อาลียา อีเซตเบกอวิช
อาลียา อีเซตเบกอวิช | |
---|---|
![]() | |
ประธานคณะประธานาธิบดีบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | |
ดำรงตำแหน่ง 20 ธันวาคม 1990 – 14 มีนาคม 1996 | |
นายกรัฐมนตรี | Jure Pelivan Mile Akmadžić Haris Silajdžić Hasan Muratović |
ก่อนหน้า | Obrad Piljak (ยูโกสลาเวีย) |
ถัดไป | Živko Radišić |
สมาชิกชาวบอสเนียของคณะประธานาธิบดีบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | |
ดำรงตำแหน่ง 14 มีนาคม 1996 – 15 ตุลาคม 2000 | |
ถัดไป | Halid Genjac |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 08 สิงหาคม ค.ศ. 1925 Bosanski Šamac, ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย |
เสียชีวิต | 19 ตุลาคม ค.ศ. 2003 ซาราเยโว, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | (78 ปี)
เชื้อชาติ | บอสเนีย |
พรรค | SDA |
คู่สมรส | Halida Repovac (สมรส ค.ศ. 1949–2003) |
วิชาชีพ | นักการเมือง นักจัดกิจกรรม ทนายความ นักเขียน และนักปรัชญา |
ศาสนา | อิสลาม |
อาลียา อีเซตเบกอวิช (บอสเนีย: Alija Izetbegović; 8 สิงหาคม พ.ศ. 2463 – 19 ตุลาคม พ.ศ. 2546) เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และเป็นประธานาธิบดีบอสเนียในช่วงการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวมุสลิมของชาวคริสต์ในเซิร์บสกา อาลียาจึงต้องรับภาระในการต่อสู้กับสาธารณรัฐเซิร์บสกา (1992-1995)
อาลียา อีเซตเบกอวิช นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี เสียชีวิตในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2003 ด้วยอายุ 73 ปี ที่กรุงซาราเยโว
ชีวิตและวัยเด็ก จนถึงวัยทำงาน[แก้]
อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช เกิดวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ.1925 ที่โบซานสกา ซามัช ในครอบครัวที่เคร่งศาสนาอิสลาม แนวคิดอุดมการณ์ชาตินิยมมุสลิมบอสเนียได้เข้าสู่ตัวอาลียา และในช่วงกลางศตวรรษที่19 อาลียาออกต้องจากกรุงเบลเกรด เพราะกฎหมายที่ประกาศห้ามมุสลิมบอสเนียเข้าอาศัยในเมืองดังกล่าว เขาจึงเข้ามาอยู่ในกรุงซาราเยโวและศึกษาเรื่องรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การปกครอง ในมหาวิทยาลัยซาราเยโว ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันบุกยึดกรุงซาราเยโว ฟาสซิสต์เยอรมันได้ก่อตั้งขบวนการต่อต้านยิวและชาวเซิร์บและสนับสนุนชาวมุสลิมนามว่า ยุวชนมุสลิมบอสเนีย อาลียา อีเซ็ตเบโกวิชได้เข้าร่วมองค์กรและเข้าร่วมการต่อต้านเซิร์บ แต่ในค.ศ.1943 พวกเซิร์บได้ยึดซาราเยโวและสังหารหมู่ชาวมุสลิมบอสเนีย ยุวชนมุสลิมบอสเนียได้เข้าต่อต้านแต่แพ้ราบคาบ กระนั้นบอสเนียในอำนาจของฮิตเลอร์จึงจบลง ยุวชนมุสลิมบอสเนีย ก็หายไป บอสเนียได้กลายเป็นส่วนหนึงของยูโกสลาเวียใหม่
อาชีพการงาน[แก้]
อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช หลังสงครามโลกได้เข้าเป็นทนาย นักเขียน อายุ21ปี ในปี1946 อาลียาได้เขียน หนังสือ "ประกาศแห่งอิสลาม" ซึ่งกำลังถูกกตีพิมพ์แต่ทางการคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวียสั่งห้ามพิมพ์และจับกุมเขา 3 ปี ข้อหาเป็นสมาชิกยุวชนมุสลิมบอสเนีย กระนั้นในหนังสือของเขากล่าวไว้ว่า "ไม่มีสันติภาพเกิดขึ้นระหว่างศรัทธาในอิสลามกับสังคมและสถาบันการเมืองที่มิใช่อิสลาม" หลังจากพ้นโทษ อาลียา ก็ได้เริ่มรณรงค์ให้ชาวบอสเนียขึ้นสู่เพื่อปลดปล่อยอิสลาม เขาจัดกิจกรรมและก่อตั้งพรรคประชาธิปไตยแอกชัน ขึ้นเพื่อเป็นแกนนำการเมืองของชาวบอสเนีย ในปี1974 ประกาศแห่งอิสลามถูกจัดพิมพ์อีกครั้งและตีโต้เล่งเห็นว่าอำนาจมุสลิมบอสเนียกำลังก้าวสู่อำนาจทางการเมืองยูโกสลาเวีย แต่ในปี1980เขาตีพิมพ์หนังสืออิสลามระหว่างตะวันออกและตะวันตก ทำให้เขาถูกต้องโทษ14ปี แต่ก็ถูกแล่อยใน5ปีต่อมา อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช รณรงค์ ปลุกมวลชนมุสลิมบอสเนีย จนในที่สุด การเมืองท้องถิ่นของสาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ก็ตกเป็นของพรรคประชาธิปไตยแอกชัน ซึ่งทำให้บอสเนียเข้าสู่การกุมอำนาจยูโกสลาเวีย เมื่ออาลียา อีเซ็ตเบโกวิชได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
ตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา[แก้]
สมัชชาบอสเนียได้ขึ้นอยู่ใน3อำนาจหลักของยูโกสลาเวีย ซึ่งประกอบไปด้วย สมัชชาโครเอเชีย(คริสต์คาทอลิก),สมัชชาเซอร์เบีย(ออธอร์ด็อกซ์)และสมัชชาบอสเนีย(มุสลิม) แต่สมัชชาเซอร์เบียกลับพยายามควบคุมอำนาจประเทศเบ็ดเสร็จทำให้สมัชชาโครเอเชียในตำแหน่งประธานาธิบดียูโกสลาเวียไม่พอใจ จึงประกาศเอกราชโครเอเชียจากยูโกสลาเวีย สมัชชาเซอร์เบียหรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเซอร์เบียจึงรุกราน สาธารณรัฐสังคมนิยมโครเอเชีย / สาธารณรัฐโครเอเชีย ในขณะนั้นบอสเนียเป็นกลาง แต่ในสภาที่กรุงซาราเยโว พวกเซิร์บพยายามขัดขวางอำนาจของบอสเนีย อาลียาจึงเลือกเข้าข้างโครเอเชียในปี1992 สมัชชาเซอร์เบียได้ขัดขวางพลังมวลชนบอสเนียนับแสนคนในซาราเยโวด้วยการกราดยิง รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมบอสเนียได้ประกาศสงครามกับเซอร์เบีย และทำให้ยูโกสลาเวียล้มสลายอย่างสมบูรณ์
สงครามบอสเนีย[แก้]
ในปีวันที่ 6 เมษายน ปี1992 ทหารเซอร์เบียบุกกราดยิงมวลชนบอสเนีย ทำให้ทหารบอสเนียต้องเข้าต่อต้าน รัฐบาลบอสเนียแยกตัวเป็นอิสระ และประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา อาลียา อีเซ็ตเบโกวิชขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ปลุกกระแสชาตินิยมมุสลิมบอสเนียขึ้นมา และกำจัดพวกโครแอทและเซิร์บออกจากแผ่นดินบอสเนีย สงครามในบอสเนียจึงอุบัติเป็นสงครามสามฝ่าย อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช พยายามเรียกร้องให้นานาชาติยุตินโยบายไม่ขายอาวุธให้บอสเนียเพื่อสนับสนุนให้โครเอเชียยึดบอสเนีย อาลียา จึงหันไปหาประเทศมุสลิม ตุรกี ซาอุดิอารเบีย มาเลยเซียและอื่นๆจึงหันมาให้ความช่วยเหลือและเมื่อเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์บอสเนีย ตุรกี และพันธมิตรมุสลิมจึงส่งทหารเข้ามายังบอสเนีย แตกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็บีบทุกวิถีทางให้บอสเนียยอมรับให้ประเทศตนเป็นประเทศพหุสังคมและยุติการขับไล่ชาวเซิร์บและโครแอท ในปี1995 บอสเนียจำยอมรับข้อเสนอที่ไม่ยุติธรรม อาลียา ได้กล่าวกับประชาชนว่า ความยุติธรรมของบอสเนียหายไปแล้ว เมื่อสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตก วางหมากให้เราเป็นประเทศพหุสังคม โดยแบ่งประเทศ4ส่วน 2ส่วนเป็นของเซิร์บและ1ส่วนเป็นของโครแอท ส่วนบอสเนียมีแค่1ส่วน นับว่าเป็นความอัปยศของบอสเนีย
หลังสงครามบอสเนียและการเสียชีวิต[แก้]
หลังสงครามอาลียา อาจจะยอมรับสนธิสัญญาเดย์ตัน ที่เปลี่ยนบอสเนียเป็นรัฐพหุสังคม อย่างไม่เต็มใจหนัก อาลียา ได้ระบุกับชาวบอสเนียว่า ประเทศบอสเนียใหม่กลับไม่ใช้ของเรา ถึงกระนั้น อาลียา ยังดำรงประธานาธิบดี สลับกับพวกโครแอทและเซิร์บ จนในที่สุดอาลียา จำต้องลาออกจากตำแหน่งและแต่งตั้งบุตรชาย เป็นคนสืบทอดอำนาจ ด้วยปัญหาสุขภาพ ของอาลียา อย่างไรก็ตาม บอสเนียที่อาลียาวาดเอาไว้ไม่สามารถเป็นจริงได้ รัฐอิสลามใจกลางทวีปยุโรปเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว ในวันที่19 ตุลาคม ปี2003 อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช ก็เสียชีวิต นานาชาติมุสลิมได้แสดงความเสียใจ และลดธงเหลือครึ่งเสา ไว้อาลัยชายผู้อุ้มชูอิสลามแห่งยุโรป
มรดก[แก้]
ในปี2015 ประธานาธิบดีตุรกี เรเยป ไตยิป เอร์โดกัน ได้ระบุว่า อาลียา อีเซ็ตเบโกวิชคือวีรบุรุษแห่งอิสลามแห่งศตวรรษ21 นอกจากนี้กระแส่อิสลามบอสเนียไม่เคยดับชาวบอสเนียพยายามที่จะวาดฝันของอาลียา ให้เป็นจริงให้ได้ ปัจจุบันบอสเนียจึงมีปัญหาการเมืองเมื่องชาวบอสเนียกำลังเรียกร้องอิสรภาพในการตั้งรัฐอิสลามบอสเนีย แม้จะถูกต่อต้านจากตะวันตก แต่ตุรกี ได้ให้การสนับสนุนบุตรชายของอาลียา ในการเล่นเกมการเมืองบอสเนียทุกด้าน