาก็ได้เปิดตัวในประเทศออสเตรเลีย[3] โดยมีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้าแบบดูอัลพอร์ทใหม่ที่ปรับให้ช่องด้านบนมีขนาดเล็กลงและติดตราโบว์ไทคั่นตรงกลาง ส่วนช่องดักอากาศด้านล่างเปลี่ยนมาเป็นแบบหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นรวมถึงรายละเอียดของกันชนหน้าและกรอบไฟตัดหมอกออกแบบใหม่ให้ดูมีมิติมากขึ้น ไฟหน้าทรงใหม่ใกล้เคียงของเดิมและติดตั้งไฟสำหรับวิ่งในเวลากลางวัน (DRL) มาให้ โดยในรุ่น LTZ จะได้ล้อขนาด 19 นิ้วลาย 5 ก้านเดิมแต่เปลี่ยนมาใช้สีเทา-เงินแบบทูโทน ส่วนไฟท้ายเปลี่ยนเป็นแบบ LED

ส่วนภายในห้องโดยสารภายในเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบ 3 ก้าน พร้อมกับเปลี่ยนคอนโซลกลางใหม่ย้ายปุ่มควบคุมอุปกรณ์ให้อยู่สูงใกล้มือผู้ขับขี่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเครื่องเสียงที่มีระบบ MyLink ที่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB

โดยในรุ่น LTZ ยังเพิ่มความปลอดภัยอย่างระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้า, ระบบตรวจจับยานพาหนะในมุมอับสายตาของกระจกมองข้าง (Side Blind Zone Alert ) และระบบ Rear Cross-Traffic ซึ่งสามารถตรวจจับยานพาหนะที่วิ่งผ่านด้านหลังขณะถอยออกจากมุมอับได้ โดยมีการปรับรุ่นปีดังนี้

พ.ศ. 2559

  • มีการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
  • มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 2.0 LTZ VCDi ขับเคลื่อนล้อหน้า

พ.ศ. 2560

  • มีการเพิ่มสีใหม่ สีขาวมุก Abalone White และ สีดำเมทัลลิก Black Meet Kettle Metallic

รุ่นที่ 2 (CN202S; พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน )[แก้]

2019 Chevrolet Captiva 1.5T LT (รุ่นที่ 2; South American market spec)
Chevrolet Captiva 1.5T LT
Chevrolet Captiva 1.5T LT (รุ่นที่ 2; Thailand market spec)

All NEW Captiva : 2nd Generation เปิดตัวครั้งแรกในโลกในชื่อ Baojun 530 เมื่อปลายปี 2017 ที่ประเทศจีน จากนั้นเข้าไปโชว์ตัวที่อินโดนีเซีย ในชื่อ Wuling SUV เมื่อเดือน สิงหาคม 2018 จากนั้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศโคลัมเบีย ในเดือน พฤศจิกายน 2018 โดยรถคันนี้เป็นพัฒนาร่วมกัน และ ลงทุน ระหว่าง GM – General Motors / Wuling และ SAIC Motors รวมกันเป็น SGWM (SAIC – General Motors – Wuling Motor). All NEW Captiva ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในงาน Thailand International Motor Show 2019 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียอินโดนีเซีย (ผลิตจากโรงงาน SGMW Indonesia) และหลังจากนั้นก็เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2019 ที่ผ่านมา และได้ส่งมอบในเดือนต่อมา มี 3 รุ่นย่อยคือ LS, LT และ Premier มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Daewoo S-TEC III เทอร์โบจากฮันนี่เวล (Honeywell) 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 2,400 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์แปรผันอัตโนมัติ CVT 8-speed ที่พัฒนาร่วมกับบอช (Bosch)

พ.ศ. 2563[แก้]

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ข่าวด่วน General Motors (GM) ประกาศยุติการทำตลาด และ ยกเลิกการขายรถยนต์ Chevrolet ในประเทศไทย ภายในปี 2563 นี้ แถมยังจัดโปรส่วนลด 500,000 บาท จนกว่ารถในสต๊อกจะหมด ครบ 2,000 คัน

อ้างอิง[แก้]

  1. New 2016 Chevrolet Captiva Offers Unsurpassed Connectivity
  2. "New 2016 Chevrolet Captiva Offers Unsurpassed Connectivity, Enhanced Safety, Upgraded Design". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-12. สืบค้นเมื่อ 2017-02-19.
  3. Chevrolet Captiva - Australia gets new Holden facelift