อะโลนอินเดอะดาร์ก: เดอะนิวไนท์แมร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Alone in the Dark: The New Nightmare
Aitd4.jpg
ผู้พัฒนาAtari Pocket Studios (เกมบอย คัลเลอร์)
ผู้จัดจำหน่ายInterplay
อำนวยการผลิตBruno Bonnell Edit this on Wikidata
แต่งเพลงStewart Copeland Edit this on Wikidata
ชุดอะโลนอินเดอะดาร์ก Edit this on Wikidata
เครื่องเล่นวินโดวส์, เพลย์สเตชัน, เกมบอย คัลเลอร์, ดรีมแคสท์, เพลย์สเตชัน 2
วางจำหน่าย30 มีนาคม, ค.ศ. 2001: เกมบอย คัลเลอร์
15 พฤษภาคม, ค.ศ. 2001: วินโดวส์
27 มิถุนายน, ค.ศ. 2001: เพลย์สเตชัน, ดรีมแคสท์
ค.ศ. 2001: เพลย์สเตชัน 2
แนวเกมแอ็กชั่นผจญภัย, สยองขวัญ
รูปแบบผู้เล่นเดี่ยว

อะโลนอินเดอะดาร์ก: เดอะนิวไนท์แมร์ เป็นเกมแอ็กชั่นผจญภัยซึ่งเป็นเกมชุดเกมที่สี่จากเกมชุดอะโลนอินเดอะดาร์ก เป็นภาคต่อของ Alone in the Dark สามภาคก่อนหน้าแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวของกัน เกมนี้ถูกพัฒนาโดย Atari (อดีตชื่อ Infogrames) และวางจำหน่ายบนเครื่องหลายเครื่อง ทั้งคอมพิวเตอร์, เพลย์สเตชัน, เกมบอยคัลเลอร์, ดรีมแคสท์ และ เพลย์สเตชัน 2

เนื้อเรื่อง[แก้]

เมื่อชาร์ล ฟิกส์ เพื่อนสนิทของเอ็ดเวิร์ด พบว่ากลายเป็นศพหลังจากเดินทางไปค้นหาแผ่นศิลาโบราณที่จะสามารถปลดปล่อยพลังอันมหาศาลที่เกาะชาโดว์ เฟรดเดอริก จอห์นสัน หัวหน้าของเอ็ดเวิร์ดจึงให้เอ็ดเวิร์ดเดินทางไปยังเกาะชาโดว์โดยให้ไปพร้อมกับเอลีน ซีดรีค นักโบราณคดี เพราะแผ่นศิลานั้นเกี่ยวข้องกับตำนานของเทพเจ้าโบราณโดยมีเป้าหมายให้ค้นหาแผ่นศิลา ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดต้องการแก้แค้นและสืบหาสาเหตุการตายของเพื่อน ทั้งสองจึงเดินทางไปยังเกาะชาโดว์ ที่ที่ทั้งสองได้พบกับการทดลองอันน่าสยดสยองของตระกูลมอร์ตัน เมื่อเครื่องบินที่ทั้งสองโดยสารมาเกิดตก ทำให้ทั้งสองต้องแยกกันและช่วยกันไขปริศนาบนเกาะนี้และเปิดเผยความจริงให้ได้

ตัวละคร[แก้]

  • เอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้ เอ็ดเวิร์ดในภาคนี้ยังคงได้รับสมญา นักสืบเหนือธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีการกล่าวถึงจุดเชื่อมต่อของไตรภาคต้นฉบับ ในภาคนี้เอ็ดเวิร์ดต้องออกไปสืบสวนคดีปริศนาเมื่อชาร์ล ฟริกส์เพื่อนของเขาถูกฆ่าตาย เขาจึงออกเดินทางไปยังเกาะชาโดว์ พร้อมกับเอลีนเพื่อค้นหาความจริง เขามีอาวุธประจำตัวเป็นปืนลูกโม่ลำกล้องคู่ที่เขาดัดแปลงเอง
  • เอลีน ซีดริค (Aline Cedrac) ตัวละครอีกคนหนึ่งที่ผู้เล่นสามารถเล่นเป็นเธอได้ การเล่นของเอลีนจะต่อสู้น้อยกว่าแต่ปริศนาเยอะกว่า เอลีนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและภาษาโบราณ และที่เธอถูกส่งไปยังเกาะชาโดว์ก็เพื่อให้แปลอักระบนศิลาที่อยู่บนเกาะชาโดว์ แต่ทว่าสาเหตุจริงๆที่เธอไปยังเกาะชาโดว์นั้น เพราะเฟรดเดอริกหลอกเธอว่าโอเบด มอร์ตัน คือพ่อของเธอ
  • อีเดนชอว์ (Edenshaw) เป็นชนเผ่าอินเดียแดง Abkanis คนสุดท้ายที่อยู่บนเกาะชาโดว์ เป็นผู้ปกป้องประตูไปสู่โลกแห่งความมืด และเป็นคนสอนให้สองพี่น้องมอร์ตันได้รู้จักโลกแห่งความมืด เขาได้ปรากฏตัวในเกมเพื่อช่วยเหลือเอ็ดเวิร์ดและเอลีนในการหยุดยั้งการเกิดประตูแห่งความมืด และในตอนท้ายของเกมเขาได้สละชีวิตตนเองเพื่อปิดประตูแห่งความมืดและจมเกาะชาโดว์ลง
  • ลูซี่ มอร์ตัน (Lucy Morton) แม่ของอลันและโอเบด ลูซี่เป็นหญิงชราที่ตาบอดและเป็นอัมพาต เธอมักจะนอนอยู่บนเตียงและจุดเทียนหลายร้อยเล่มไว้รอบห้องและล็อกห้องไว้เพื่อกันสัตว์ประหลาดเข้ามา เชื่อว่าเธอเสียชีวิตลงในตอนท้ายเกมที่เกาะจมลง
  • โอเบด มอร์ตัน (Obed Morton) เจ้าของเกาะชาโดว์และเป็นนักโบราณคดีที่เชี่ยวชาญภาษาโบราณ เขาได้วิจัยเรื่องราวของอินเดียแดงเผ่า Abkanis ซึ่งเคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้ โอเบดเป็นคนขี้ขลาด เขามักถูกพี่ชายอลันขโมยผลงานอยู่บ่อยๆ เขาและอลันเคยช่วยแลมบ์แปลอักชนะของชนเผ่า Abkanis ซึ่งทำให้เขารู้จักกับการเปิดประตูสู่โลกแห่งความมืด โอเบดไม่ใช่คนเลวร้าย แต่เขาไม่กล้าที่จะสู้กับพี่ชายเมื่ออลันเปิดประตูสู่ความมืด ในตอนท้ายของเกมเขาถูกทำให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดสองหัว แต่เมื่อเขาได้สติกลับมา เขายอมสละชีวิตเพื่อให้เอลีนและเอ็ดเวิร์ดสามารถหนีออกไปจากเกาะได้
  • อลัน มอร์ตัน (Alan Morton) พี่ชายฝาแฝดของโอเบด เป็นผู้ร้ายของเกมนี้ เขาหน้าตาเหมือนโอเบดยกเว้นเขามีผ้าปิดตา เขามักหมกหมุ่นกับการหาวิธีเปิดประตูแห่งความมืด นอกจากนั้นเขายังทำการทดลองวิปริตโดยฉีดสารต่างๆเข้าไปในร่างมนุษย์ ทำให้เกิดสัตว์ประหลาดรอบๆเกาะชาโดว์ อลันยังฆ่าพ่อของเขาเองเพื่อสร้างสัตว์ร้ายและหวังจะเปิดประตูแห่งความมืด ในตอนท้ายของเกมเขาถูกพลังแห่งความมืดเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายและถูกเอ็ดเวิร์ดกำจัดได้ด้วยหอกของชนเผ่า Abkanis
  • เฟรดเดอริก จอห์นสัน (Frederick Johnson) เจ้าหน้าที่จากองค์กรลับที่ 713 ทำงานให้กับคริสโตเฟอร์ แลมบ์ เขาได้รับคำสั่งจากแลมบ์ให้หลอกเอ็ดเวิร์ดและเอลีนไปยังเกาะชาโดว์ โดยสร้างหลักฐานปลอมทำให้ดูเหมือนว่าชาร์ลเสียชีวิตที่เกาะชาโดว์และหลอกว่าโอเบดคือพ่อของเอลีน แต่ในตอนท้ายของเกมกลับกลายเป็นว่าเฟรดเดอริกเป็นสายลับของFBI ที่แทรกซึมเข้ามาสืบสวนเรื่องขององค์กรลับ 713 และเป็นคนที่ช่วยเอ็ดเวิร์ดและเอลีนออกจาเกาะชาโดว์ในตอนท้ายเกม แต่ในที่สุดเขาไม่สามารถถอนตัวจากแลมบ์ได้ และต้องทำงานให้แลมบ์ต่อไป
  • คริสโตเฟอร์ แลมบ์ (Christofer Lamb) เป็นวายร้ายที่บงการเรื่องทั้งหมด เขาเป็นหัวหน้าขององค์กรลับที่ 713 ทำหน้าที่หยุดยั้งลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่จริงๆเขามีเป้าหมายคือการสืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติ เขาเป็นคนขอให้อลันและโอเบดแปลอักขระโบราณของชนเผ่า Abkanis และส่งเอ็ดเวิร์ดและเอลีนไปยังเกาะชาโดว์เพื่อให้ทั้งสี่ฆ่ากันเอง แลมบ์เป็นคนกลัวแสงจึงมักหลบในความมืด ในตอนจบของเกมแลมบ์ได้รับวิธีการทำพิธีกรรมที่จะเปิดประตูแห่งความมืด และถึงแม้เกาะชาโดว์จะถูกทำลายหมดบางส่วนยังคงหลงเหลืออยู่บนโลก

ตัวเกม[แก้]

ในภาคนี้แทนที่จะใช้แนวสยองขวัญแบบตำนานคธูลู ในภาคนี้ทีมงานได้กลับเลือกใช้แนวสัตว์ทดลองสยองขวัญตามแบบของ H.R Giger ทำให้ศัตรูในเกมนี้จะออกไปทางสัตว์ประหลาดมากกว่าภูตผีแบบสามภาคแรก ผู้เล่นจะได้ควบคุมตัวละครสองคนคือเอ็ดเวิร์ด หรือเอลีน ซึ่งทั้งสองจะมีเนื้อเรื่องคนละแบบ และต่างต้องช่วยกันไขปริศนาบนเกาะนี้ โดยต้องต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้าย ซึ่งแฝงตัวในเงามืด ในการควบคุมหลักๆเกมนี้จะออกไปในแนวเกมอย่าง Resident Evil ซึ่งได้เลียนแบบระบบทั่วๆไปอย่างระบบผสมไอเท็ม, ระบบเซฟเกมด้วยไอเท็ม หรือระบบสุขภาพแบบกราฟอัตราการเต้นของหัวใจ แต่จุดสำคัญหลักๆในเกมนี้คือการใช้ไฟฉาย เนื่องด้วยสัตว์ประหลาดในเกมนี้ไม่ชอบแสงไฟ ดังนั้นผู้เล่นจะได้อาวุธที่สามารถสร้างแสงได้อย่าง "กระสุนแม็กนีเซี่ยม" และ "กระสุนฟอสฟอรัส" นอกจากนั้นการใช้ไฟฉายยังถือเป็นอีกลูกเล่นหนึ่งในเกม เพราะบางครั้งการไขปริศนา การหาไอเท็ม ก็ต้องใช้ไฟฉายส่องเช่นกัน

ภาคต่อ[แก้]

ภาพยนตร์[แก้]

ดูบทความหลักที่: กองทัพมืดมฤตยูเงียบ

ภาคนี้เป็นภาคที่ Uwe Boll นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยมีเนื้อหาใกล้เคียงกันรวมถึงตัวละครอย่างเอลีนด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ได้รายได้เพียง 3ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ลิขสิทธิ์ดีวีดีและวีซีดีในประเทศไทย เป็นของ EVS Entertainment

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]