ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปราสาทโอซากะ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล แทนที่ "โทะโยะโตะมิ" → "โทโยโตมิ" +แทนที่ "ฮิเดะโยะชิ" → "ฮิเดโยชิ" +แทนที่ "ยุคเอะโดะ" → "ยุคเอโดะ" +แทนที่ "โทะกุงะวะ" → "โทกูงาวะ" +แทนที่ "อิเอะยะสึ" → "อิเอยาซุ" +แทนที่ "อิเอะยะซุ" → "อิเอยาซุ" +แทนที่ "เซะกิงะฮะระ" → "เซกิงาฮาระ" +แทนที่ "เอะโดะ" → "เอโดะ" +แทนที่ "ฮิเดะโยะริ" → "ฮิเดโยริ" +แทนที่ "ฮิเดะตะดะ" → "ฮิเดตาดะ" +แทนที่ "เซะโตะ" → "เซโตะ" +แทนที่ "รัฐบาลบะกุฟุ" → "รัฐบาลเอโดะ" +แทนที่ "โอะดะ" → "โอดะ" +แทนที่ "โนะบุนะงะ" → "โนบูนางะ" ด้วยสจห. |
||
บรรทัด 7: | บรรทัด 7: | ||
| pref = 大坂城 |
| pref = 大坂城 |
||
| ar_called = ปราสาททอง (金城) |
| ar_called = ปราสาททอง (金城) |
||
| tower_struct = ศิลปะ |
| tower_struct = ศิลปะสมัยโทโยโตมิ และ<br />[[ยุคเอโดะ|สมัยเอโดะ]] |
||
| builders = [[โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ]] และ[[โทกูงาวะ อิเอยาซุ]] |
|||
| builders = [[โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ]] (豊臣秀吉)/[[โทะกุงะวะ อิเอะยะสึ]] |
|||
| build_y = |
| build_y = พ.ศ. 2126 |
||
| rulers = [[ตระกูล |
| rulers = [[ตระกูลโทโยโตมิ]] [[ตระกูลโอกูฮิระ]] และ[[ตระกูลโทกูงาวะ]] |
||
| reject_y = |
| reject_y = พ.ศ. 2411 |
||
}} |
}} |
||
'''ปราสาทโอซากะ''' ({{ญี่ปุ่น|大坂城 หรือ 大阪城}}) เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใน |
'''ปราสาทโอซากะ''' ({{ญี่ปุ่น|大坂城 หรือ 大阪城}}) เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใน[[แขวงชูโอ (โอซากะ)|แขวงชูโอ]] นคร[[โอซากะ]] [[ประเทศญี่ปุ่น]] เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีบทบาทในช่วงสงครามการรวมประเทศญี่ปุ่นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ใน[[ยุคอะซุชิ-โมะโมะยะมะ]]<ref>{{cite web|url=http://www.osaka-info.jp/en/culture/2007may/01.html |title=Uemachidaichi : OSAKA-INFO - Osaka Visitor's Guide |publisher=Osaka-info.jp |date= |accessdate=2013-02-15}}</ref> |
||
== ลักษณะเด่น == |
== ลักษณะเด่น == |
||
บรรทัด 21: | บรรทัด 21: | ||
สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึง หลังคารูป[[ปลาโลมา]]แปดตัวของหอ และหลังคาอยู่ประดับไปด้วยกระเบื้องและแกะสลักเป็นรูปทรงของ[[เสือ]] ซึ่งทั้งหมดจะถูกชุบด้วย[[ทองคำ]] |
สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึง หลังคารูป[[ปลาโลมา]]แปดตัวของหอ และหลังคาอยู่ประดับไปด้วยกระเบื้องและแกะสลักเป็นรูปทรงของ[[เสือ]] ซึ่งทั้งหมดจะถูกชุบด้วย[[ทองคำ]] |
||
หอสูงของปราสาทได้รับการซ่อมแซมใหม่ในปี |
หอสูงของปราสาทได้รับการซ่อมแซมใหม่ในปี พ.ศ. 2540 การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้นำโครงสร้างอันงดงามของกำแพงความบริสุทธิ์และความสุกใสของทองคำกลับมาให้เราเห็นอีกครั้ง ความงดงามของปราสาทจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซากะ |
||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
ในปี ค.ศ. 1583 [[ |
ในปี ค.ศ. 1583 [[โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ]] สั่งให้มีการก่อสร้างปราสาทโอซากะที่บริเวณวัดอิชิยะมะฮงกัน โดยนำแบบแปลนมาจาก[[ปราสาทอะซุชิ]] อันเป็นศูนย์บัญชาการหลักของ[[โอดะ โนบูนางะ]] โทโยโตมิต้องการจะสร้างให้เหมือนกับปราสาทอะซุชิ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดดเด่นกว่า โดยหอคอยหลักมี 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น มีใบไม้ทองที่ด้านข้างของปราสาท ทำให้ตัวปราสาทสวยงามโดดเด่นประทับใจผู้พบเห็น ในปี ค.ศ. 1585 เมื่อตัวปราสาทแล้วเสร็จ โทโยโตมิจึงเริ่มแผนขยายตัวปราสาทเพิ่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก จนประทั่งในปี ค.ศ. 1597 การก่อสร้างได้แล้วเสร็จและฮิเดโยชิได้เสียชีวิตลง ตัวปราสาทจึงตกเป็นของบุตรของฮิเดโยชิ คือ [[โทโยโตมิ ฮิเดโยริ]] |
||
ในปี ค.ศ. 1600 [[ |
ในปี ค.ศ. 1600 [[โทกูงาวะ อิเอยาซุ]] ปราบศัตรูลงได้ใน[[ยุทธการที่เซกิงาฮาระ]]และเริ่มจัดตั้ง[[รัฐบาลเอโดะ]] ในปี ค.ศ. 1614 โทกูงาวะเริ่มโจมตีกองกำลังของฮิเดโยริในช่วงหน้าหนาวจนเข้าสู่ยุทธการ[[การล้อมโอซากะ]]<ref>{{cite news | first=Miki | last=Meek | coauthors= | title=The Siege of Osaka Castle | date= | publisher= | url =http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/0312/feature5/zoomify/main.html | work =National Geographic Magazine | pages = | accessdate = 2008-01-22 | language = }}</ref> แม้กองกำลังของโทโยโตมิมีจะน้อยกว่ากองกำลังของโทกูงาวะเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ก็สามารถต้านทานทัพ 200,000 นายของโทกูงาวะและรักษากำแพงเมืองเอาไว้ได้ |
||
ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1615 ฮิ |
ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1615 ฮิเดโยริเริ่มขุดคูเมืองรอบนอกเพิ่มขึ้นอีกชั้น โทกูงาวะจึงได้ส่งกองกำลังของตนไปโจมตีปราสาทโอซากะอีกครั้งหนึ่งและสามารถเจาะกำลังทหารของโทโยโตมิเข้าไปในกำแพงเมืองได้เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปราสาทโอซากะจึงตกเป็นของโทกูงาวะ และตระกูลโทโยโตมิก็ถึงคราอวสาน |
||
ในปี ค.ศ. 1620 [[ |
ในปี ค.ศ. 1620 [[โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ]] โชกุนคนที่ 2 แห่ง[[ตระกูลโทกูงาวะ]] เริ่มบูรณะและสร้างปราสาทโอซากะขึ้นมาใหม่ ยกระดับหอคอยให้สูงขึ้น ภายนอกมี 5 ชั้น ภายในมี 8 ชั้น ก่อสร้างกำแพงใหม่ให้เป็นเกียรติแต่ตระกูลซะมุไรแต่ละคน กำแพงในสมัยนั้นยังคงอยู่มาจนทุกวันนี้โดยนำหินมาจาก[[ทะเลเซโตะใน]] และสลักยอดด้วยชื่อของตระกูลที่อุทิศให้กับการสร้างกำแพงเหล่านี้ |
||
ในปี ค.ศ. 1660 เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่คลังแสงเป็นผลให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ตัวปราสาท จากนั้นในปี 1665 เกิดฟ้าผ่าทำให้ตัวปราสาทหลักได้รับความเสียหายและพังลงมา |
ในปี ค.ศ. 1660 เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่คลังแสงเป็นผลให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ตัวปราสาท จากนั้นในปี 1665 เกิดฟ้าผ่าทำให้ตัวปราสาทหลักได้รับความเสียหายและพังลงมา |
||
หลังถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน รัฐบาล |
หลังถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน รัฐบาลเอโดะต้องการจะซ่อมตัวปราสาทซึ่งมีส่วนให้ต้องซ่อมอีกมาก ในปี 1843 รัฐบาลจึงได้เรี่ยไรเงินจากประชาชนในท้องถิ่นเพื่อสร้างคอคอยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง |
||
ในปี ค.ศ. 1868 ปราสาทโอซากะถูกล้อมด้วยกองกำลังจักรพรรดิต่อต้านรัฐบาล |
ในปี ค.ศ. 1868 ปราสาทโอซากะถูกล้อมด้วยกองกำลังจักรพรรดิต่อต้านรัฐบาลเอโดะ และตัวปราสาทก็ถูกเผาในสงครามกลางเมืองสมัย[[การปฏิรูปเมจิ]] |
||
ต่อมา รัฐบาลเมจิได้ให้ปราสาทโอวะกะเป็นคลังแสงผลิตปืน อาวุธยุทธภัณฑ์ และระเบิด เพื่อขยายขีดความสามารถทางการทหารของญี่ปุ่นในแบบฉบับของตะวันตก<ref name="autogenerated1">{{cite web|url=http://www.ndl.go.jp/scenery/kansai/e/column/osaka_army_arsenal.html |title=Osaka Army Arsenal |publisher=Ndl.go.jp |date= |accessdate=2013-02-15}}</ref> |
ต่อมา รัฐบาลเมจิได้ให้ปราสาทโอวะกะเป็นคลังแสงผลิตปืน อาวุธยุทธภัณฑ์ และระเบิด เพื่อขยายขีดความสามารถทางการทหารของญี่ปุ่นในแบบฉบับของตะวันตก<ref name="autogenerated1">{{cite web|url=http://www.ndl.go.jp/scenery/kansai/e/column/osaka_army_arsenal.html |title=Osaka Army Arsenal |publisher=Ndl.go.jp |date= |accessdate=2013-02-15}}</ref> |
||
บรรทัด 44: | บรรทัด 44: | ||
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] คลังแสงกลายเป็นแหล่งผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของญี่ปุ่น มีคนงานกว่า 60,000 คน และเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศของฝ่ายพันธมิตรด้วย ทำให้ปราสาทโอซากะเสียหายอย่างหนักในช่วงท้ายสงครามเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 จากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ คลังแสงเสียหายไปร้อยละ 90 และคนงานเสียชีวิต 382 คน |
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] คลังแสงกลายเป็นแหล่งผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของญี่ปุ่น มีคนงานกว่า 60,000 คน และเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศของฝ่ายพันธมิตรด้วย ทำให้ปราสาทโอซากะเสียหายอย่างหนักในช่วงท้ายสงครามเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 จากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ คลังแสงเสียหายไปร้อยละ 90 และคนงานเสียชีวิต 382 คน |
||
ในปี ค.ศ. 1995 เทศบาลนครโอซากะเริ่มต้นโครงการบูรณะปราสาทโอซากะอีกครั้ง โดยให้ภายนอกยังคงความเป็นยุค |
ในปี ค.ศ. 1995 เทศบาลนครโอซากะเริ่มต้นโครงการบูรณะปราสาทโอซากะอีกครั้ง โดยให้ภายนอกยังคงความเป็นยุคเอโดะ แผนการบูรณะแล้วเสร็จในปี 1997 ตัวปราสาทมีความทันสมัยขึ้นมาก มีลิฟต์ติดตั้งภายในและมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสมัยใหม่มากมาย |
||
==คลังภาพ== |
==คลังภาพ== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:02, 6 พฤศจิกายน 2561
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ปราสาทโอซากะ 大坂城 | |
ปราสาททอง (金城) | |
ศิลปะสมัยโทโยโตมิ และ | |
พ.ศ. 2126 | |
พ.ศ. 2411 |
ปราสาทโอซากะ (ญี่ปุ่น: 大坂城 หรือ 大阪城) เป็นปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในแขวงชูโอ นครโอซากะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีบทบาทในช่วงสงครามการรวมประเทศญี่ปุ่นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในยุคอะซุชิ-โมะโมะยะมะ[1]
ลักษณะเด่น
ปราสาทโอซากะมีสิ่งก่อสร้าง 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุให้เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญในทางวัฒนธรรม สิ่งที่มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษคือ ประตูขนาดใหญ่และและป้อมปราการที่อยู่ตามคูกำแพงเมืองรอบนอก กำแพงสูงชันที่สูงเกือบถึง 30 เมตร นั้นทำมาจากก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งส่งเข้ามาในโอซากะจากเหมืองที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 100 กิโลเมตร ความสูงของกำแพงและความกว้างของคูกำแพงเมืองที่เห็นนั้นไม่สามารถเทียบได้กับปราสาทอื่นๆในญี่ปุ่นได้เลย
สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึง หลังคารูปปลาโลมาแปดตัวของหอ และหลังคาอยู่ประดับไปด้วยกระเบื้องและแกะสลักเป็นรูปทรงของเสือ ซึ่งทั้งหมดจะถูกชุบด้วยทองคำ
หอสูงของปราสาทได้รับการซ่อมแซมใหม่ในปี พ.ศ. 2540 การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้นำโครงสร้างอันงดงามของกำแพงความบริสุทธิ์และความสุกใสของทองคำกลับมาให้เราเห็นอีกครั้ง ความงดงามของปราสาทจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซากะ
ประวัติ
ในปี ค.ศ. 1583 โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ สั่งให้มีการก่อสร้างปราสาทโอซากะที่บริเวณวัดอิชิยะมะฮงกัน โดยนำแบบแปลนมาจากปราสาทอะซุชิ อันเป็นศูนย์บัญชาการหลักของโอดะ โนบูนางะ โทโยโตมิต้องการจะสร้างให้เหมือนกับปราสาทอะซุชิ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดดเด่นกว่า โดยหอคอยหลักมี 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น มีใบไม้ทองที่ด้านข้างของปราสาท ทำให้ตัวปราสาทสวยงามโดดเด่นประทับใจผู้พบเห็น ในปี ค.ศ. 1585 เมื่อตัวปราสาทแล้วเสร็จ โทโยโตมิจึงเริ่มแผนขยายตัวปราสาทเพิ่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก จนประทั่งในปี ค.ศ. 1597 การก่อสร้างได้แล้วเสร็จและฮิเดโยชิได้เสียชีวิตลง ตัวปราสาทจึงตกเป็นของบุตรของฮิเดโยชิ คือ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ
ในปี ค.ศ. 1600 โทกูงาวะ อิเอยาซุ ปราบศัตรูลงได้ในยุทธการที่เซกิงาฮาระและเริ่มจัดตั้งรัฐบาลเอโดะ ในปี ค.ศ. 1614 โทกูงาวะเริ่มโจมตีกองกำลังของฮิเดโยริในช่วงหน้าหนาวจนเข้าสู่ยุทธการการล้อมโอซากะ[2] แม้กองกำลังของโทโยโตมิมีจะน้อยกว่ากองกำลังของโทกูงาวะเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ก็สามารถต้านทานทัพ 200,000 นายของโทกูงาวะและรักษากำแพงเมืองเอาไว้ได้
ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1615 ฮิเดโยริเริ่มขุดคูเมืองรอบนอกเพิ่มขึ้นอีกชั้น โทกูงาวะจึงได้ส่งกองกำลังของตนไปโจมตีปราสาทโอซากะอีกครั้งหนึ่งและสามารถเจาะกำลังทหารของโทโยโตมิเข้าไปในกำแพงเมืองได้เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปราสาทโอซากะจึงตกเป็นของโทกูงาวะ และตระกูลโทโยโตมิก็ถึงคราอวสาน
ในปี ค.ศ. 1620 โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ โชกุนคนที่ 2 แห่งตระกูลโทกูงาวะ เริ่มบูรณะและสร้างปราสาทโอซากะขึ้นมาใหม่ ยกระดับหอคอยให้สูงขึ้น ภายนอกมี 5 ชั้น ภายในมี 8 ชั้น ก่อสร้างกำแพงใหม่ให้เป็นเกียรติแต่ตระกูลซะมุไรแต่ละคน กำแพงในสมัยนั้นยังคงอยู่มาจนทุกวันนี้โดยนำหินมาจากทะเลเซโตะใน และสลักยอดด้วยชื่อของตระกูลที่อุทิศให้กับการสร้างกำแพงเหล่านี้
ในปี ค.ศ. 1660 เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่คลังแสงเป็นผลให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ตัวปราสาท จากนั้นในปี 1665 เกิดฟ้าผ่าทำให้ตัวปราสาทหลักได้รับความเสียหายและพังลงมา
หลังถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน รัฐบาลเอโดะต้องการจะซ่อมตัวปราสาทซึ่งมีส่วนให้ต้องซ่อมอีกมาก ในปี 1843 รัฐบาลจึงได้เรี่ยไรเงินจากประชาชนในท้องถิ่นเพื่อสร้างคอคอยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ในปี ค.ศ. 1868 ปราสาทโอซากะถูกล้อมด้วยกองกำลังจักรพรรดิต่อต้านรัฐบาลเอโดะ และตัวปราสาทก็ถูกเผาในสงครามกลางเมืองสมัยการปฏิรูปเมจิ
ต่อมา รัฐบาลเมจิได้ให้ปราสาทโอวะกะเป็นคลังแสงผลิตปืน อาวุธยุทธภัณฑ์ และระเบิด เพื่อขยายขีดความสามารถทางการทหารของญี่ปุ่นในแบบฉบับของตะวันตก[3]
ในปี ค.ศ. 1928 ได้มีการสร้างหอคอยหลักขึ้นมาใหม่หลังจากที่เทศบาลเมืองโอซากะสามารถระดมทุนจากประชาชนมาจำนวนมาก
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คลังแสงกลายเป็นแหล่งผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของญี่ปุ่น มีคนงานกว่า 60,000 คน และเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศของฝ่ายพันธมิตรด้วย ทำให้ปราสาทโอซากะเสียหายอย่างหนักในช่วงท้ายสงครามเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 จากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ คลังแสงเสียหายไปร้อยละ 90 และคนงานเสียชีวิต 382 คน
ในปี ค.ศ. 1995 เทศบาลนครโอซากะเริ่มต้นโครงการบูรณะปราสาทโอซากะอีกครั้ง โดยให้ภายนอกยังคงความเป็นยุคเอโดะ แผนการบูรณะแล้วเสร็จในปี 1997 ตัวปราสาทมีความทันสมัยขึ้นมาก มีลิฟต์ติดตั้งภายในและมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสมัยใหม่มากมาย
คลังภาพ
-
หอคอยกลาง
-
ประตูโอะเตะมง
-
ภาพวาดแสดงความเสียหายของปราสาทโอซากะ ในหนังสือของฟรองซัวส์ คารอน ในปี ค.ศ. 1663
-
จากหลังคาของหอคอยกลาง ปราสาทโอซากะ
-
สวนบ๊วยในอุทยานปราสาทโอซากะ
อ้างอิง
- ↑ "Uemachidaichi : OSAKA-INFO - Osaka Visitor's Guide". Osaka-info.jp. สืบค้นเมื่อ 2013-02-15.
- ↑ Meek, Miki. "The Siege of Osaka Castle". National Geographic Magazine. สืบค้นเมื่อ 2008-01-22.
{{cite news}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า :|coauthors=
(help) - ↑ "Osaka Army Arsenal". Ndl.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2013-02-15.