ลาเรซูร์เรซีโอเน (ประติมากรรม)
ลาเรซูร์เรซีโอเน (อิตาลี: La Resurrezione) เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์และทองเหลืองโดยเปรีเกล ฟัซซานี ที่ตั้งแสดงอยู่ภายในท้องพระโรงพระสันตะปาปาปอลที่หกในนครวาติกัน[1] ประติมากรรมนี้แสดงฉากการคืนพระชนม์ของพระเยซูจากหลุมระเบิดนิวเคลียร์ในสวนเกทเสมนี ศิลปินสร้างสรรค์ชิ้นงานนี้ขึ้นเพื่อแสดงความร้าวรานของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 20 ซึ่งต้องอยู่ภายใต้ภัยสงครามนิวเคลียร์อยู่ตลอดเวลา ฟัซซานีสรุปประติมากรรมนี้ว่าเป็น "พระคริสต์คืนพระชนม์จากหลุมนี้ที่เกิดจากระเบิดนิวเคลียร์ อันเป็นการระเบิดที่เลวร้าย เป็นกระแสน้ำวนของความรุนแรงและพลังงาน"[2]
ขนาดของประติมากรรมนี้อยู่ที่ 66 × 23 × 10 ft (20.1 × 7.0 × 3.0 m)[1] มีน้ำหนัก 30 ตัน และสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ $400,000[3] ชิ้นงานนี้ว่าจ้างโดยเคานต์กาเลอัซซี (Count Galeassi) ในปี 1965 การหล่อทำที่โรงศิลป์มิเชลุจจี (Michelucci Art Foundry) ในปิสโตยาในปี 1972 ฟัซซานีสร้างสรรค์ชิ้นงานนี้ขึ้นที่สตูดิโอของเขาในซันลอเรนโซอินปิซกีบุส[4] ประติมากรรมนี้สร้างขึ้นในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของสมเด็จพระสันตปาปาปอลที่หก ซึ่งเสด็จมาทรงประกอบพิธีเปิดประติมากรรมนี้ในปี 1977 ด้วยพระองค์เอง รวมถึงตรัสชมชิ้นงานนี้ว่า "มโหฬารและแปลกใหม่"[3]
ในผี 1978 ประเทศซันมารีโนมีแนวคิดออกดวงตราไปรษณียากรสามดวงที่ใช้รูปประติมากรรมนี้เนื่องในโอกาสวันคริสตสมภพ แม้ว่าฟัซซานีจะให้อนุญาตสิทธิ์ในการใช้งานชิ้นงานนี้ แต่นครวาติกันได้ออกมาค้านว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการใช้งานภาพของชิ้นงานนี้ซ้ำ และโน้มน้าวให้ซันมารีโนยกเลิกการจัดทำดวงตราไปรษณียากรนี้[5][6]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Associated Press. "Fazzini Dies; Sculptor, 74". Schenectady Gazette, 4 December 1987. Accessed 29 April 2014.
- ↑ "Pericle Fazzini, 74, a Sculptor for Vatican". The New York Times (ภาษาอังกฤษ). The New York Times. December 5, 1987. สืบค้นเมื่อ 5 April 2024.
- ↑ 3.0 3.1 "Pope Blesses Bronze of Christ Resurrected". Associated Press. 29 Sep 1977. สืบค้นเมื่อ 5 April 2024.
- ↑ "La Chiesa di San Lorenzo in Piscibus". www.vatican.va. The Holy See. สืบค้นเมื่อ 5 April 2024.
- ↑ Armstrong, George (2 Dec 1978). "Stamp War won by Vatican". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 5 April 2024.
- ↑ "Vatican Wins War on Stamps". Manchester Evening News. 15 Dec 1978. สืบค้นเมื่อ 5 April 2024.