อันชาร์ทิด: เดรกส์ฟอร์ชูน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อันชาร์ทิด: เดรกส์ฟอร์ชูน
ผู้พัฒนานอตีด็อก
ผู้จัดจำหน่ายโซนี่อินเตอร์แอ็กทีฟเอ็นเตอร์เทนเมนต์
กำกับเอมี เฮนนิก
ออกแบบริชาร์ด เลอมาร์แชนด์
โปรแกรมเมอร์
  • Pål-Kristian Engstad
  • แดน ลีบโกลด์
  • ทราวิส แม็กอินทอช
ศิลปิน
เขียนบท
แต่งเพลงเกร็ก เอดมอนสัน
ชุดอันชาร์ทิด
เครื่องเล่น
วางจำหน่ายเพลย์สเตชัน 3
  • NA: November 19, 2007
  • AU: December 6, 2007
  • EU: December 7, 2007
เพลย์สเตชัน 4
  • PAL: October 7, 2015
  • NA: October 9, 2015
  • UK: October 9, 2015
แนวแอ็กชันผจญภัย
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว

อันชาร์ทิด: เดรกส์ฟอร์ชูน (อังกฤษ: Uncharted: Drake's Fortune) เป็นวิดีโอเกมแพลตฟอร์มแอ็กชันผจญภัย พัฒนาโดยนอตีด็อก และจำหน่ายโดยโซนี่อินเตอร์แอ็กทีฟเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ลงบนเพลย์สเตชัน 3 เป็นเกมแรกของเกมชุดอันชาร์ทิด เกมผสมผสานรูปแบบเกมแอ็กชันผจญภัยและแพลตฟอร์มเข้ากับเกมมุมมองบุคคลที่สาม เกมเล่าเรื่องราวการเดินทางของตัวเอกชื่อ นาธาน เดรก ผู้ที่เชื่อว่าเป็นทายาทของนักสำรวจเซอร์ ฟรานซิส เดรก ขณะที่เขาตามหาสมบัติของเมืองเอลโดราโดที่หายไป โดยได้ความช่วยเหลือจากนักข่าว เอเลนา ฟิชเชอร์ และที่ปรึกษา วิกเตอร์ ซัลลิแวน[2]

ในงานอีทรี 2006[3] เกมประกาศว่าพัฒนาประมาณสองปีก่อนวางจำหน่ายปลายปี ค.ศ. 2007[4] เกมถือว่าเป็นเกมสำคัญของเพลย์สเตชัน 3 ที่ออกในช่วงเทศกาลวันหยุดของปี ค.ศ. 2007[5] เกมได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ ส่วนใหญ่กล่าวถึงความสำเร็จเชิงเทคนิค การพากย์เสียง ตัวละคร เนื้อเรื่อง บรรยากาศ ดนตรีประกอบ ความใส่ใจรายละเอียด และมูลค่าการผลิตที่สูง คล้ายกับภาพยนตร์ฤดูร้อน แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องภาพกราฟิก ความยาว ยานพาหนะ และความยากของเกมจะได้รับการตอบรับที่ไม่ดีนัก เกมขายได้มากกว่าหนึ่งล้านหน่วยในเวลาสิบสัปดาห์ และเป็นหนึ่งในเกมขายดีระดับแพลตินัมในยุโรป[6] เกมภาคต่อ อันชาร์ทิด 2: อะมังทีฟส์ ออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 2009 ตามด้วยอันชาร์ทิด 3: เดรกส์ดีเซปชัน ในปี ค.ศ. 2011 เกมที่สี่ อันชาร์ทิด 4: อะทีฟส์เอนด์ จำหน่ายในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ภาคเดรกส์ฟอร์ชูนได้จำหน่ายลงเพลย์สเตชัน 4 พร้อมอันภาคต่ออีกสองภาค ในชื่ออันชาร์ทิด เดอะนาธานเดรกคอลเลกชัน

เนื้อเรื่อง[แก้]

ที่นอกชายฝั่งปานามา นาธาน "เนต" เดรก (โนแลน นอร์ท) นักล่าสมบัติ และเอเลนา ฟิชเชอร์ (เอมิลี โรส) นักข่าว ขุดพบโลงศพของนักสำรวจชาวอังกฤษ เซอร์ ฟรานซิส เดรก บุคคลที่กล่าวกันว่าเป็นบรรพบุรุษของเนต ซึ่งเป็นเจ้าของแหวน (เนตครอบครองอยู่) ที่มีพิกัดบอกจุดที่พบโลงศพนั้น ในโลงศพ ทั้งคู่ไม่พบศพ แต่พบสมุดบันทึกเล่มเล็ก ซึ่งนาธานไม่ยอมให้เอเลนาอ่าน ต่อมา โจรสลัดกลุ่มหนึ่งเข้าจู่โจมเรือของพวกเขา และจุดไฟเผาเรือ ทำลายสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดเล่มนั้นและกล้องของเอเลนา หลังจากพาเธอไปจุดปลอดภัยได้ เนตได้พูดคุยส่วนตัวกับวิกเตอร์ "ซัลลี" ซัลลิแวน (ริชาร์ด แม็กกอนาเกิล) เพื่อนเก่าและผู้ให้คำปรึกษา จากเบาะแสที่พบในสมุดบันทึก เขาตั้งทฤษฎีว่าเดรกปลอมการตายเพื่อปกปิดการค้นพบเอลโดราโด เมืองโบราณที่สร้างจากทองคำทั้งหมด ซัลลีซึ่งกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ชักชวนให้เขาช่วยค้นหาเมืองดังกล่าว ทิ้งเอเลนาไว้ที่ท่าเรือ เนื่องจากเกรงว่า รายงานของเธอจะเรียกศัตรู

เนตและซัลลีสะกดรอยที่เดรกทิ้งไว้ถึงโบราณสถานแห่งหนึ่งในลุ่มน้ำแอมะซอน (ในประเทศเปรู) ซึ่งพวกเขาได้รู้ว่าเอลโดราโดไม่ใช่เมือง แต่เป็นรูปปั้นทองคำขนาดยักษ์ ความจริงแล้วเป็นโลงหิน ซึ่งถูกนำมาไว้หลายศตวรรษก่อนกองกิสตาดอร์ของชาวสเปน พวกเขาตามรอยได้จนถึงน้ำตกแห่งหนึ่ง ที่นั่น เขาพบกับเรืออูร้าง จากการค้นหาในเรือพบหน้าที่ขาดไปจากสมุดบันทึก ชี้ไปยังตำแหน่งของรูปปั้นตั้งอยู่ในอดีตอาณานิคมสเปนแห่งหนึ่งบนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ไม่มีในแผนที่ และมีศพชาวเยอรมันหลายคนที่เห็นได้ชัดว่าถูกข่วนจนตาย

เมื่อเนตออกมาจากเรือ เขาและซัลลีพบกับนักล่าสมบัติอีกคนหนึ่งชื่อ แกเบรียล โรแมน (ไซมอน เทมเพิลแมน) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของซัลลี โรแมนบังคับเนตให้ส่งหน้ากระดาษที่ขาดไป ซัลลีเข้ามาขัดขวาง โรแมนจึงยิงซัลลีเสียชีวิต โดยมีอาทอก นาวาร์โร (โรบิน แอตคิน ดาวส์) นักโบราณคดีคอยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะฆ่าเนต ขีปนาวุธที่เนตถอดสลักไว้ยิงออกมาโดยบังเอิญ ทำให้เรืออูระเบิด ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของกลุ่มคนร้ายได้นานพอให้เดรกหลบหนีได้ เขาวิ่งไปพบเอเลนาโดยบังเอิญ เธอยอมช่วยเขาตามหารูปปั้น และโดยสารเครื่องบินของซัลลีเดินทางไปยังอาณานิคมเก่า

เครื่องบินถูกยิงตกกลางอากาศ แยกเนตและเอเลนาจากกันขณะที่พวกเขากระโดดร่มชูชีพหนีออกมา เขาตามรอยเธอไปยังป้อมปราการเก่าแห่งหนึ่งที่ถูกยึดโดยโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง นำโดยเอดดี ราจา (เจมส์ เซีย) คู่ปรับเก่าของเดรกที่ทำงานให้โรแมน จับเนตขังไว้และสั่งให้เขาช่วยตามหาสมบัติดังกล่าว เอเลนานั่งรถจีปมาถึงและพาเขาออกไปได้ แต่ไม่สามารถหนีคนของเอดดีได้ หลังติดอยู่นาน เนตสามารถขับรถจีปข้ามเหวและลงมายังทะเลสาบรอบท่าเรือของอาณานิคม เนตรู้สึกเหนื่อย ได้รับบาดเจ็บ และเศร้าโศกที่ซัลลีเสียชีวิต เนตตัดสินใจยอมแพ้และกลับบ้าน เอเลนาพยายามโน้มน้าวให้เนตตามหาสมบัติให้พบ และทั้งคู่ร่วมมือกันมาจนถึงศุลกสถานแห่งหนึ่ง ที่นั่น เนตสามารถตามรอยรูปปั้นไปถึงอารามภายในเกาะ ขณะลาดตระเวน เขาพบว่าโรแมนก็พบรูปปั้นแล้วเช่นกันจากความช่วยเหลือของซัลลีที่เข้าใจกันว่าเสียชีวิตแล้ว ขณะพวกเขากำลังไล่ตาม เอเลนาตกสะพานและต้องยอมทิ้งกล้องของเธอเพื่อที่เนตจะได้ช่วยชีวิตเธอได้ เนตตามซัลลีจนทันและกล่าวหาว่าเขาทรยศ แต่ซัลลีเผยว่าเขาแกล้งช่วย และรอดจากกระสุนของโรแมนได้เพราะสมุดบันทึกของเดรกที่ใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ทำให้บาดแผลไม่ร้ายแรง

พวกเขาสามคนฝ่าฟันคนของโรแมนไปจนถึงห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งเนตเชื่อว่ามีรูปปั้นฝังอยู่ ขณะเดียวกัน เอดดีที่กำลังหวาดระแวง เตือนโรแมนว่ามีปีศาจกำลังฆ่าคนของพวกเขา แต่โรแมนมองว่าไร้สาระ เนตตรวจสอบในห้องใต้ดินหลังจากกับดักประตูลับทำให้เขาแยกกับซัลลี โชคร้ายที่เนตและเอเลนา หลังจากค้นหาต่อไปโดยไม่มีซัลลี ไม่พบรูปปั้นแต่กลับพบศพของเดรก ซึ่งทิ้งแหวนไว้ (เชื่อว่าเขาไม่เคยพบโลงหินดังกล่าว) สัตว์ประหลาดคล้ายซอมบีกลุ่มหนึ่งเข้ารุมเขาและเพื่อน ๆ ร่วมถึงเอดดีและสมุน ในระหว่างชุลมุน เอดดีและคนของเขาถูกฆ่าตาย เนตและเอเลนายังคงตามหาต่อไปจึงฐานทัพเรือดำน้ำนาซีเก่าที่ถูกสร้างภายในเกาะ ขณะเนตตามหาจดหมายที่เดรกเขียนเปิดเผยความจริงที่ว่า เอลโดราโดมีคำสาปปกป้องไว้ ทำให้นักล่าชาวสเปนและทหารชาวเยอรมันกลายเป็นสัตว์ประหลาด เดรกพยายามหาทางทำลาย แต่สัตว์ประหลาดฆ่าเขาเสียก่อน รูปภาพรูปหนึ่งเผยว่าศพของเดรกเคยอยู่หน้ารูปปั้นก่อนถูกชาวเยอรมันย้ายตัวไป

ขณะเดียวกัน เอเลนาถูกโรแมนจับตัวไป เนตกลับมารวมตัวกับซัลลีได้และตามเขาไปถึงรูปปั้น โรแมนเปิดโลงหินตามคำแนะนำของนาวาร์โร ทำให้เขาสูดเชื้อไวรัสเข้าไป ขณะที่เขากำลังกลายร่าง นาวาร์โรยิงเขาจนตายและสั่งให้คนของเขานำโลงหินไปเพื่อที่เขาจะได้นำไวรัสไปประมูลในตลาดมืด เนตกระโดดไปที่ตาข่ายที่ขนรูปปั้นและผูกกับเฮลิคอปเตอร์ ขณะที่เอเลนาที่ถูกจับตัวอยู่หาทางฆ่าคนขับได้ ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกลงบนเรือขนสินค้าของนาวาร์โร เนตฆ่าคนร้ายที่เหลือและพยายามช่วยชีวิตเอเลนา แต่ถูกนาวาร์โรเข้าจู่โจม หลังจากสู้กันด้วยหมัด เขาดึงเธอออกจากเฮลิคอปเตอร์ได้ ผลักเฮลิคอปเตอร์ตก และพานาวาร์โรที่ขาพันกับเชือกตาข่ายตกทะเลไปด้วย

เวลาผ่านไป ซัลลีขับเรือสปีดโบ๊ตมาถึง เอเลนาสร้างความแปลกใจให้เนตโดยคืนแหวนประจำตระกูลให้เขา และให้เขาสัญญาว่าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอขาดตกไป ทั้งคู่กอดกันขณะที่ซัลลีขับเรือออกไปในเวลาพระอาทิตย์ตกดิน

อ้างอิง[แก้]

  1. Thomsen, Michael (February 5, 2008). "Inside The Story: Naughty Dog Interview". IGN. สืบค้นเมื่อ March 5, 2017.
  2. Helgeson, Matt (December 2007). "Uncharted: Drake's Fortune Review". Game Informer. Cathy Preston (176): 149. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 9, 2008. สืบค้นเมื่อ 2008-11-24.
  3. Nix, Marc (2006-05-08). "E3 2006: Eyes-on Naughty Dog's Untitled Trailer". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-12. สืบค้นเมื่อ 2008-08-12.
  4. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ gamespotinterview
  5. Miller, Greg (2007-11-13). "Uncharted: Drake's Fortune Review". IGN PS3. IGN Entertainment, Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-11-22. สืบค้นเมื่อ 2007-12-20.
  6. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ platinum

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]