ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิหมิงอิงจง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 8: | บรรทัด 8: | ||
|predecessor=[[จักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ|เซฺวียนเต๋อ]] |
|predecessor=[[จักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ|เซฺวียนเต๋อ]] |
||
|successor=[[จักรพรรดิจิ่งไท่|จิ่งไท่]] |
|successor=[[จักรพรรดิจิ่งไท่|จิ่งไท่]] |
||
|era dates= |
|era dates=เจิ้งถ่ง (正統): 18 มกราคม ค.ศ. 1436 – 13 มกราคม ค.ศ. 1450<br /> เทียนชุ่น (天順): 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 – 26 มกราคม ค.ศ. 1465 |
||
|succession2= [[List of emperors of the Ming dynasty|รัชกาลที่ 8]] แห่ง[[ราชวงศ์หมิง]] |
|succession2= [[List of emperors of the Ming dynasty|รัชกาลที่ 8]] แห่ง[[ราชวงศ์หมิง]] |
||
|reign2=11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 |
|reign2=11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:19, 20 กรกฎาคม 2559
จักรพรรดิอิงจงแห่งราชวงศ์หมิง Emperor Yingzong of Ming | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์หมิง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1435 – 1 กันยายน ค.ศ. 1449[1] | ||||||||||||||||
ก่อนหน้า | เซฺวียนเต๋อ | ||||||||||||||||
ถัดไป | จิ่งไท่ | ||||||||||||||||
พระเจ้าหลวง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 1 กันยายน ค.ศ. 1449 – 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 | ||||||||||||||||
รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์หมิง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 | ||||||||||||||||
ก่อนหน้า | จิ่งไท่ | ||||||||||||||||
ถัดไป | เฉิงฮว่า | ||||||||||||||||
ประสูติ | 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1427 | ||||||||||||||||
สวรรคต | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 | (36 ปี)||||||||||||||||
ฝังพระศพ | Yuling, Ming tombs, Beijing | ||||||||||||||||
คู่อภิเษก | เฉียน | ||||||||||||||||
พระราชบุตร | ดูในบทความ | ||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์หมิง ตระกูลจู | ||||||||||||||||
พระราชบิดา | เซฺวียนเต๋อ | ||||||||||||||||
พระราชมารดา | ซุน |
จู ฉีเจิ้น (จีน: 朱祁鎮; พินอิน: Zhū Qízhèn; 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1427 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464) เป็นจักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิง เสวยราชย์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่าง ค.ศ. 1435–49 ใช้พระนามว่า เจิ้งถ่ง (จีน: 正統; พินอิน: Zhèngtǒng) แปลว่า "ธรรมาภิบาล" นับเป็นรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์หมิง ครั้งที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1457–64 ใช้พระนามว่า เทียนชุ่น (จีน: 天順; พินอิน: Tiānshùn) แปลว่า "สนองเทพ" นับเป็นรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์หมิง[2] นอกจากนี้ ยังเรียกขานพระนามตามวัดประจำรัชกาลที่ชื่อ อิงจง (จีน: 英宗; พินอิน: Yīngzōng) แปลว่า "วีรตระกูล"
ครองราชย์ครั้งแรก
จู ฉีเจิ้น เป็นโอรสของจู จานจี (朱瞻基) หรือจักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ (宣德) กับมเหสีองค์ที่สอง คือ จักรพรรดินีซุน (孫)
ขณะพระชนม์ได้ 8 ชันษา จู ฉีเจิ้น ได้สืบสมบัติต่อจากเซฺวียนเต๋อพระบิดา ใช้พระนามว่า "เจิ้งถ่ง" (正統) แปลว่า "ธรรมาภิบาล"
เมื่อแรกเสวยราชย์นั้น ราชวงศ์หมิงรุ่งเรืองถึงขีดสุดเพราะการปกครองอันชาญฉลาดในรัชกาลพระบิดา แต่เพราะจู ฉีเจิ้น ยังเยาว์นัก เหล่าขันทีพี่เลี้ยง โดยเฉพาะหวัง เจิ้น (王振) จึงมีอิทธิพลเหนือพระองค์มาก พระองค์อาศัยความคิดอ่านของขันทีเป็นหลักในการว่าราชกิจ
เชลยมองโกล
ครั้น ค.ศ. 1449 พระชนม์ได้ 21 ชันษา จู ฉีเจิ้น นำทัพหลวงออกรบกับชาวมองโกลซึ่งนำโดยราชครูเหย่เซียน (也先太師; Esen Taishi) จากเผ่าหว่าล่า (瓦剌; Oirat) ณ ปราการถู่มู่ (土木) เสด็จไปครั้งนั้นมีขันทีหวัง เจิ้น เป็นที่ปรึกษาประจำทัพ แต่เกิดโกลาหล ทัพหลวงแตกพ่าย หวัง เจิ้น ถูกฆ่าตาย และจู ฉีเจิ้น ถูกมองโกลจับเป็นเชลย เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ วิกฤติถู่มู่ (土木之變)
แม้จู ฉีเจิ้น จะอยู่แคว้นมองโกลในฐานะเชลย แต่ก็ได้เป็นมิตรสนิทสนมกับราชครูเหย่เซียน และข่านทัวทัวปู้ฮวา (脱脱不花)
อย่างไรก็ดี การที่พระมหากษัตริย์ถูกจับเป็นเชลย ทำให้เกิดภาวะไร้ผู้นำจนแผ่นดินจีนสั่นคลอน เพื่อระงับสถานการณ์ จู ฉี-อฺวี้ (朱祁鈺) พระอนุชาของจู ฉีเจิ้น ประกาศถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากราชสมบัติ และประทานสมัญญาพระเจ้าหลวง (太上皇) ให้ แล้วจู ฉี-อฺวี้ ขึ้นเสวยราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ใช้พระนามว่า "จิ่งไท่" (景泰) แปลว่า "มองไกล" กับทั้งได้เสนาบดียฺหวี เชียน (于谦) ช่วยประคับประคองกิจการบ้านเมือง ราชวงศ์หมิงจึงดำเนินต่อไปด้วยดี
ครองราชย์ครั้งที่สอง
ใน ค.ศ. 1450 ชาวมองโกลปล่อยจู ฉีเจิ้ง เป็นไทให้กลับไปยังดินแดนจีน แต่ทันทีที่จู ฉีเจิ้น ย่างพระบาทเข้าสู่มาตุภูมิ จู ฉี-อฺวี้ ก็ให้กุมพระองค์ไปกักบริเวณไว้ ณ ตำหนักฝ่ายใต้ในพระราชวังต้องห้าม แล้วถอดจู เจี้ยนจฺวิ้น (見濬) โอรสของจู ฉีเจิ้น ออกจากตำแหน่งรัชทายาท ตั้งจู เจี้ยนจี้ (朱見濟) โอรสของตัว ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน
จู ฉีเจิ้น ทรงน้อยพระทัยนัก ถูกกักบริเวณอยู่ตำหนักใต้ถึง 7 ปี กระทั่งจู เจี้ยนจี้ ประชวรสิ้นพระชนม์ จู ฉี-อฺวี้ โทมนัสจนประชวรไปด้วย จู ฉีเจิ้น จึงอาศัยโอกาสนี้รัฐประหารจู ฉี-อฺวี้ เป็นผลสำเร็จ
จู ฉีเจิ้น ถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากตำแหน่งกษัตริย์ลงเป็นองค์ชาย ให้กักบริเวณไว้ที่ซี-ยฺเวี่ยน (西苑) หนึ่งเดือนให้หลัง จู ฉีเจิ้น ให้ขันทีวางยาฆ่าจู ฉี-อฺวี้ ตาย
ตัวจู ฉีเจิ้น นั้นกลับขึ้นเสวยราชย์อีกครั้ง ใช้พระนามว่า "เทียนชุ่น" (天順) แปลว่า "สนองเทพ" อยู่ในราชสมบัติ 7 ปี ก็เสด็จนฤพานใน ค.ศ. 1464 สิริพระชนม์ 36 พรรษา
จู เจี้ยนจฺวิ้น โอรสจู ฉีเจิ้น สืบบัลลังก์ต่อ ใช้พระนามว่า "เฉิงฮว่า" (成化) แปลว่า "ปฏิรูปเป็นผล"
พงศาวลี
อ้างอิง
- ↑ พระองค์ถูกมองโกลจับเป็นเชลย พระอนุชาขึ้นครองราชย์แทน ใช้พระนามว่า จิ่งไท่ (景泰) แล้วตั้งให้พระองค์เป็นพระเจ้าหลวง (太上皇) จนถึง ค.ศ. 1457
- ↑ Leo K. Shin (2006), The Making of the Chinese State: Ethnicity and Expansion on the Ming Borderlands, Cambridge University Press, ISBN 978-0-521-85354-5