ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สนธิสัญญาสันติภาพรีกา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
แจ้งต้องการหมวดหมู่ +เก็บกวาดด้วยสจห.
 
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
== เบื้องหลัง ==
== เบื้องหลัง ==


ระหว่าง[[สงครามกลางเมืองรัสเซีย]] ชาวโปลมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะผนวกดินแดนของ[[เครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย]]จากศัตรูทางประวัติศาสตร์ของตน คือ รัสเซีย ในขณะเดียวกัน [[พรรคบอลเชวิค]]ต้องการที่จะขยายการปฏิวัติไปสู่ทางตะวันตก และจะใช้กำลังหากมีความจำเป็น หากโซเวียตยึดครองโปแลนด์ โซเวียตก็อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถช่วยเหลือชาวคอมมิวนิสต์ในเยอรมนีได้ และอาจนำไปสู่การปฏิวัติอันประสบความสำเร็จในเยอรมนี นักประวัติศาสตร์ เจ. เอฟ. ซี. ฟูลเลอร์ อธิบายถึง[[ยุทธการแห่งวอร์ซอ (1920)|ยุทธการแห่งวอร์ซอ]] ว่าเป็นยุทธการที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากความปราชัยของโซเวียตในยุทธการครั้งนั้น ฝ่ายโซเวียตจึงหันมาพึ่งการเจรจาแทน After that military setbacks that followed a defeat in that battle, the Soviet side was eager to begin peace treaty negotiations
{{โครงส่วน}}


== สนธิสัญญา ==
== สนธิสัญญา ==
บรรทัด 11: บรรทัด 11:


โปแลนด์ยังได้รับค่าทดแทนเป็นทองคำจำนวน 30 ล้าน[[รูเบิล]] เนื่องจากการนำเศรษฐกิจเข้าสู่[[จักรวรรดิรัสเซีย]]ในช่วงการแบ่งโปแลนด์ รัสเซียยังต้องคืนงานศิลปะและสมบัติของชาติอื่น ๆ ซึ่งเคยได้รับจากดินแดนโปแลนด์ ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกการอ้างสิทธิ์ของการตอบแทนสงคราม
โปแลนด์ยังได้รับค่าทดแทนเป็นทองคำจำนวน 30 ล้าน[[รูเบิล]] เนื่องจากการนำเศรษฐกิจเข้าสู่[[จักรวรรดิรัสเซีย]]ในช่วงการแบ่งโปแลนด์ รัสเซียยังต้องคืนงานศิลปะและสมบัติของชาติอื่น ๆ ซึ่งเคยได้รับจากดินแดนโปแลนด์ ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกการอ้างสิทธิ์ของการตอบแทนสงคราม

== อ้างอิง ==

{{รายการอ้างอิง}}


[[en:Peace of Riga]]
[[en:Peace of Riga]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:28, 25 สิงหาคม 2552

สนธิสัญญาสันติภาพริกา (อังกฤษ: Treaty of Riga; รัสเซีย: Ри́жский ми́рный договóр (Rízhsky Mírny dogovór) ; ลัตเวีย: Rīgas miera līgums; โปแลนด์: Traktat Ryski) เป็นสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งมีการลงนามกันที่เมืองริกา เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1921 ระหว่างโปแลนด์ฝ่ายหนึ่ง กับโซเวียตรัสเซียและโซเวียตยูเครนอีกฝ่ายหนึ่ง สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวนับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามโปแลนด์-โซเวียต

เบื้องหลัง

ระหว่างสงครามกลางเมืองรัสเซีย ชาวโปลมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะผนวกดินแดนของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนียจากศัตรูทางประวัติศาสตร์ของตน คือ รัสเซีย ในขณะเดียวกัน พรรคบอลเชวิคต้องการที่จะขยายการปฏิวัติไปสู่ทางตะวันตก และจะใช้กำลังหากมีความจำเป็น หากโซเวียตยึดครองโปแลนด์ โซเวียตก็อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถช่วยเหลือชาวคอมมิวนิสต์ในเยอรมนีได้ และอาจนำไปสู่การปฏิวัติอันประสบความสำเร็จในเยอรมนี นักประวัติศาสตร์ เจ. เอฟ. ซี. ฟูลเลอร์ อธิบายถึงยุทธการแห่งวอร์ซอ ว่าเป็นยุทธการที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากความปราชัยของโซเวียตในยุทธการครั้งนั้น ฝ่ายโซเวียตจึงหันมาพึ่งการเจรจาแทน After that military setbacks that followed a defeat in that battle, the Soviet side was eager to begin peace treaty negotiations

สนธิสัญญา

การเจรจาสันติภาพเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1920 ในเมืองมินสก์ แต่เป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้กับการโจมตีโต้กลับของโปแลนด์ การเจรจาจึงย้ายไปยังเมืองริกา และเริ่มการเจรจาสันติภาพใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 21 กันยายน ผู้แทนฝ่ายโซเวียตยื่นข้อเสนอให้กับโปแลนด์สองข้อ เมื่อวันที่ 21 และ 28 กันยายน ส่วนผู้แทนโปแลนด์ยื่นความต้องการของตนเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ต่อมา ในวันที่ 5 ตุลาคม ฝ่ายโซเวียตเสนอให้โปแลนด์ทบทวนความต้องการของตน ซึ่งโปแลนด์ยอมรับ ดังนั้น การหยุดยิงจึงได้รับการลงนามในวันที่ 12 ตุลาม และมีผลในวันที่ 18 ตุลาม

โปแลนด์ยังได้รับค่าทดแทนเป็นทองคำจำนวน 30 ล้านรูเบิล เนื่องจากการนำเศรษฐกิจเข้าสู่จักรวรรดิรัสเซียในช่วงการแบ่งโปแลนด์ รัสเซียยังต้องคืนงานศิลปะและสมบัติของชาติอื่น ๆ ซึ่งเคยได้รับจากดินแดนโปแลนด์ ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกการอ้างสิทธิ์ของการตอบแทนสงคราม

อ้างอิง