ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อองซาน"
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
||
บรรทัด 71: | บรรทัด 71: | ||
นับตั้งแต่เป็นนักเรียนจนถึงสมัยทำงานทางการเมือง อองซานแทขไม่ได้รับค่าตอบแทนมากนัก เขาจึงใช่ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนี้อยู่ในความยากจน สมาชิกและผู้ร่วมงานกับเขาชื่นชมเขามากในฐานะบุคคลที่มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและจรรบาบรรณการทำงานที่แข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ถูกวิจารณ์ว่าเขาขาดทักษะการประชาสัมพันธ์ และบ้างถึงกับว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโส ตลอดข่วงนี้เขาปฏิเสธการดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว<ref>Naw 45-48</ref> |
นับตั้งแต่เป็นนักเรียนจนถึงสมัยทำงานทางการเมือง อองซานแทขไม่ได้รับค่าตอบแทนมากนัก เขาจึงใช่ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนี้อยู่ในความยากจน สมาชิกและผู้ร่วมงานกับเขาชื่นชมเขามากในฐานะบุคคลที่มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและจรรบาบรรณการทำงานที่แข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ถูกวิจารณ์ว่าเขาขาดทักษะการประชาสัมพันธ์ และบ้างถึงกับว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโส ตลอดข่วงนี้เขาปฏิเสธการดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว<ref>Naw 45-48</ref> |
||
==สงครามโลกครั้งที่สอง== |
|||
หลังสงครามโลกครั้งทีทสองปะทุในเดือนกันยายน 1939 อองซานมีส่วนร่วมก่อตั้งองค์การชาตินิยมอีกแห่ง คือ [[Freedom Bloc|ฟรีดอมบล็อก]] ซึ่งเชื่อมการทำงานของทะขิ่น, สหพันธ์นักเรียนนักศึกษาพม่า, พระสงฆ์ที่มีความตื่นตัวทางการเมือง และ[[Poor Man's Party|พรรคยาจก]]ของ ดร. [[Ba Maw]]<ref>Lintner 1990</ref> โดยมี Ba Maw เป็น ''anarshin'' ("เผด็จการ") ของฟรีดอมบล็อก ส่วนอองซานเป็นเลาธิการของกลุ่ม กิจกรรมและเป้าหมายของกลุ่มมีใจกลางอยู่ที่แนวคิดการใช้ประโยชน์จากสงครามเพื่อให้พม่าได้รับเอกราช<ref>Thant 217</ref> ซึ่งนำเอาแบบอย่างในการดำเนินการมาจาก "[[All India Forward Bloc|ฟอร์เวิร์ดบล็อก]]" ของอินเดีย ซึ่งนำโดย[[Subhas Chandra Bose|จันทระ โพส]] ผู้ที่มีการติดต่อเสมอ ๆ กับ Ba Maw<ref>Naw 49</ref> ในปี 1939 ถูกจับกุมฐานล้มรัฐบาล แต่ต่อมาก็ถูกปล่อยตัว<ref name="Smith 58">Smith 58</ref> หลังเพียงสิบเจ็ดวัน<ref name="Lintner41">Lintner 2003 41</ref> |
|||
ในเดือนมีนาคม 1940 เขาเข้าร่วมการประชุมของ[[Indian National Congress|คองเกรสแห่งชาติอินเดีย]]ที่[[Ramgarh Cantonment|รามคฤห์]]ในประเทศอินเดีย<ref name="as"/> พร้อมทั้งสมาชิกทะขิ่น เช่น Than Tun และ Ba Hein ระหว่างนั้น อองซานได้พบกับผู้นำขบวนการเอกราชอินเดียจำนวนมาก เช่น [[Jawaharlal Nehru|ชวาหรลาล เนหรู]], [[มหาตมะ คานธี]] และ [[Subhas Chandra Bose|จันทระ โพส]]<ref name="Thant228">Thant 228</ref> |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:50, 19 กรกฎาคม 2564
อองซาน | |
---|---|
အောင်ဆန်း | |
ผู้นำคนที่ 5 แห่งพม่าของบริเตน รองประธานคณะผู้บริหารระดับสูงของพม่า | |
ดำรงตำแหน่ง 26 กันยายน ค.ศ. 1946 – 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 | |
ก่อนหน้า | Sir Paw Tun |
ถัดไป | อู้นุ (เป็นนายกรัฐมนตรี) |
ประธานสันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ | |
ดำรงตำแหน่ง 27 มีนาคม ค.ศ. 1945 – 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 | |
ก่อนหน้า | ไม่มี |
ถัดไป | อู้นุ |
รัฐมนตรีว่าการสงครามแห่งพม่า | |
ดำรงตำแหน่ง 1 สิงหาคม ค.ศ. 1943 – 27 มีนาคม ค.ศ. 1945 | |
ก่อนหน้า | ไม่มี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | Htein Lin 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1915 Natmauk, เขตมะกเว, ประเทศพม่าของบริเตน |
เสียชีวิต | 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 ย่างกุ้ง, ประเทศพม่าของบริเตน | (32 ปี)
ลักษณะการเสียชีวิต | ถูกลอบสังหาร |
ที่ไว้ศพ | Martyrs' Mausoleum, ประเทศพม่า |
เชื้อชาติ | พม่า |
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พรรคการเมือง | สันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์พม่า |
คู่สมรส | Khin Kyi (สมรส 1942) |
บุตร | Aung San Oo Aung San Lin อองซานซูจี Aung San Chit |
ญาติ | U Pha (พ่อ) Daw Suu (แม่) Ba Win (พี่/น้องชาย) Aung Than (พี่/น้องชาย) Sein Win (หลานชาย) Alexander Aris (หลานชาย) |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง โรงเรียนมัธยมในเยนานช่อง |
อาชีพ | นักการเมือง, พลตรี |
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | Burma National Army สันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์พม่า |
ยศ | พลตรี (เป็นยศที่สูงสุดในสมัยนั้น) |
โบกโยเก อองซาน (พม่า: ဗိုလ်ချုပ် အောင်ဆန်း, เอ็มแอลซีทีเอส: aung hcan:, ออกเสียง: [àʊɰ̃ sʰáɰ̃]; 13 กุมภาพันธ์ 1915 – 19 กรกฎาคม 1947) เป็นนักการเมือง, นักเคลื่อนไหวเพื่อเอกราช และนักปฏิวัติชาวพม่า ผู้ก่อตั้งกองกำลังแห่งชาติพม่า และได้รับการขนานให้เป็นบิดาแห่งรัฐพม่าสมัยใหม่ เขามีบทบาทมากในการได้รับเอกราชของพม่า แต่ถูกลอบสังหารราวหกเดือนก่อนที่พม่าจะได้รับเอกราช
อองซานทั้งก่อตั้งและมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับกลุ่มและขบวนการทางการเมือง และเข้าใช้ชีวิตไปกับการศึกษาแนวคิดทางการเมืองต่าง ๆ ตลอด เขาเป็นผู้นิยมการต่อต้านลัทธิจักรวรรดิ และเมื่อเป็นนักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์และสังคมนิยม ต่อมาได้ศึกษาเกี่ยวกับลัทธิแพนเอเชียของญี่ปุ่นเมื่อครั้งเป็นสมาชิกของกองทัพญี่ปุ่น เขาได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการระดับสูงของสภานักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียน และเป็นบรรณาธิการประจำหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย อองซานเข้าร่วมประชาคมตาขิ่นในปี 1938 ในตำแหน่งเลขาธิการ และต่อมาได้ก่อตั้งพรรคคอมนิวสต์พม่า และพรรคสังคมนิยมแห่งพม่า
ชีวิตช่วงต้น
อองซานเกิดที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อ Natmauk ใน Magway District เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1915 ในครอบครัวชนชั้นกลาง[1] เข้ามีพี่น้องรวมตัวเอง 9 คน โดยเป็นคนสุดท้อง ในจำนวนนี้เป็นพี่สาวสามคน และพี่บายห้าคน[2] ชื่อ "อองซาน" นั้นตั้งโดยพี่ชายคนหนึ่งของเขา Aung Than อองซานเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนพุทธของสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน Natmauk แต่ต่อมาได้ย้ายไป Yenangyaung ตอนอยู่ประถมสี่ หลังพี่ชายคนโตสุด Ba Win ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมที่เมืองนั้น[3]
เมื่อเป็นวัยรุ่น อองซานมักอ่านหนัวสือและครุ่นคิดกับตัวเองอยู่คนเดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในบทความชิ้นแรกสุดที่เขาได้เขียน ซึ่งตีพิมพ์ในส่วน "ความเห็น" ของ The World of Books เขาต่อต้านแนวคิดปัจเจกนิยมของตะวันตกซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยอู้ตั่น แต่ต่อมาอองซานและอู้ตั่นก็เป็นเพื่อนกัน[4]
การปฏิวัติทะขิ่น
ในเดือนตุลาคม ปี 1938 อองซานออกจากการศึกษานิติศาสตร์และเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ ในเวลานี้เขามีจุดยืนต่อต้านอังกฤษและต่อต้านลัทธิจักรวรรดิอย่างมั่นคง เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ ทะขิ่น (สมาคมเราชาวพม่า) และเป็นเลขานุการของประชาคมจนถึงเดือนสิงหาคม 1940 ขณะดำรงตำแหน่ง เขาได้มีส่วนช่วยจัดการชุดการนัดประท้วงหยุดงานซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อการปฏิวัติ ME 1300 ซึ่งตั้งตามปีแบบพม่า 1300 ตรงกับเดือนสิงหาคม 1938 ถึงกรกฎาคม 1939[5]
ในวันที่ 18 มกราคม 1939 สมาคมเราชาวพม่าประกาศเจตจำนงที่จะใช้กำลังเพื่อล้มรัฐบาล ส่งผลให้ประชาคมถูกเพ่งเล็งและกำจัดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในวันที่ 23 มกราคม ตำรวจบุกเข้าสำนักงานของสมาคมทีทเจดีย์ชเวดากอง และอองซานถูกจับกุมและคุมขังในคุกเป็นเวลา 15 วัน ฐานอั้งยี่และสมรู้ร่วมคิดล้มล้างรัฐบาล แต่ต่อมาได้ถูกเพิกถอนข้อกล่าวหา[6] หลังเขาถูกปล่อยตัว เขาได้วางแผนการเพื่อขับเคลื่อนการได้รับเอกราชของพม่าโดยการเตรียมจัดการนัดประท้วงหยุดงานใหญ่ทั่วประเทศ, การรณรงค์ไม่จ่ายภาษี และจัดความไม่สงบผ่านการรบแบบกองโจร[7]
มนเดือนสิงหาคม 1939 อองซานร่วมก่อตั้งและเป็นเลขาธิการประจำพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ที่ซึ่งในภายหลังเขายอมรับว่าความสัมพันธ์กับพรรคไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาเข้าร่วมและลาออกจากพรรคถึงสองครั้ง ไม่นานหลังตั้งพรรค เขาได้ตั้งองค์กรคล้ายคลึงขึ้นอีก คือ "พรรคประชาปฏิวัติ" (People's Revolutionary Party) หรืออีกชื่อคือ "พรรคปฏิวัติพม่า" (Burma Revolutionary Party) ซึ่งมีจุดยืนมาร์กซิสต์ มีเป้าหมายเพื่อล้มล้างการปกครองของอังกฤษเหนือพม่า ต่อมาพรรคนี้กลายเป็นพรรคสังคมนิยมพม่าหลังสงครามโลกครั้งที่สอง[8]
นับตั้งแต่เป็นนักเรียนจนถึงสมัยทำงานทางการเมือง อองซานแทขไม่ได้รับค่าตอบแทนมากนัก เขาจึงใช่ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนี้อยู่ในความยากจน สมาชิกและผู้ร่วมงานกับเขาชื่นชมเขามากในฐานะบุคคลที่มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและจรรบาบรรณการทำงานที่แข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ถูกวิจารณ์ว่าเขาขาดทักษะการประชาสัมพันธ์ และบ้างถึงกับว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโส ตลอดข่วงนี้เขาปฏิเสธการดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว[9]
สงครามโลกครั้งที่สอง
หลังสงครามโลกครั้งทีทสองปะทุในเดือนกันยายน 1939 อองซานมีส่วนร่วมก่อตั้งองค์การชาตินิยมอีกแห่ง คือ ฟรีดอมบล็อก ซึ่งเชื่อมการทำงานของทะขิ่น, สหพันธ์นักเรียนนักศึกษาพม่า, พระสงฆ์ที่มีความตื่นตัวทางการเมือง และพรรคยาจกของ ดร. Ba Maw[10] โดยมี Ba Maw เป็น anarshin ("เผด็จการ") ของฟรีดอมบล็อก ส่วนอองซานเป็นเลาธิการของกลุ่ม กิจกรรมและเป้าหมายของกลุ่มมีใจกลางอยู่ที่แนวคิดการใช้ประโยชน์จากสงครามเพื่อให้พม่าได้รับเอกราช[11] ซึ่งนำเอาแบบอย่างในการดำเนินการมาจาก "ฟอร์เวิร์ดบล็อก" ของอินเดีย ซึ่งนำโดยจันทระ โพส ผู้ที่มีการติดต่อเสมอ ๆ กับ Ba Maw[12] ในปี 1939 ถูกจับกุมฐานล้มรัฐบาล แต่ต่อมาก็ถูกปล่อยตัว[13] หลังเพียงสิบเจ็ดวัน[14]
ในเดือนมีนาคม 1940 เขาเข้าร่วมการประชุมของคองเกรสแห่งชาติอินเดียที่รามคฤห์ในประเทศอินเดีย[15] พร้อมทั้งสมาชิกทะขิ่น เช่น Than Tun และ Ba Hein ระหว่างนั้น อองซานได้พบกับผู้นำขบวนการเอกราชอินเดียจำนวนมาก เช่น ชวาหรลาล เนหรู, มหาตมะ คานธี และ จันทระ โพส[16]
อ้างอิง
- ↑ Thant 213
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNay 99
- ↑ Nay 106
- ↑ Thant 214
- ↑ Naw 41-43
- ↑ Naw 44
- ↑ Smith 58
- ↑ Smith 56-57
- ↑ Naw 45-48
- ↑ Lintner 1990
- ↑ Thant 217
- ↑ Naw 49
- ↑ Smith 58
- ↑ Lintner 2003 41
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อas
- ↑ Thant 228