รายชื่อตอนในสาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปกบลูเรย์ฉบับที่ซึ่งหนึ่งเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2554

สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย (花咲くいろは) เป็นอนิเมะโทรทัศน์ซึ่งบริษัทพีเอเวิกส์ (P.A. Works) ผลิตออกฉายทางโทรทัศน์ญี่ปุ่นในเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2554 ต่อมา บริษัทโพนีแคนยอน (Pony Canyon) จึงเผยแพร่เป็นดีวีดีและบลูเรย์เป็นชุด ๆ ชุดแรกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2554 ชุดสุดท้าย คือ ชุดที่หก จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ปีเดียวกันนั้น[1]

เนื้อหาว่าด้วยหญิงสาวคนซึ่งถูกมารดาส่งไปอยู่กับยายผู้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมและบ่อน้ำร้อนเก่าแก่ โดยต้องทำงานเป็นบริกรในโรงแรมนั้นแลกที่อยู่ที่กิน กับทั้งต้องประเชิญและฟันฝ่าความกดดันตลอดจนอุปสรรคนานัปการเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างและไปสู่อนาคตที่ดีกว่าดังมุ่งหวัง อนิเมะนี้ชี้ปัญหาหลายประการทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาในวงครอบครัวและการทำงานที่นับวันผู้เยาว์จำต้องแบกรับมากขึ้นเนื่องจากการกระทำของผู้ใหญ่ โดยนำเสนอผ่านเนื้อเรื่องแนวตลก นาฏกรรม และวีรคติ เมื่อเผยแพร่แล้วก็ได้รับความนิยมเป็นอันมาก ทั้งเป็นโอกาสให้ฝ่ายบ้านเมืองญี่ปุ่นสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวด้วย

อนิเมะนี้ประกอบด้วยตอนทั้งสิ้นยี่สิบหกตอน สิบสามตอนแรกใช้เพลงเปิดชื่อ "ฮะนะโนะอิโระ" (Hana no Iro) วงนะโนะ.ริเปะ (nano.RIPE) ร้อง และใช้เพลงปิดชื่อ "เฮซี" (Hazy) วงสเฟียร์ (Sphere) ร้อง ครั้นตอนที่สิบสี่สืบไปใช้เพลงเปิดชื่อ "โอะโมะกะเงะวาร์ป" (Omokage Wāpu) วงนะโนะ.ริเปะร้อง และใช้เพลงปิดชื่อ "ฮะนะซะกุอิโระฮะ" วงแคล็มบน (Clammbon) ร้อง[2]

ตอน[แก้]

ตอนที่ ชื่อตอน วันออกอากาศ
(ในประเทศญี่ปุ่น)
1
  • จูโระกุไซ, ฮะรุ, มะดะสึโบะมิ (ใบไม้ผลิแล้ว ฉันอายุสิบหกแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นสาวกับเขาเสียที)
  • 十六歳、春、まだつぼみ
  • It's Spring, I'm 16, and I'm Still a Bud
3 เมษายน 2554[3]

  วันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน โอะฮะนะพบว่า ซะสึกิ มารดา เตรียมหนีตามคนรักไปเพื่อช่วยเขาเลี่ยงชำระหนี้สิน และส่งเธอไปอยู่กับซุอิ ยายซึ่งมิเคยพบหน้าค่าตากันมาก่อน เมื่อโคอิชิ เพื่อนสนิทของโอะฮะนะ ทราบเรื่อง ก็รุดมาสารภาพความในใจต่อโอะฮะนะแล้ววิ่งหายไปด้วยความเขินอาย

  นางซุอินั้นเป็นเจ้าของโรมแรมและบ่อน้ำร้อนชื่อ "คิสซุอิ" ที่เมืองยุโนะซะงิ เมื่อโอะฮะนะเดินทางจากกรุงโตเกียวไปถึงโรงแรมคิสซุอิแล้ว เห็นต้นหอมปลูกไว้เต็มหน้าโรงแรมก็ไม่ชอบใจจึงเข้าไปรื้อถอน สร้างความไม่พอใจเป็นอันมากให้แก่มิงโกะ พนักงานครัวซึ่งเป็นผู้ปลูกต้นหอมเหล่านั้นไว้ ถึงขนาดที่มิงโกะบอกให้เธอ "ไปตายเสีย" (死ね)

  ครั้นแล้ว โอะฮะนะก็ได้พบนางซุอิผู้เป็นยาย นางให้โอะฮะนะทำงานเป็นบริกรที่โรงแรมแลกข้าวปลาอาหารที่อยู่ที่กิน แล้วสั่งให้โทะโมะเอะ หัวหน้าคนงาน นำพาโอะฮะนะไปรู้จักส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม ให้นะโกะเป็นพี่เลี้ยงโอะฮะนะ และให้โอะฮะนะพำนักห้องเดียวกับมิงโกะ เมื่อโอะฮะนะเห็นว่ามิงโกะทำงานอย่างมานะบากบั่นก็มีใจจะช่วยแบ่งเบา จึงนำที่นอนของมิงโกะออกมาตากที่ระเบียง แต่ที่นอนนั้นตกลงสู่เบื้องล่างเกือบต้องลูกค้ากลุ่มหนึ่ง นางซุอิจึงตบหน้านะโกะฐานที่ไม่สั่งสอนแนะนำโอะฮะนะให้ดี โอะฮะนะขอให้นางตบหน้าเธอด้วยและให้แรงยิ่งกว่าเพื่อเธอจะได้สำเหนียกความผิดและมีความระมัดระวังยิ่งขึ้น นางซุอิจึงตบหน้าหลานเป็นการใหญ่

2
  • ฟุกุชูซุรุวะ, มะกะไนนิอะริ (อาหารของพนักงานคือการแก้แค้น)
  • 復讐するは、まかないにあり
  • Vengeance is a Staff Meal
10 เมษายน 2554[4]

  เช้าวันถัดมา นางซุอิสั่งให้นะโกะอบรมโอะฮะนะให้เป็นบริกรที่ดี ทว่า นะโกะช่างเขินอายเกินกว่าจะปฏิบัติหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มที่ เป็นเหตุให้โอะฮะนะต้องพึ่งตนเอง และเข้าไปทำความสะอาดตามลำพังซึ่งห้องของนักเขียนชื่อ ทะโร เช้านั้น มิงโกะทำอาหารไหม้ พนักงานทั้งปวงจึงตกลงงดรับประทานอาหารของตัวด้วยเกรงจะประกอบอาหารให้แก่ลูกค้าไม่ทัน ทว่า โอะฮะนะดัดแปลงอาหารอันไหม้นั้นกับทั้งอาหารที่เหลือมาเป็นของรับประทานให้ทุกคน และได้รับคำชมเชยว่ามีรสโอชาหาที่ติมิได้ เป็นเหตุให้มิงโกะยิ่งแค้นเคืองโอะฮะนะ

  บ่ายวันนั้น ทะโรแจ้งแก่โรงแรมว่า โอะฮะนะเข้าทำความสะอาดในห้องเขาแล้วงานเขียนต้นฉบับของเขาหายไป อย่างไรก็ดี นางซุยได้สั่งให้คนทั้งปวงทำงานตามเดิม ไม่ต้องออกตามหาต้นฉบับดังว่า ระหว่างนั้น โทรุ พนักงานครัวซึ่งมิงโกะหลงรัก ได้ชวนโอะฮะนะไปซื้อสัมภาระด้วยกัน แล้วหยอกล้อโอะฮะนะว่า เอาแต่พึ่งตนเอง ควรขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างบ้าง ทว่า โอะฮะนะรู้สึกผิดขึ้นจริง ๆ จึงขอลงจากรถแล้วเดินกลับโรงแรมตามลำพัง พลางคิดไม่ตกว่า เป้าหมายของตนที่มาโรงแรมนี้คืออะไร

  เย็นลงวันนั้น โอะฮะนะตกลงเปิดใจพูดคุยกับมิงโกะและนะโกะ เธอต่อว่ามิงโกะที่เอาแต่บอกให้เธอไปตายว่า ถ้าเธอตายขึ้นมาจริงจะรู้สึกผิดหรือไม่ และให้เลิกพูดจาเช่นนั้นได้แล้ว กับทั้งบอกนะโกะว่า ควรเลิกเหนียมอายและสอนงานให้แก่เธออย่างเต็มที่ แล้วก็บอกตนเองว่า จะเลิกทำสิ่งทั้งปวงตามลำพัง แต่จะเริ่มขอความช่วยเหลือจากคนทั้งสอง และอยากรู้จักสนิทสนมกับพวกเขาให้มากกว่านี้ด้วย ครั้นแล้ว ก็บอกว่า จะประกอบอาหารให้รับประทานในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยจะทำแต่อาหารที่คนทั้งสองไม่ชอบ เพื่อแก้แค้นที่พวกเขามักไม่เอาใจใส่เธอ

  เช้าวันต่อมา ขณะประกอบอาหารดังว่า โอะฮะนะค้นพบงานเขียนต้นฉบับของทะโรซึ่งปรากฏว่าเป็นเรื่องลามกอนาจารที่นำเธอและพนักงานคนอื่น ๆ มาเป็นตัวละคร

3
  • โฮะบิรง (ไข่ข้าว)
  • ホビロン
  • Balut
17 เมษายน 2554[4]

  ทะโรมาพบโอะฮะนะอ่านงานเขียนนั้นโดยบังเอิญ จึงจับโอะฮะนะไปล่ามเชือกไว้ในห้องตน แต่มัดไม่เป็นจึงต้องให้โอะฮะนะสอน เขายอมรับต่อโอะฮะนะว่า แท้จริงแล้ว เขาเป็นแต่นักเขียนมือสมัครเล่น มาหลอกกินอยู่ที่โรงแรมนี้เพื่อหาแรงบันดาลใจเขียนเรื่องส่งเข้าประกวดเอารางวัลใหญ่ และจำต้องเขียนเรื่องเร้ากำหนัดขายประทังชีวิตไปพลางก่อน ฝ่ายมิงโกะกับนะโกะเห็นโอะฮะนะหายไปขณะยังปรุงอาหารไม่แล้วเสร็จก็ออกติดตามหาพร้อมด้วยพนักงานคนอื่น ๆ มาพบโอะฮะนะถูกทะโรล่ามไว้ และได้ฟังเรื่องราวดังว่านั้นทั้งหมด ก็เตรียมแฉโพย แต่ทะโรลักรถตู้คันหนึ่งของโรงแรมขับหนีออกไปก่อน ชาวโรงแรม นำโดยนางซุอิ จึงออกไล่ล่าติดตามมาจนถึงขอบผาที่ซึ่งทะโรโดดหนีลงทะเล ดีที่ได้นะโกะผู้จัดเจนการว่ายน้ำกระโดดลงไปกู้ขึ้นมาอย่างปลอดภัย

  ทะโรสารภาพต่อนางซุอิอย่างหมดเปลือก นางว่า นางรู้อยู่แล้ว แต่ที่ให้เขาอยู่ต่อไปเพราะมีโอกาสที่เขาจะได้รางวัลใหญ่ ถึงเวลานั้น นางก็จะได้รับชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยอยู่ดี แต่ทะโรว่า ไม่มีความมั่นใจเช่นนั้นเลย โอะฮะนะจึงว่า แม้งานเขียนของเขาเป็นไปในทางเร้ากามารมณ์ แต่ก็แสดงบุคลิกภาพด้านหนึ่งของเธอที่เธอเองยังมิเคยนึกถึงมาก่อน ย่อมเป็นเครื่องแสดงว่า เขามีแววตาสามารถมองผู้คนในอีกด้านหนึ่งได้ จึงเหมาะจะเป็นนักเขียน ทำให้ทะโรมีกำลังใจมากขึ้น ครั้นแล้ว นางซุอิให้ทะโรทำงานที่โรงแรมเพื่อหักหนี้สิน แล้วชวนคนทั้งหลายกินหม้อไฟกันบนหน้าผาท่ามกลางบรรยากาศท้องฟ้าและห้วงทะเลอันงดงาม

  คืนนั้น โอะฮะนะพบสมุดของมิงโกะเขียนถ้อยคำต่าง ๆ เพื่อสรรหามาใช้แทนว่า "ไปตายเสีย" และหนึ่งในนั้นคือคำว่า "ไข่ข้าว"

4
  • อะโอะซะงิแรปโซดี (ลำนำนกกระสานวล)
  • 蒼鷺ラプソディー
  • Grey Heron Rhapsody
24 เมษายน 2554[4]

  เปิดภาคเรียนใหม่ โอะฮะนะเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับมิงโกะและนะโกะ และพบว่าตนเองกลายเป็นที่นิยมในโรงเรียน ผู้คนพากันมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลังเป็นอันมาก เธอยังได้เพื่อนใหม่ชื่อ ยุอินะ ผู้เป็นหลานสาวของนางชิเกะโกะ (Shikeko) เจ้าสำนักโรงแรมฟุกุยะ (Fukuya) ซึ่งโอะฮะนะสำคัญว่าเป็นโรงแรมคู่แข่งของคิสซุอิ แต่อันที่จริงแล้ว ยายของเธอกับยายของยุอินะนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน

  ระหว่างที่โอะฮะนะคิดไม่ตกว่าจะตอบข้อความที่โคอิชิส่งมาให้ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อคืนก่อนเช่นไร นะโกะชวนเธอไปโรงแรมฟุกุยะเพื่อส่งหนังสือเวียนของสภาองค์กรปกครองท้องถิ่นให้ ระหว่างเดินทางนั้น โอะฮะนะได้พบบรรดานกกระสานวลที่เพ่นพ่านอยู่ตามที่ต่าง ๆ นกเหล่านี้มีขนาดใหญ่จนเธอตกใจ ครั้นแล้ว มิงโกะพาโอะฮะนะไปไหว้พระที่วัดหลักเมือง และเล่าเรื่องเทศกาลตามประทีปให้ฟัง กับทั้งเปิดเผยความในใจว่า เธอก็พยายามควบคุมความเขินอายของตนเองอยู่ตลอดมา และขอบคุณโอะฮะนะที่ทำให้เธอหาญกล้ามากขึ้น

  คืนนั้น โอะฮะนะพูดคุยกับมิงโกะว่า โทรุเป็นผู้ชายปากจัด โดยที่มิทราบว่ามิงโกะแอบชอบโทรุอยู่ เมื่อเห็นว่ามิงโกะโมโหโกรธาจึงพยายามขอโทษในวันต่อมา ขณะนั้น คนทั้งสองได้เห็นโทรุมารับยุอินะที่โรงแรมฟุกุยะโดยให้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และกอดเอวเขาด้วย

5
  • นะมิดะโนะอิตะมะเอะโบะโจ (เรื่องรักใคร่ชวนน้ำตาคลอของพ่อครัว)
  • 涙の板前慕情
  • A Tearful Chef Romance
1 พฤษภาคม 2554[4]

  มิงโกะสำคัญว่ายุอินะเป็นคนรักของโทรุก็เสียใจอยู่ ต่อมา ก็ได้ยินโอะฮะนะ นะโกะ โทะโมะเอะ และทะโร สี่คนพูดคุยกันว่า โทรุจะลาออกไปทำงานที่โรงแรมฟุกุยะ ก็ยิ่งหมองเศร้าทุกข์ตรมหนัก เวลานั้น โทะโมะเอะเล่าให้โอะฮะนะฟังว่า ที่มิงโกะได้เข้ามาทำงานที่คิสซุอิเป็นเพราะโทรุเห็นความตั้งใจของมิงโกะในอันที่จะเป็นแม่ครัวมือเอกให้ได้และรับรองต่อนางซุอิว่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้ ซึ่งเป็นเหตุให้มิงโกะมีใจปฏิพัทธ์โทรุเรื่อยมา

  โอะฮะนะฟังแล้วจึงร้องขอให้มิงโกะบอกเล่าความในใจของตนให้โทรุทราบ เพื่อโทรุจะได้ไม่จากไป ทว่า มิงโกะมิตกลงด้วย เพราะเห็นว่า ถ้าโทรุจะไปได้ดีแล้ว ก็หามีเหตุที่เธอจะต้องรั้งเขาไว้ไม่ โอะฮะนะจึงบุกเดี่ยวไปโรงแรมฟุกุยะเพื่อขอให้คืนโทรุแก่คิสซุอิ ยุอินะมาพบและบอกให้แจ้งว่า แท้จริงแล้ว คนครัวโรงแรมเธอลางาน จึงยืมขอโทรุจากยายของโอะฮะนะมาช่วยงาน ส่วนที่เธอซ้อนจักรยานยนต์ของโทรุนั้นเพียงเพราะต้องการลองนั่งดูก็เท่านั้น ความที่โอะฮะนะรุดไปรั้งโทะรุไว้นั้น แม้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็ทำให้โทรุประทับใจและเริ่มมีใจให้แก่โอะฮะนะ ฝ่ายมิงโกะนั้นก็เริ่มยอมรับโอะฮะนะ โดยอนุญาตให้เรียกขานเธอด้วยชื่อเล่นได้

6
  • นอธิงเวนเชอร์นอธิงวิน (อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้ามิคิดปีนป่ายจะได้หรือ)
  • Nothing Venture Nothing Win
8 พฤษภาคม 2554[4]

  ทะกะโกะ เพื่อนสนิทของเอะนิชิ ผู้เป็นบุตรของนางซุอิและเป็นน้องชายของซะสึกิมารดาโอะฮะนะ ได้มาเยี่ยมโรงแรมคิสซุอิ ทะกะโกะนั้นทำงานเป็นที่ปรึกษาฝ่ายบริการจัดการของคิสซุอิ เธอเห็นว่า คิสซุอิคร่ำครึไม่เปลี่ยนแปลงมาช้านาน จึงเสนอให้พนักงานเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่เป็นชนิดที่วาบหวิวหมายจะดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ทว่า นางซุอิไม่อนุมัติ และเมื่อลองเปลี่ยนแล้วก็เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงของลูกค้าจริงสมคำเตือนของนาง

  ฝ่ายเอะนิชินั้นเสียใจที่มารดามิเคยยอมรับแนวคิดของเขาในการปรับปรุงโรงแรมเลย โอะฮะนะฟังแล้วก็ตกลงใจว่า ในฐานะหลานและพนักงานแล้ว ควรที่จะช่วยกระเตื้องกิจการของคิสซุอิทุกวิถีทาง แต่ขณะที่ยังคิดไม่ตกนั้น เด็นโระกุ พนักงานเก่าแก่ของโรงแรม ก็เข้ามาพูดคุยและนำพาเธอไปยังห้องลับห้องหนึ่งซึ่งเก็บเครื่องแบบมากมีที่นางซุอิเคยประดิษฐ์เอาไว้ แล้วบอกเธอว่า นางซุอิเองก็เคยลองผิดลองถูกมานักต่อนักแล้ว โอะฮะนะกับนะโกะลองนำเครื่องแบบทั้งนั้นมาสวมใส่ ปรากฏว่าเป็นที่ประทับใจของลูกค้ายิ่งนัก โดยเฉพาะบรรดาลูกค้าขาประจำนั้นพากันหวนรำลึกถึงนางซุอิสมัยสาวซึ่งสวมเครื่องแบบเหล่านี้

7
  • คิสซุอิเซ็นเซ็งอิโจนะชิ (แนวรบด้านคิสซุอิ เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง)
  • 喜翆戦線異状なし
  • All Quiet on the Kissui Front
15 พฤษภาคม 2554[5]

  ขณะที่โทะโมะเอะกำลังกระวายกระวายใจอยู่ เพราะหมายใจจะลาออกกลับไปทำงานที่บ้านหลังจากมารดากดดันให้เข้าร่วมพิธีเลือกคู่ซึ่งแม่สื่อจะจัดให้ในสัปดาห์หน้านั้น เธอก็ต้องหนักใจขึ้นอีกเมื่อโรงแรมคิสซุอิได้รับลูกค้าขาประจำซึ่งเป็นกลุ่มชายที่เรียกตนว่า "นักเล่นเกมวิบาก" แต่งกายเยี่ยงทหาร มีอาวุธของเล่นครบมือ และสมมุติว่าตัวอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอด แม้มาใช้บริการโรงแรมเป็นนิตย์ แต่พฤติกรรมเอะอะมะเทิ่งและเล่นจริงเล่นจังของพวกเขาเหล่านั้นสร้างความลำบากใจให้แก่ชาวคิสซุอิเสมอมา

  เมื่อเห็นว่า ถึงอย่างไรก็จะลาออกอยู่แล้ว โทะโมะเอะจึงพยายามทำให้นักเล่นเกมเหล่านั้นเข็ดขยาดไม่กล้ามาเล่นสนุกที่โรงแรมอีก ทว่า ความพยายามของเธอกลับสร้างความบันเทิงให้แก่พวกเขายิ่งขึ้น และทำให้พนักงานคนอื่น ๆ ทึ่งที่เธอหาญกล้าถึงเพียงนั้น ครั้นพบว่า ณ โรงแรมนี้ ตนเองมีความสุขที่ได้ทำงาน ทั้งมีพี่น้องผองเพื่อนที่รักใคร่นักหนา โทะโมะเอะจึงเปลี่ยนใจไม่ลาออกและไม่ไปดูตัวคู่สมรส

8
  • ฮะชิริดะซุ (วิ่งไป)
  • 走り出す
  • Run
22 พฤษภาคม 2554[5]

  ขณะที่โอะฮะนะฟังยุอินะเล่าว่า โรงแรมฟุกุยะมีแขกประหลาดเข้าพักและต่อมาก็ได้ลงในนิตยสารชื่อดัง ก็มีผู้เข้าพักโรงแรมคิสซุอิเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนะโกะกับโทรุไม่มีกะในวันนั้น ทำให้พนักงานที่ประจำอยู่ไม่พอบริการลูกค้า นางซุอิในฐานะบริกรเก่าจึงลงแรงอีกคน ทว่า ขณะทำงานได้พักหนึ่ง นางก็ให้รู้สึกปวดเจ็บที่ท้องถึงกับล้มลงและต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยมีโอะฮะนะติดตามไปเฝ้าไข้ อย่างไรก็ดี นางสั่งให้โอะฮะนะกลับไปดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ และบอกไล่หลังไปว่า ขอฝากสมุดเล่มหนึ่งที่ทิ้งไว้ในห้องทำงานของนางด้วย

  เวลาเดียวกันนั้น โคอิชิโทรศัพท์หาโอะฮะนะเพื่อบอกว่า เขาเดินทางมาเยี่ยมหา แต่โอะฮะนะกำลังขึ้นรถไฟกลับไปคิสซุอิโอจึงได้ยินมิถนัด ที่โรงแรม ทะกะโกะกับพนักงานคนอื่น ๆ พูดคุยกันว่า ลูกค้าที่แห่เข้าพักจำนวนมากในครานี้น่าที่จะเป็น "แขกประหลาด" และเป็นนักเขียนบทความในนิตยสารดังคำยุอินะ จึงตกลงกันจะบริการลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษยิ่งกว่ากลุ่มอื่น ฝ่ายโอะฮะนะเมื่อถึงโรงแรมแล้วได้เข้าไปดูสมุดที่ยายเอ่ยถึง ปรากฏว่า เป็นบันทึกของนางซุอิซึ่งสังเกตเกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบของลูกค้าทุกคนที่เคยเข้าพักแล้วจดลงไว้ เผื่อว่าลูกค้ากลับมาอีกจะได้ปฏิบัติได้ต้องใจทั่วกัน โอะฮะนะอ่านแล้วก็ซาบซึ้งถึงหัวใจของผู้เป็นยายที่คาดหมายให้บริการอันดีแก่ลูกค้าโดยเสมอหน้ากัน จึงคัดค้านทะกะโกะกับพนักงานคนอื่นว่า ไม่ควรเอาใจแต่ลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ด้วยจะทำให้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งด้อยค่าลง

  เพื่อให้มีพนักงานพอรับรองลูกค้าได้ทั่วถึง โอะฮะนะจึงเรียกนะโกะมาช่วย แล้วออกติดตามหาโทรุซึ่งไปร่วมพิธีสมรสอยู่ในตัวเมือง

9
  • คิสซุอิโซโนะอิชิบังนะไงฮิ (วันเวลาอันยาวนานเหลือใจในโรงแรมคิสซุอิ)
  • 喜翆荘の一番長い日
  • The Longest Day at Kissuisō
29 พฤษภาคม 2554[5]

  โคอิชิโดยสารรถไฟจากกรุงโตเกียวมาถึงเมืองยุโนะซะงิ ทว่า โอะฮะนะเข้าไปตามหาโทรุในตัวเมืองจึงคลาดกัน โคอิชิจึงตกลงจะพำนักที่โรงแรมคิสซุอิรอคอยโอะฮะนะกลับมา แต่โรงแรมเต็มเสียแล้ว เขาก็จำต้องนั่งรถไฟกลับกรุงโตเกียวเสียเดี๋ยวนั้น ฝ่ายโอะฮะนะนั้นติดตามหาโทรุจนพบ โทรุดีใจที่โอะฮะนะเห็นว่าเขาเป็นที่พึ่งได้ ก็ชวนเธอซ้อนจักรยานยนต์ขี่กลับไปคิสซุอิโดยไม่ชักช้า โอะฮะนะใช้หมวกนิรภัยของโทรุพลางเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า กลิ่นเหงื่อเส้นผมผู้ชายเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่

  ครั้นแล้ว พนักงานส่วนใหญ่ก็ฝันฝ่าภารกิจเฉพาะหน้าครั้งนี้ไปได้ด้วยดี โดยให้บริการลูกค้าทั้งปวงเสมอหน้ากัน ยกเสียแต่ทะกะโกะและพวกที่คงตั้งมั่นให้บริการกลุ่มเป้าหมายของตนเป็นพิเศษเท่านั้น ความจริงปรากฏว่า ลูกค้ากลุ่มที่ทะกะโกะเล็งไว้นั้นเป็นลูกค้าทั่วไป ส่วนลูกค้าที่เป็นหญิงแต่งกายธรรมดาหาความผิดประหลาดมิได้กับมารดาของเธอนั้นต่างหากที่เป็นนักเขียนบทความลงนิตยสาร พวกเขาซาบซึ้งในคติพจน์ของโอะฮะนะในการบริการให้ดีโดยทั่วกัน จึงประเมินคิสซุอิโอลงนิตยสารว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยม และที่สุด นางซุอิก็ได้กลับจากโรงพยาบาล

10
  • บิเนสึ (เป็นไข้นิดหน่อย)
  • 微熱
  • Slight Fever
5 มิถุนายน 2554[5]

  เหตุว่าพักผ่อนน้อยและตื่นเช้าตรู่มาทำงานต่อเนื่องกันเป็นเวลายาวนาน โอะฮะนะจึงจับไข้ล้มทรุดลงกองกับพื้นในเช้าวันหนึ่ง แพทย์สั่งให้งดงานและนอนพักผ่อนหนึ่งวันเต็มแล้วจะกลับเป็นปรกติเอง โทรุทราบก็เป็นกังวลยิ่ง มาอยู่เฝ้าไข้พร้อมปรุงข้าวต้มและเตรียมผลไม้มาให้ด้วย เป็นเหตุให้มิงโกะขุ่นเคืองใจเป็นอันมาก ฝ่ายโทรุนั้นเมื่อเห็นโอะฮะนะแม้อยู่ในสภาพป่วยแต่ก็มีความน่ารักตามธรรมชาติ ก็ใจเต้นหนัก มิอาจอยู่ด้วยกันสองต่อสองได้นาน จึงลากลับออกไปทำครัวดังเดิม

  ระหว่างโอะฮะนะนอนหลับอยู่บนเตียงนั้นก็ให้ฝันประหลาดว่า อยู่ที่วัดหลักเมือง โคอิชิมาหาและบอกเธอให้กลับคืนไปกรุงโตเกียว ด้วยว่าหามีผู้ใดที่คิสซุอิต้องการเธอไม่ ในฝันนั้น เห็นเด็กหญิงซึ่งเป็นภูตจิ้งจอกประจำเมืองเฝ้าดูคนทั้งสองพูดคุยกันอยู่ห่าง ๆ ครั้นตื่นขึ้น โอะฮะนะนึกถึงถ้อยคำของโคอิชิแล้วก็เห็นจริงดังนั้น จึงพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์เคลื่อนที่กำลังจะส่งหาโคอิชิว่า เธอจะกลับบ้านในเร็ววัน แต่มิงโกะกับนะโกะเข้ามาเห็นและยืนยันเป็นขึงขังว่า จริงอยู่ว่าแต่ก่อนคิสซุอิไม่มีโอะฮะนะก็อยู่กันได้ ทว่า บัดนี้ โอะฮะนะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคิสซุอิแล้ว ขาดเธอไปคิสซุอิย่อมไม่สมบูรณ์

  ขณะนั้น โอะฮะนะพิษไข้กำเริบผล็อยหลับไป ในฝันนั้น เธอบอกโคอิชิที่วัดหลักเมืองว่า เธอต้องการอยู่ที่โรงแรมคิสซุอิต่อ โดยที่เด็กหญิงภูตจิ้งจอกยังคงเฝ้าชมพวกเขาสนทนากันตลอดความฝัน

11
  • โยะรุนิโฮะเอะรุ (เห่าหาจันทร์)
  • 夜に吼える
  • Bark at the Night
12 มิถุนายน 2554[6]

  นิตยสารฉบับหนึ่งลงรายงานวิพากษ์วิจารณ์โรงแรมคิสซุอิในทางลบ เมื่อนางซุอิเข้าประชุมกับผู้บริหารโรงแรมทั้งปวงในท้องที่เดียวกันซึ่งล้วนแต่เป็นมิตรสหายของนางทั้งสิ้น จึงทราบว่า โรงแรมอื่น ๆ เหล่านั้นก็ต้องคำวิจารณ์ทำนองเดียวกัน ยกเสียแต่โรงแรมทันสมัยหลังหนึ่งซึ่งกำลังสร้างใหม่ได้รับคำสรรเสริญเยินยอแต่ผู้เดียว

  เพื่อหยั่งทราบถึงรากเหง้าแห่งคำวิจารณ์นั้น โอะฮะนะรุดไปกรุงโตเกียวโดยพลันแล้วเข้าสืบหาผู้เขียนรายงานวิจารณ์ถึงสำนักงานนิตยสาร ปรากฏว่า ซะสึกิ มารดาของเธอ เป็นเจ้าของรายงานเหล่านั้นเอง ซะสึกิเปิดเผยว่า ที่ทำเช่นนั้นเพราะเป็นบัญชาของผู้ใหญ่ โอะฮะนะฟังแล้วก็ว่า เธออดรนทนต่อความไม่พอใจที่มารดาสร้างให้มาแต่เล็กโดยอ้างว่าเพื่อการงาน แต่การงานของมารดากลับผิดคลองธรรมเช่นนี้ เหลือวิสัยที่เธอจะทนต่อไปได้ ขอให้มารดาไปทดลองใช้บริการของคิสซุอิให้รู้แจ้งเห็นจริงเสียก่อน แล้วกลับมาเขียนบทความใหม่ ซะสึกิบอกปัด โอะฮะนะจึงประท้วงอยู่หน้าสำนักงานเป็นการใหญ่

  ระหว่างประท้วงนั้น โอะฮะนะแวะไปหาโคอิชิซึ่งทำงานพิเศษอยู่ที่ศูนย์หนังสือใกล้เคียง และพบเห็นพฤติการณ์ที่ชวนเข้าใจว่า โคอิชิกำลังคบหาเป็นคู่รักอยู่กับหญิงสาวเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ก็ช้ำใจอยู่ลึก ๆ โคอิชิจึงชี้แจงว่า หญิงสาวผู้นั้นชื่อ อิงะระชิ (Igarashi) เขามิได้คบอยู่กับเธอ อิงะระชิมาสารภาพว่าหลงรักเขา แต่เขายังมิได้ตอบ เพราะเขาสารภาพรักต่อโอะฮะนะแล้ว จนบัดนี้โอะฮะนะยังมิไตอบเขาว่าจะรับรักเขาหรือไม่ประการใด โอะฮะนะฟังแล้วก็ให้รู้สึกผิดจึงวิ่งหนีออกไป ใบหน้าแล้วไปด้วยน้ำตา ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยหยาดฝน ขณะนั้น มิงโกะกับโทรุสองคนติดตามมาพบ

12
  • จานะ (ลาก่อน)
  • 『じゃあな。』
  • 'See ya.'
19 มิถุนายน 2554[6]

  มิงโกะกับโทรุพาโอะฮะนะไปค้างคืนที่โรงแรมหนึ่งหนึ่ง โอะฮะนะเสนอว่า จะจับตัวมารดาไปคิสซุอิ โทรุซึ่งทราบเรื่องราวความรักของโอะฮะนะแล้ว ก็ประสงค์จะให้เธอได้พูดคุยกับโคอิชิเพื่อคลี่คลายปัญหาในใจ จึงว่า จะร่วมมือด้วยถ้าโอะฮะนะพาโคอิชิไปด้วย โอะฮะนะจึงไปหาโคอิชิ แต่ได้พบกับอิงะระชิแทน อิงะระชิบอกให้โอะฮะนะเคารพความรู้สึกของโคอิชิ โดยตัดสินใจเสียทีว่าจะรับรักเขาหรือไม่ มิฉะนั้น ก็เท่ากับโอะฮะนะผูกมัดเขาไว้กับตนเองโดยไม่ทำให้อนาคตของเขากระจ่างแจ้งแน่นอน ย่อมเป็นความเห็นแก่ตัวแก่ได้ฝ่ายเดียว พูดแล้วอิงะระชิก็กลับไปทำงาน

  เวลานั้น โคอิชิเล่าเรื่องที่เขาไปหาโอะฮะนะถึงคิสซุอิในคราก่อนแต่คลาดกันให้เธอฟังทางโทรศัพท์ โอะฮะนะฟังแล้วก็รู้สึกผิดเป็นเท่าทวีคูณ และเริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้วตนก็มีใจรักโคอิชิเช่นกัน จึงตกลงไม่พาเขาไปด้วยตามคำโทรุ โคอิชิไม่เข้าใจว่าโอะฮะนะกำลังกล่าวถึงสิ่งใด เมื่อเห็นว่าเธอต้องไปทำงานแล้วจึงว่า "ลาก่อน" ทำให้โอะฮะนะเข้าใจว่า เขาตัดรักเธอแล้ว ก็เสียใจอยู่แต่ทำใจแข็งเพื่อมิให้เสียการงาน

  ครั้นแล้ว โอะฮะนะ มิงโกะ และโทรุ สามคนก็ไปหาซะสึกิ แต่ปรากฏว่า ซะสึกิเตรียมตัวไปคิสซุอิอยู่พอดี เมื่อโทรุถามว่า เป็นไฉนจึงเปลี่ยนใจไปคิสซุอิ ซะสึกิจึงว่า สิ่งที่โอะฮะนะทำลงไปทั้งหลายทั้งปวงนั้นยังให้เธอระลึกถึงตัวเธอเองในครั้งเยาว์วัย

13
  • ชิจิมะโนะอนนะ ~โชชิงมิกซ์~ (สตรีแห่งชิจิมะ ~ภาคผสมใจสลาย~)
  • 四十万の女~傷心MIX~
  • Shijima's Girl ~Broken Heart MIX~
26 มิถุนายน 2554[6]

  เมื่อทราบว่าซะสึกิจะมา บรรดาพนักงานคิสซุอิตื่นเต้นอยู่หาความสงบในใจมิได้ ฝ่ายนางซุอินั้นสั่งให้คนทั้งหลายปฏิบัติต่อซะสึกิให้ดีดังเช่นปฏิบัติต่อลูกค้าทุกคน และอย่าเห็นแก่ที่ซะสึกิเป็นลูกของนาง ในการนี้ นางมอบหมายให้นะโกะรับผิดชอบดูแลซะสึกิ ซะสึกิเมื่อมาถึงแล้วก็กล่าวว่า โรงแรมคิสซุอิไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เธอเป็นเด็กจนเดี๋ยวนี้ แต่ก็เห็นว่า ความที่โรงแรมคร่ำครึไม่พัฒนานับเป็นข้อด้อย ฝ่ายนางซุอิผู้ยึดมั่นในคติว่าความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญนั้นเห็นว่า แม้มิใช่ครั้งแรกที่ซะสึกิอยู่ในโรงแรมนี้ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ในฐานะลูกค้า จึงคิดรายการสิ่งที่ลูกชอบเพื่อให้การบริการเป็นไปโดยต้องใจลูกมากที่สุด และโอะฮะนะระดมสติปัญญาเข้าช่วยยายอีกแรง

  คืนนั้น นางซุอิพร้อมด้วยซะสึกิและโอะฮะนะได้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มกันตามลำพัง พลางสนทนากันหลังจากที่ซะสึกิละทิ้งบ้านไปยาวนานเหลือใจ ฝ่ายโอะฮะนะนั้นดื่มน้ำผลไม้แต่กลับเมาแล้วรำพึงรำพันเรื่องถูกโคอิชิตัดรัก ทำให้แม่และยายหัวเราะจนท้องคัด นางซุอินั้นว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีแห่งสกุลชิจิมะแล้ว ไม่สมรักกับชายคนเดียวถึงกับเก็บมาเป็นทุกข์ใจนั้นหาควรไม่ นางนั้นกว่าจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกับสามีต้องจับเขาด้วยหลายกระบวนท่า ครั้นแล้ว คนทั้งสามก็พูดคุยกันเรื่อยไป ยังให้เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ก่อนที่โอะฮะนะจะเมาน้ำผลไม้หลับไป

  รุ่งขึ้น ซะสึกิจากโรงแรมด้วยความพึงพอใจในบริการ และเขียนรายงานฉบับใหม่ประเมินคิสซุอิในระดับดีเยี่ยม ครั้นเย็นลงวันนั้น โอะฮะนะทำใจเรื่องความรักเพื่อให้ชีวิตไม่จมปลักอยู่ในความหมองเศร้าและก้าวหน้าต่อไป เธอกู่ตะโกนขอบคุณโคอิชิที่เป็นกำลังใจและมีความรู้สึกอันดีให้เสมอมา พร้อมร้องว่าลาก่อนก้องไปในสายลม

14
  • โคะเระงะวะตะชิโนะอิกิรุมิชิ (นี้คือหนทางชีวิตฉัน)
  • これが私の生きる道
  • This is My Way of Life
3 กรกฎาคม 2554[6]

  โอะฮะนะกับเพื่อนร่วมห้องไปทัศนศึกษา และเข้าพักกันที่โรงแรมใหญ่โตแห่งหนึ่งซึ่งโรงเรียนจัดหาไว้และมีโยะซุเกะ ฮิมิวะริ (Yosuke Himawari) ญาติของยุอินะ เป็นเจ้าสำนัก นักเรียนทั้งหลายพากันเล่นสนุกอยู่ตามชายหาด ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเคยบอกรักต่อมิงโกะแต่ถูกมิงโกะบอกปัดตกลงใจเสี่ยงดวงอีกสักหน แต่ก็ถูกมิงโกะปฏิเสธไม่รับรักเช่นเคยด้วยว่าใจเธอนั้นมีแต่โทรุ ครั้นค่ำลง โอะฮะนะกับนะโกะสองคนได้ยินโยะซุเกะพูดคุยกับยุอินะ โยะซุเกะกับยุอินะนั้นเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก และยุอินะในวัยเยาว์เคยเรียกเขาว่าคู่หมั้น มาครั้งนี้ โยะซุเกะชวนยุอินะให้มาทำงานที่โรงแรมเขาในฐานะคนรักของเขาเมื่อเธอสำเร็จการศึกษาแล้ว แต่ยุอินะยังมิได้ตอบว่าประการใด

  วันถัดมา พนักงานจำนวนหนึ่งของโรงแรมโยะซุเกะลาออกโดยกล่าวว่า โยะซุเกะไม่เคยรับฟังหัวอกของพวกตนเลย โยะซุเกะฟังแล้วก็โกรธ ยุอินะบอกเขาว่า ธรรมดาคนเราทำการสิ่งใดมักเอาความพอใจเป็นที่ตั้ง ไม่พอใจแล้วก็หาทำไม่ พนักงานทั้งนั้นก็ดุจกันกับเธอที่ไม่มีใจจะทำงานโรงแรม เป็นอันบอกปัดคำชี้ชวนของเขาเมื่อคืนก่อนไปโดยปริยาย

15
  • มะเมะ, โนะชิ, ฮะเระ (หลังมือพอง ฟ้าผ่องอำไพ)
  • マメ、のち、晴れ
  • Sunny With a Chance of Beans
10 กรกฎาคม 2554[7]

  เมื่อพนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก โรงแรมของโยะซุเกะจึงขาดกำลังคน โอะฮะนะบอกกล่าวว่ามีประสบการณ์เป็นบริกรโรงแรมและขอเข้าช่วยเหลือ แต่โยะซุเกะเห็นว่า ยังพอไปได้ และซึ่งจะให้ลูกค้ามาช่วยงานนั้นมิควร จึงบอกปัด อย่างไรก็ดี โอะฮะนะอดรนทนมิได้ที่เห็นคนเดือดเนื้อร้อนใจก็เสนอตัวเข้าช่วยอีกครั้ง ฝ่ายโยะซุเกะเห็นว่าโรงแรมกำลังเข้าตาจนโดยแท้ จึงยอมรับความช่วยเหลือของโอะฮะนะ ต่อมา มิงโกะกับนะโกะก็เข้าช่วยอีกแรง

  ระหว่างนั้น ระบบจักรกลที่ใช้ลำเลียงอาหารเสียลง โอะฮะนะจึงกล่าวว่า ไม่มีกำลังอันใดดีไปกว่ากำลังคน เธอกับพนักงานทั้งหลายจะขนอาหารทั้งนั้นไปให้เอง แต่ระหว่างนั้น ขอให้โรงแรมจัดให้บรรดาลูกคาไปอาบน้ำชำระกายก่อนเพื่อผ่อนเวลาลำเลียงอาหารและตั้งโต๊ะอีกสักหน่อย บรรดาเพื่อนร่วมห้องของโอะฮะนะ มิงโกะ กับนะโกะเห็นทั้งสามช่วยเหลือโรงแรมเป็นแข็งขันแล้วก็มีใจเข้าร่วมช่วยด้วยกันโดยถ้วนหน้า ขณะที่ยุอินะไปช่วยโยะซุกะทำความสะอาดบ่อน้ำร้อนให้ทันเวลาลูกค้าเข้าใช้ การเหล่านี้ผ่านพ้นไปด้วยดี และยังให้โยะซุเกะนำแนวคิดที่ได้จากโอะฮะนะและผองเพื่อนมาปรับเปลี่ยนมุมมองของเขาในการบริหารงานโรงแรม

16
  • อะโนะโซะระ, โคะโนะโซะระ (ฟ้านี้ฟ้านั้น)
  • あの空、この空
  • This Sky, That Sky
17 กรกฎาคม 2554[7]

  เอะนิชิพาเทะสึโอะ อิซะมิ (Tetsuo Isami) ผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์ซึ่งต้องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในเมืองยุโนะซะงิเข้ามามาใช้โรงแรมคิสซุอิเป็นฉากหลัก ด้วยคาดหวังว่าคงมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์โรงแรมได้บ้าง เอะนิชิต้องประหลาดใจเมื่อครั้งนี้มารดาไม่ห้ามปรามกลับบอกเขาให้ทำดังใจปรารถนา วันต่อมา เหล่านักแสดงนำเดินทางมาถึงคิสซุอิ และมีการทดลองถ่ายทำ ฝ่ายโอะฮะนะกับพวกพากันไปทำความสะอาดสระว่ายน้ำรกร้างงอยู่บนเนินหลังโรงแรมสำหรับใช้ในภาพยนตร์ ขณะที่งานดำเนินไปนั้น เอะนิชิก็ให้รู้สึกหมองเศร้าขึ้นในใจ เพราะเขาคิดเห็นเสมอมาว่า ตนเองแม้มีมานะแต่ขาดไหวพริบปฏิภาณ ส่วนซะสึกิพี่สาวมีความสามารถมาก คงดูแลคิสซุอิได้ดีกว่าเขา

17
  • พูลออนเดอะฮิล (สระน้ำบนเนิน)
  • プール・オン・ザ・ヒル
  • Pool on the Hill
24 กรกฎาคม 2554[7]

  ซะสึกิโทรศัพท์มาเตือนมารดาว่า มีความไม่ชอบมาพากลในคณะถ่ายทำภาพยนตร์นั้น เป็นจริงดังคำซะสึกิ วันต่อมา คณะดังกล่าวก็เลิกกลับไปทั้งล้มโครงการทำภาพยนตร์ด้วย ยังให้เอะนิชิตกที่นั่งลำบากเพราะได้ว่าจ้างคนทั้งนั้นมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล ต่อมา ซะสึกิโทรศัพท์มาแจ้งเขาว่า เธอสืบทราบว่า ผู้อำนวยการถ่ายทำภาพยนตร์แท้จริงแล้วเป็นสิบแปดมงกุฎกำลังแสวงหาเงินทองไปชำระหนี้สินที่บานเบียงอยู่ โรงแรมคิสซุอิน่าที่จะถูกหลอกเข้าเสียแล้ว ยิ่งทำให้เอะนิชิเห็นว่าตนนั้นโง่เขลาหาสติปัญญามิได้ ทะกะโกะเข้ามาบอกเขาว่า เธอเตือนแล้วแต่เขามิฟัง และโต้เถียงกันเป็นการใหญ่ ขณะทุ่มเถียงกันนั้น ทั้งคู่ก็พลัดตกลงในสระว่ายน้ำที่โอะฮะนะกับเพื่อนทำความสะอาดเตรียมไว้ เมื่อเห็นกันเปียกแล้วก็นึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาของกันแลกัน พลางหัวเราะกันและคืนดีกันดังเดิม

  เวลานั้น นางซุอิเข้าอธิบายสถานการณ์ของคิสซุอิต่อที่ประชุมผู้บริหารโรงแรม นางว่า เพื่อให้ลูกได้มีประสบการณ์ ต้องให้เขาได้ประเชิญทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด แต่ก็เน้นย้ำว่า โรงแรมยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

18
  • นิงเกียวฮิเมะโทะไคงะระบรา (เจ้าหญิงเงือกกับยกทรงเปลือกหอย)
  • 人魚姫と貝殻ブラ
  • A Mermaid Princess and a Shell Bra
31 กรกฎาคม 2554[7]

  นะโกะนั้นมักเป็นกังวลอยู่กับบุคลิกภาพของตนเองที่อยู่บ้านกระฉับกระเฉงว่องไวและเป็นที่พึ่งของคนทั้งปวง แต่เมื่ออยู่ที่ทำงานกลับเขินอายและประหม่า ครั้นได้รับเงินพิเศษเป็นจำนวนมากจากนางซุอิเมื่อสิ้นเดือน เธอก็เห็นว่า นางคงต้องการสื่อว่า เธอควรเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อให้คู่ควรแก่ค่าตอบแทนจำนวนมากนั้น วันนั้น นะโกะ โอะฮะนะ มิงโกะ และยุอินะ สี่คนไปเที่ยวในเมือง โดยที่นะโกะลองแสดงบุคลิกลักษณะใหม่ ๆ ดู และวันต่อมาก็ทำงานด้วยกิริยาอาการดังอยู่บ้าน แต่รู้สึกผิดประหลาดในใจอยู่มิวาย จึงตัดสินใจถามนางซุอิถึงสาเหตุที่ให้เงินเพิ่ม นางว่า ไม่มีอะไรมาก ลูกค้าพากันชื่นชมว่านะโกะที่มักเขินอายจนตัวม้วนนั้นน่ารัก และนางก็ชอบแบบนั้นด้วย ไม่จำต้องเปลี่ยนแปลงอันใดให้วุ่นวาย นะโอะฟังแล้วก็สบายใจกลับมีความร่าเริงขึ้นดังเดิม

19
  • โดะโระโดะโระออมไรซ์ (ข้าวไข่เจียวเละเทะ)
  • どろどろオムライス
  • Sloppy Omelet Rice.
7 สิงหาคม 2554[7]

  ครั้นถึงคราวเทศกาลประจำปีของโรงเรียน มัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้องเอของโอะฮะนะตกลงจะเปิด "ร้านอาหารเจ้าหญิง" ขายอาหารโดยที่นักเรียนหญิงทำหน้าที่เป็นบริกรแต่งองค์ทรงเครื่องดังเจ้าหญิง ในการนี้ ลงมติกันให้ยุอินะรับผิดชอบเตรียมเครื่องแต่งกาย และให้มิงโกะรับผิดชอบด้านเตรียมและประกอบอาหาร เมื่อฟังว่าโทรุจะมางานด้วย มิงโกะจึงกำหนดว่าจะจัดทำแต่อาหารอันเลิศ แต่เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเสนอให้ทำข้าวไข่เจียวในร้านด้วย มิงโกะก็บันดาลโทสะบอกปัดและตกลงใจจะดำเนินการทั้งปวงแต่ผู้เดียว

20
  • อะอิโครินไซ (ความรัก งานโรงเรียน)
  • 愛・香林祭
  • Love, Kōrin Festival
14 สิงหาคม 2554[8]

  ครั้นวันก่อนวันเทศกาล มิงโกะตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกไปซื้อหาบรรดาเครื่องประกอบอาหารตามที่กำหนดไว้ว่าจะทำ โอะฮะนะเข้ามาช่วยด้วยแม้มิงโกะไม่ต้องการ ต่อมา นะโกะจึงมาผสมโรงอีกคน ครั้นเตรียมงานกันไปถึงเที่ยงวัน นะโกะชวนให้ทำข้าวไข่เจียวรับประทานเป็นอาหารเที่ยง มิงโกะจึงลองทำดูอย่างตะขิดตะขวงใจ เมื่อมิงโกะทำข้าวไข่เจียวให้แก่เพื่อน ๆ ครบทุกคนแล้ว โอะฮะนะจึงทำข้าวไข่เจียวให้มิงโกะบ้าง มิงโกะบริโภคแล้วก็นึกถึงความหลังครั้งเด็กที่มักไปรับประทานข้าวไข่เจียวกับมารดาจนเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นแม่ครัวบ้าง จึงขอโทษเพื่อนและเพิ่มข้าวไข่เจียวไปในรายการอาหารของร้าน

  ในวันงาน โทรุมาร้านอาหารของห้องโอะฮะนะ และสั่งข้าวไข่เจียว มิงโกะใช้ซอสเขียนเป็นรูปหัวใจกับคำว่า "รัก" ลงบนไข่เจียวก่อนให้โอะฮะนะยกไปให้เขา ครั้นงานเลิก คนทั้งหลายก็เก็บกวาดห้องกัน ขณะนั้น ผู้คนที่สนามเบื้องล่างกำลังเล่นรอบกองเพลิง โอะฮะนะกับเพื่อนจึงชวนกับลงไปชมดู

21
  • โยะมิงะเอะรุชิเนะ ('ไปตายเสีย' กลับมาแล้ว)
  • 蘇る、死ね
  • The Return of "Die"
21 สิงหาคม 2554[8]

  เอะนิชิกับทะกะโกะตกลงจะสมรสกัน แต่จะกระทำกิจทางกฎหมายเท่านั้น หาจัดพิธีตามประเพณีไม่ ด้วยว่าสถานะทางการเงินของโรงแรมคิสซุอิยังมิสู้ดีอันเนื่องมาแต่ถูกฉ้อในคราวทำภาพยนตร์นั้น ทว่า นางซุอิไม่เห็นด้วย เพราะสมัยก่อนนางกับสามีก็สาละวนแต่กิจการของโรงแรมจึงไม่จัดพิธีการตามธรรมเนียม นางไม่ต้องการเห็นลูกหลานเป็นเช่นนาง โอะฮะนะจึงเสนอให้จัดพิธีกันในโรงแรมคิสซุอิ เพราะคนงาน สถานที่ และอุปกรณ์ล้วนมีพร้อม จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ ทุกคนเห็นพ้องและลงแรงกันเตรียมการ

  โทรุชวนมิงโกะไปจับจ่ายอาหารสำหรับใช้ในงานสมรส และแวะชมชายทะเลเพื่อให้มิงโกะผ่อนคลายความเคร่งเครียดที่เขาสังเกตเห็นในพักหลัง ๆ อย่างไรก็ดี เมื่อมิงโกะเห็นว่าโทรุเอาแต่คิดถึงโอะฮะนะก็ขุ่นเคืองใจนัก ครั้นกลับโรงแรมแล้วก็เริ่มทำบึ้งตึงและใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อโอะฮะนะดังเดิม

  ขณะนั้น ทะกะโกะเข้าหานางซุอิแล้วบอกว่า เธอรู้สึกผิดที่ทุกคนลำบากเพราะเธอ และเป็นกังวลเรื่องราคาแหวนสมรสที่เอะนิชิต้องแบกรับ จึงยินดีเลิกพิธี นางซุอิมอบแหวนสมรสซึ่งสามีให้นางให้แก่ทะกะโกะ แล้วเล่าความหลังครั้งนางกับสามีสมรสกัน และว่า บัดนี้ ขอฝากความสุขของเอะนิชิไว้กับทะกะโกะแล้ว แต่นางซุอิยังคงเน้นย้ำว่า นางมิได้หมายใจจะยกโรงแรมคิสซุอิให้ทะกะโกะสืบทอดต่อแต่ประการใด

22
  • เคสึอิโนะคะโตะโอะโมะอิ (รักเขาข้างเดียวดังตกลงใจไว้แล้ว)
  • 決意の片思い
  • A Determined One-sided Crush
28 สิงหาคม 2554[8]

  มิงโกะยังคงโกรธโอะฮะนะ และสั่งให้โอะฮะนะไปคบหาเป็นคู่รักกับโทรุเสียเพื่อโทรุจะได้มีความสุข โอะฮะนะว่า เธอหาทำเช่นนั้นได้ไม่ เพราะเธอรักโคอิชิ แม้เป็นความรักข้างเดียวเนื่องจากโคอิชิมิได้มีใจให้เธอ แต่ก็ตกลงใจไว้แล้วว่าจะรักมั่นเช่นนั้นต่อไป โทรุเผอิญได้ยินคนทั้งสองทุ่มเถียงกัน จึงรับรู้ว่ามิงโกะแอบชอบเขา โทรุกล่าวแก่มิงโกะว่า เขาหลงรักโอะฮะนะ จึงมิอาจรับรักมิงโกะได้ เขายินดีที่มิงโกะมีความรู้สึกอันดีต่อเขาและขอเก็บเป็นความประทับใจ ที่สุด มิงโกะจึงตกลงใจว่าจะรักโทรุข้างเดียวต่อไปดังที่โอะฮะนะรักโคอิชิ และกลับคืนดีกับโอะฮะนะ ยังให้งานสมรสของเอะนิชิกับทะกะโกะเป็นไปโดยราบรื่น

  ครั้นสิ้นพิธีสมรสแล้ว นางซุอิประกาศต่อคนทั้งปวงว่า เด็นโรกุขอลาออกกลับบ้านไปพักผ่อนอยู่กับลูกหลานหลังบากบั่นทำงานมานานกว่าครึ่งศตวรรษ และโรงแรมคิสซุอิจะปิดกิจการลงในไม่ช้า

23
  • ยุโมะโนะโอะโตะชิมะเอะ (ชดเชยฝัน)
  • 夢のおとしまえ
  • Compensation for a Dream
4 กันยายน 2554[8]

  โอะฮะนะยังคิดไม่ตกว่าจะทำการใดต่อไปหลังจากโรงแรมคิสซุอิเลิก นางซุอิว่า ทะกะโกะกำลังเดินทางไปกรุงโตเกียวเพื่อติดตามเงินของคิสซุอิที่ถูกฉ้อโกงไปคืนมา ให้โอะฮะนะเดินทางไปหาซะสึกิ มารดา ที่กรุงโตเกียวพร้อมกันเสียเลย จะได้ไปพูดคุยเรื่องอนาคตของเธอ ระหว่างนั้น ซะสึกิพบโคอิชิจึงถามถึงความเป็นอยู่ของเขาหลังจากทิ้งลูกสาวเธอไป โคอิชิว่า เขามิได้ละทิ้งโอะฮะนะแต่ประการใด ยังคงรักเธออยู่มิเสื่อมคลาย และใคร่รู้ความเป็นไปของเธอด้วย ซะสึกิจึงพาเขาไปบ้านเพื่อชมตัวอย่างภาพยนตร์อันถ่ายทำ ณ คิสซุอิโอแต่ล้มเลิกไปเสียก่อนนั้น เพื่อให้เขาได้เห็นชีวิตโอะฮะนะที่โรงแรม

  ฝ่ายโอะฮะนะเมื่อมาถึงกรุงโตเกียวกับทะกะโกะแล้วก็ขอติดตามทะกะโกะไปสืบหาผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์คนนั้นด้วย ซึ่งก็ได้พบและเรียกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้เป็นผลสำเร็จ แล้วโอะฮะนะก็แยกไปหามารดา ขณะนั้น โคอิชิชมภาพยนตร์เสร็จและเดินออกจากบ้านซะสึกิ จึงได้พบโอะฮะนะกลางทาง

24
  • ลาสต์บอสวะชิจิมะซุอิ (ซุอิ ชิจิมะ ท่านหัวหน้าคนสุดท้าย)
  • ラスボスは四十万スイ
  • Sui Shijima, The Last Boss
11 กันยายน 2554[9]

  โคอิชิโผวิ่งเข้าหาโอะฮะนะด้วยความคิดถึง แล้วบอกว่า ยังคงรักและห่วงหาเธออยู่เช่นเคย โอะฮะนะฟังแล้วก็ดีใจร้องไห้ใคร่จะบอกว่าตนก็เช่นกัน แต่เพราะตื่นเต้นและเขินอายจึงบอกชวนเขามาเที่ยวเทศกาลตามประทีปที่เมืองยุโนะซะงิแทน โคอิชิยิ้มให้แล้วรับว่าจะไป

  เนื่องจากต้องรีบกลับโรงแรม โอะฮะนะจึงมิได้ไปพบมารดาแต่ประการใด ครั้นถึงแล้วปรากฏว่า รายงานประเมินโรงแรมคิสซุอิที่ซะสึกิเขียนลงนิตยสารนั้นยังให้ผู้คนจำนวนมากแห่แหนมาจองห้องพักที่คิสซุอิในช่วงเทศกาลตามประทีป กระนั้น นางซุอิยังคงยืนคำว่าจะเลิกโรงแรมคิสซุอิหลังเทศกาล วันต่อมา นางพาโอะฮะนะไปเยี่ยมสุสานสามีนางหรือตาของโอะฮะนะ ณ ที่นั้น นางบอกโอะฮะนะว่า จำเดิมโรงแรมหาได้ชื่อ "คิสซุอิ" ไม่ อันชื่อ "คิสซุอิ" นั้นสามีนางตั้งให้ มีความหมายว่า "ความสุขของซุอิ" ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางกับสามีใฝ่ฝันที่จะดำเนินโรงแรมให้รุ่งเรืองเป็นที่พอใจของคนทั่วกัน ครั้นสามีจากไปแล้วนางก็สืบสานเจตนารมณ์นั้นต่อ แต่บัดนี้ วัยของนางก็ร่วงโรยลงมากแล้ว มิอาจไปต่อได้มากมายนัก กับทั้งปัญหาหลายประการที่คิสซุอิประสบอยู่ โดยเฉพาะปัญหาการเงิน ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้โดยง่าย โอะฮะนะกับพนักงานทุกคนล้วนมีเส้นทางของตนเองและมีเสรีภาพในอันที่จะเลือกดำเนินไป หาจำต้องมาจมปลักอยู่ในความฝันของนางไม่ นางจึงเลิกโรงแรมเพื่อปลดปล่อยพวกเธอ โอะฮะนะโต้แย้งว่า ทุกคนรักคิสซุอิและเลือกแล้วว่าจะอยู่ที่คิสซุอิ คิสซุอิจึงเป็นความฝันของทุกคนด้วยกัน มิได้เป็นความฝันของยายแต่ผู้เดียวอีก ขณะนั้น นางซุอิลมจับล้มลงสิ้นสติไป

  เมื่อกลับโรงแรม นางซุอิพบว่า พนักงานทั้งหลายล้วนต่อต้านการเลิกโรงแรม และจะไม่เข้าร่วมกับชุมชนในการจัดเทศกาลตามประทีปดังเคย เพราะต้องคอยรับรองลูกค้าที่เนืองแน่นอยู่ในเวลานี้ นางกับโอะฮะนะสองคนจึงไปช่วยงานชุมชน

25
  • วะตะชิโนะซุกินะคิสซุอิโซ (โรงแรมคิสซุอิที่ฉันรัก)
  • 私の好きな喜翆荘
  • My Beloved Kissuisō
18 กันยายน 2554[9]

  เมื่อเห็นความตึงเครียดในโรงแรมคิสซุอิ โอะฮะนะจึงบอกเหตุผลของยายในการเลิกโรงแรมให้นะโกะฟัง สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ขึ้นเมื่อลูกค้าเพิ่มมากขึ้น แต่พนักงานน้อย ทั้งที่นางซุอิเคยเตือนแล้วว่า อย่าละโมบรับลูกค้าจนล้นมือ จะทำให้มิอาจบริการได้ทั่วถึง ครั้นโทะโมะเอะประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บลงคนหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้พนักงานยิ่งไม่เพียงพอ ขณะที่คนทั้งหลายกำลังวิตกกันจนนั่งไม่ติดนั้น นางซุอิเข้าช่วยปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานโดยกล่าวว่า นางก็บริกรเก่าคนหนึ่ง เวลานั้น ซะสึกิมาเยี่ยมมารดาและลูกได้ยินคนทั้งปวงพูดคุยกันดังอยู่ จึงเข้าเป็นพนักงานเสริมอีกแรง ยังให้สถานการณ์ที่คิสซุอิผ่านพ้นไปด้วยดี ครั้นแล้ว ชาวคิสซุอิก็พากันไปร่วมเทศกาลตามประทีปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

26
  • ฮะนะซะกุอิสึกะ (จะผลิบานในสักวัน)
  • 花咲くいつか
  • To Bloom One Day
25 กันยายน 2554[9]

  ในเทศกาลตามประทีป ต่างคนต่างเขียนคำอธิษฐานต่างกันไป โอะฮะนะนั้นเขียนว่าอยากเป็นดังยาย แล้วก็ได้พบโคอิชิซึ่งมาตามที่รับปากไว้ บัดนี้ เธอสามารถรวบรวมความกล้าหาญบอกกล่าวความในใจให้เขาได้รับทราบ ครั้นเทศกาลสิ้นลง ชาวคิสซุอิจัดงานเลี้ยงอำลาเด็นโระกุ และเอะนิชิแถลงว่า เขาเห็นด้วยกับมารดาในอันที่จะปิดโรงแรมคิสซุอิ แต่จะมิเป็นการถาวร เขาจะฝึกปรือเรียนรู้จนมีปรีชาสามารถแล้วจะกลับมาเปิดโรงแรมอีกครั้ง

  เมื่อโรงแรมคิสซุอิปิดกิจการลง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปตามทาง แต่สัญญากันว่า เมื่อโรงแรมเปิดอีกครั้ง จะหวนคืนมาอยู่พร้อมหน้ากันเช่นวันวาน นางซุอิไปส่งโอะฮะนะที่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางกลับกรุงโตเกียว และมอบบันทึกของเด็นโระกุให้แก่โอะฮะนะเป็นที่ระลึก บันทึกนั้นเด็นโระกุจดชีวิตการทำงานของตนตั้งแต่สมัยบุกเบิกคิสซุอิกระทั่งคิสซุอิก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดมาลงไว้ โอะฮะนะให้คำมั่นแก่ยายว่า จะกลับมาหาในสักวัน ครั้นแล้ว รถไฟก็เคลื่อนไปท่ามกลางหิมะที่เริ่มโปรยปรายจากฟากฟ้า เห็นนางซุอิยืนชมอยู่พลางว่า ยายจะรอ

อ้างอิง[แก้]

  1. "Hanasaku Iroha DVD releases" (ภาษาญี่ปุ่น). P.A. Works. สืบค้นเมื่อ October 29, 2011.
  2. "インフォメーション" [Information] (ภาษาญี่ปุ่น). P.A. Works. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-24. สืบค้นเมื่อ April 3, 2011.
  3. "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-10. สืบค้นเมื่อ March 10, 2011.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-04. สืบค้นเมื่อ May 3, 2011.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-12. สืบค้นเมื่อ May 12, 2011.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-10. สืบค้นเมื่อ June 10, 2011.
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-09. สืบค้นเมื่อ July 9, 2011.
  8. 8.0 8.1 8.2 8.3 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-10. สืบค้นเมื่อ August 10, 2011.
  9. 9.0 9.1 9.2 "花咲くいろは" (ภาษาญี่ปุ่น). Web Newtype. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-01. สืบค้นเมื่อ October 1, 2011.