พูดคุย:ยุทธการที่มะนิลา (ค.ศ. 1945)
เพิ่มหัวข้อคัดค้านการลบ
[แก้]- เหตุผลที่ไม่ควรลบหน้านี้
เราได้ทำการแก้ไขเรียบร้อย พร้อมแนบกับข้อความเปรียบเทียบกันได้
ยุทธการที่มะนิลา (ฟิลิปปินส์: Labanan sa Maynila; ญี่ปุ่น: マニラの戦い; สเปน: Batalla de Manila; 3 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม ค.ศ. 1945) เป็นการรบครั้งใหญ่ของการทัพฟิลิปปินส์ ค.ศ. 1944-45 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นการสู้รบโดยกองกำลังทหารจากทั้งสหรัฐและฟิลิปปินส์ปะทะกับกองกำลังญี่ปุ่นในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ การสู้รบที่ยาวนานเป็นเดือน ส่งผลทำให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 100,000 คน และเมืองได้ถูกทำลายทั้งหมด เป็นฉากการสู้รบภายในเมืองที่แย่ที่สุดที่กองกำลังอเมริกันต่อสู้รบในเขตสงครามแปซิฟิก กองกำลังญี่ปุ่นได้กระทำการสังหารหมู่พลเรือนชาวฟิลิปปินส์ในช่วงการสู้รบและอาวุธของอเมริกันได้สังหารผู้คนไปมากมาย การต่อต้านของญี่ปุ่นและปืนใหญ่ของอเมริกันยังได้ทำลายมรดกทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของกรุงมะนิลาที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเมือง กรุงมะนิลากลายเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในช่วงสงครามทั้งหมด เทียบเท่ากับกรุงเบอร์ลินและกรุงวอร์ซอ การสู้รบครั้งนี้ได้ยุติการยึดครองทางทหารของญี่ปุ่นในฟิลิปปินส์เกือบสามปี (ค.ศ. 1942-1945) การยึดเมืองเป็นเครื่องหมายของกุญแจสู่ชัยชนะในการทัพพิชิตกลับคืนมาของนายพล ดักลาส แมกอาเธอร์ จนถึงปัจจุบัน เป็นครั้งสุดท้ายของการสู้รบหลายครั้งที่ต่อสู้กันภายในประวัติศาสตร์ของมะนิลา
The Battle of Manila (Filipino: Labanan sa Maynila; Japanese: マニラの戦い; Spanish: Batalla de Manila; 3 February – 3 March 1945) was a major battle of the Philippine campaign of 1944–45, during the Second World War. It was fought by forces from both the United States and the Philippines against Japanese troops in Manila, the capital city of the Philippines. The month-long battle, which resulted in the death of over 100,000 civilians and the complete devastation of the city, was the scene of the worst urban fighting fought by American forces in the Pacific theater. Japanese forces committed mass murder against Filipino civilians during the battle and American firepower killed many people. Japanese resistance and American artillery also destroyed much of Manila's architectural and cultural heritage dating back to the city's founding. Manila became one of the most devastated capital cities during the entire war, alongside Berlin and Warsaw. The battle ended the almost three years of Japanese military occupation in the Philippines (1942–1945). The city's capture was marked as General Douglas MacArthur's key to victory in the campaign of reconquest. To date, it is the last of the many battles fought within Manila's history.