ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัมโบร์กีนี"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 48: | บรรทัด 48: | ||
{| class="wikitable" |
{| class="wikitable" |
||
|- |
|- |
||
| [[ลัมโบร์กินี |
| [[ลัมโบร์กินี ฮูราแคน]] (Lamborghini Huracan) |
||
| [[ไฟล์: |
| [[ไฟล์:2014-03-04 Geneva Motor Show 1377.JPG|150px|centre]] |
||
| ผลิตตั้งแต่ปี |
| ผลิตตั้งแต่ปี 2014 |
||
| ความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. |
| ความเร็วสูงสุด มากกว่า 325 กม./ชม. |
||
| อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ที่ 3. |
| อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ที่ 3.2 วินาที |
||
| เครื่องยนต์ V10 ขนาด |
| เครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร |
||
| |
| |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:23, 29 ธันวาคม 2557
ประเภท | บริษัทย่อย ของบริษัทใหญ่ |
---|---|
อุตสาหกรรม | ยานยนต์ |
ก่อตั้ง | 11 มีนาคม พ.ศ. 2491 |
ผู้ก่อตั้ง | เฟอร์รุชชิโอ ลัมโบร์กีนี |
สำนักงานใหญ่ | , |
พื้นที่ให้บริการ | ทั่วโลก |
บุคลากรหลัก | สเตฟาน วินเคิลมันน์, ซีอีโอ ฟิลิปโป เปรินิ, หัวหน้าฝ่ายออกแบบ |
ผลิตภัณฑ์ | รถยนต์ |
ผลผลิต | 1,227 คัน(2010) |
รายได้ | US$97.5 million (2002) |
รายได้สุทธิ | 10,100,000 ยูโร (พ.ศ. 2557) |
เจ้าของ | เอาดี้ เอจี |
พนักงาน | 1,779 (พ.ศ. 2563) |
บริษัทแม่ | อาวดี้ |
บริษัทในเครือ |
|
เว็บไซต์ | lamborghini.com |
ลัมโบร์กีนี (อิตาลี: Lamborghini ออกเสียง: [lamborˈɡiːni] ( ฟังเสียง) บางครั้งเรียก แลมบอร์กินี ในภาษาอังกฤษ) ในนามบริษัท Automobili Lamborghini S.p.A. บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สายเลือดอิตาลี ก่อตั้งโดย Ferruccio Lamborghini ในปี ค.ศ. 1963 เน้นเจาะตลาดตลาดไปที่การผลิตรถสปอร์ต มีคู่แข่งทางตลาดที่สำคัญ คือเฟอร์รารี ซึ่งเป็นรถสัญชาติเดียวกัน ปัจจุบัน ลัมโบร์กีนี อยู่ในการครอบครองของเอาดี้ เอจี ในเครือโฟล์คสวาเกนกรุ๊ป
ลัมโบร์กีนี นั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสำหรับ ความเร็ว และความหรู เช่นเดียวกับ เฟอร์รารี การออกแบบตราสัญลักษณ์ของลัมโบร์กินีนั้นได้รับไอเดียมาจากการแข่งขันสู้วัวกระทิง ในประเทศสเปน
ประวัติ นายเฟอร์รุชชิโอ ลัมโบร์กีนี เกิดในตระกูลชาวนา เขาได้มีความสนใจในด้านเครื่องยนต์เป็นพิเศษ ดัดแปลงเครื่องจักรกลที่ใช้ในไร่นา จนพ่อเห็นถึงความพยายามของลูกชายจึงส่งไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมจักรกล หลังจากที่เรียนจบไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เขารับใช้ชาติทำงานให้กับฐานทัพอากาศอิตาลี หลังสงครามสิ้นสุด เขาได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด และเริ่มต้นซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ของอิตาลี ที่ใช้อะไหล่จากยวดยานของทหาร และนี่เองคือจุดเริ่มต้นในการตั้งโรงงานแทรกเตอร์ในชื่อว่า "Lamborghini Trattori S.p.A." ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นบริษัทผลิตรถแทร็กเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี และยังเป็นเจ้าของกิจการเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
ลัมโบร์กีนี เริ่มมีฐานะมั่งคั่งและยังคงไม่ลืมความฝันในวัยเด็กของเขา จึงเริ่มซื้อ อัลฟา โรเมโอ, มาเซราติ, จากัวร์, แอสตัน มาร์ติน, เชฟโรเลต และ เฟอร์รารี่ รถยนต์เหล่านี้กำเนิดขึ้นในยุค 1950-1960 มีเครื่องยนต์ที่ให้แรงม้ามากกว่ารถทั่วไปและควบคุมได้ยาก เขามักจะควบ เฟอร์รารี่ 250จีที วนเล่นรอบโรงงานของเขา และรู้สึกว่าเจ้าม้าลำพองนี้ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งหมดทั้งในเรื่องการควบคุมและส่วนของการให้บริการ จึงขับพุ่งตรงเพื่อไปพบกับ Enzo เฟอร์รารี่ ด้วยตัวเอง และเปิดใจในเรื่องที่เขารู้สึกย่ำแย่ที่มีต่อรถ เฟอร์รารี่ แต่ก็ได้ถูก เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผู้ก่อตั้งบริษัทเฟอร์รารี่ ตอกกลับไปว่า ลัมโบร์กีนี เป็นเพียงแค่คนบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไรเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับรถสปอร์ต ต่างกับเขาที่มีอยู่เต็มในสายเลือด
ด้วยแรงฮึด ลัมโบร์กีนี จึงอยากสร้างรถของตัวเองให้ดีกว่ารถ เฟอร์รารี่ ภายใต้ชื่อ ออโตโมบิล ลัมโบร์กีนี ( Automobile Lamborghini ) ในช่วงปี 1962 ซึ่งโรงงานห่างจาก โรงงานเฟอร์รารี่ เพียงแค่ 15 กม. เท่านั้น ต่อจากนั้นค่ายรถยนต์เจ้าของสัญลักษณ์กระทิงเปลี่ยวก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการรถสปอร์ตในยุโรป ให้ได้ตื่นตะลึงกับรูปแบบของตัวรถลัมโบร์กีนี และเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ การวางตำแหน่งเครื่อง และการบังคับควบคุมที่วิศวกรและนักขับทดสอบของบริษัทร่วมกันคิดค้นและพัตนา จนเสร็จสมบูรณ์เป็น ลัมโบร์กีนี 350 จีทีวี ( Lamborghini 350 GTV )
เขาได้ขายกิจการรถแทร็กเตอร์และรถไถนาของ ลัมโบร์กีนี ให้กับบริษัท "เซม" ( Same ) ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร จากนั้นไม่นานบริษัทได้ประสบกับปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายลงในปี 1977 และถูกซื้อโดยพี่น้องตระกูล มิมรัน( Mimran ) แต่เมื่อมารับช่วงต่อ กิจการก็ยังคงติดขัด จึงถูกขายต่อให้กับบริษัท ไครสเลอร์ แต่ก็ยังเกิดปัญหา จึงถูกขายต่ออีกทอดไปยังกลุ่มทุนจากอินโดนีเซีย และท้ายที่สุดบริษัท ออดี้ เอจี ก็ได้ทำให้ ลัมโบร์กีนี กลับมามั่นคงอีกครั้งจากการดูแลพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์จากวิศวกรและทีมงานจากเยอรมัน ที่มีความมุ่งมั่นบวกกับเงินทุนมหาศาลทำให้หวนสู่วงการซูเปอร์คาร์อีกครั้งในนามของ กัลลาร์โด และ มูร์เซียลาโก ซึ่งเป็นการผสานนวัตกรรมของ ลัมโบร์กีนี และ ออดี้ เข้าด้วยกัน ทำให้ขายได้มากกว่า 9,000 คันในเวลานั้น
เรื่องของวงการรถแข่งลัมโบร์กีนี มีวัตถุประสงค์ที่จะไม่เข้าร่วมรายการต่างๆ ตามปณิธานที่ว่า "I wish to build GT cars without defects - quite normal, conventional but perfect - not a technical bomb." “ผมปรารถนาที่จะสร้างรถ GT ที่ไร้ข้อบกพร่อง – ดูธรรมดา ได้มาตรฐานแต่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่มีแต่เทคโนโลยี” แต่หลังจากที่ ลัมโบร์กีนี ได้เสียชีวิตลงแต่เจตนารมย์นั้นก็ยังคงต่อเนื่อง จนมาถึงผู้บริหาร จอร์จ-เฮนรี่ โรสเสตติ ( Georges-Henri Rossetti ) ได้เข้าช่วยเหลือการพัฒนารถแข่งให้กับ บีเอ็มดับเบิ้ลยู มอเตอร์สปอร์ต ( BMW Motorsport ) แต่เป็นการสนับสนุนแบบไม่เป็นทางการ ทำให้หลังจากนั้นก็ทำให้เริ่มเป็นการเข้าสู่วงการการแข่งขันทีละน้อย รวมถึงการพัฒนา ลัมโบร์กินี กัลลาร์โด ในเวอร์ชัน GT3 และ ลัมโบร์กีนี มูร์เซียลาโก R-GT ที่ได้รับชัยชนะในรายการ "FIA GT Championship" ก็อาจมองได้ว่า ลัมโบร์กีนี กับวงการรถแข่ง ไม่มีอะไรที่หวือหวาเท่าไหร่นัก
ปัจจุบัน Lamborghini ได้ตั้งทีมแข่งรถที่ชื่อว่า Squadra Corse ในการแข่งขัน Super Trofeo, GT3 และเพื่อจัดโปรแกรมการทดสอบรถสำหรับลูกค้า
รุ่นปัจจุบันของลัมโบร์กีนี
ลัมโบร์กินี ฮูราแคน (Lamborghini Huracan) | ผลิตตั้งแต่ปี 2014 | ความเร็วสูงสุด มากกว่า 325 กม./ชม. | อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ที่ 3.2 วินาที | เครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร |
| |
ลัมโบร์กีนี อะเวนตาโดร์ (Lamborghini Aventador) | ผลิตตั้งแต่ปี 2011 | ความเร็วสูงสุด 354 กม./ชม. | อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ที่ 2.9 วินาที | เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร |
|
รุ่นทั้งหมดของลัมโบร์กินี
- Lamborghini 350 GTV (1963) - เครื่อง 3.5 ลิตร V12
- Lamborghini Diablo (1990-1998) - เครื่อง 5.7 ลิตร V12 492 แรงม้า
- Lamborghini Diablo 6.0 (2001) - เครื่อง 6.0 ลิตร V12 575 แรงม้า
- Lamborghini Murcielago (2002) - เครื่อง 6.0 ลิตร V12 580 แรงม้า
- Lamborghini Gallardo (2003) - เครื่อง 5.0 ลิตร V10 500 แรงม้า
- Lamborghini Murcielago LP640 (2006) - เครื่อง 6.5 ลิตร V12 640 แรงม้า
- Lamborghini Gallardo Superleggera (2008) - เครื่อง 5.0 ลิตร V10 530 แรงม้า
- Lamborghini Reventon (2008) - เครื่อง 6.5 ลิตร V12 660 แรงม้า
- Lamborghini Gallardo LP560-4 (2009) - เครื่อง 5.2 ลิตร V10 560 แรงม้า
- Lamborghini Murcielago LP670-4 SuperVeloce (2010) - เครื่อง 6.5 ลิตร V12 670 แรงม้า
- Lamborghini Gallardo LP570-4 Spyder Performante (2011) - เครื่อง 5.2 ลิตร V10 570 แรงม้า
- Lamborghini Gallardo LP570-4 Superleggera (2011) - เครื่อง 5.2 ลิตร V10 570 แรงม้า
- Lamborghini Sesto Elemento (2011) - เครื่อง 5.2 ลิตร V8 570 แรงม้า
- Lamborghini Aventador LP700-4 (2012) - เครื่อง 6.5 ลิตร V12 700 แรงม้า
- Lamborghini Veneno LP750-4 (2013) - เครื่อง 6.5 ลิตร V12 750 แรงม้า
- Lamborghini Huracan LP610-4 (2014) - เครื่อง 5.2 ลิตร V10 610 แรงม้า
- Lamborghini Asterion
LPI910-4 (2015) - เครื่อง 5.2 ลิตร V10 910 แรงม้า
อ้างอิง
- ↑ AUDI AG 2011a, p. 62.