ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เซลล์ (ชีววิทยา)"
ย้อนการแก้ไขที่ 8353115 สร้างโดย 110.78.141.207 (พูดคุย) ก่อกวน ป้ายระบุ: ทำกลับ |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ข้อความแก้กำกวม|เซลล์|เซลล์}} |
[[ไฟล์:Epithelial-cells.jpg|right|thumb|160px]]{{ข้อความแก้กำกวม|เซลล์|เซลล์}} |
||
<br /> |
|||
[[ไฟล์:Epithelial-cells.jpg|right|thumb|160px|เซลล์ในจานเพาะเชื้อ ซึ่งถูกย้อมสีไว้ให้เห็น[[คีราติน]] (สีแดง) และ [[ดีเอ็นเอ]] (สีเขียว)]] |
|||
ในทาง[[ชีววิทยา]] '''เซลล์''' ({{lang-en|Cell}}) เป็นโครงสร้างและหน่วยทำงานที่เล็กที่สุดของ[[สิ่งมีชีวิต]]แทบทุกชนิด ในบางครั้งอาจเรียกว่า ''หน่วยที่เป็นองค์ประกอบของชีวิต'' ("building blocks of life") สิ่งมีชีวิตบางชนิดเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว (unicellular organism) เช่น [[แบคทีเรีย]] [[ยีสต์]] แต่สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น เช่น [[พืช]] [[สัตว์]] เป็น[[สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์]] (multicellular organism) (มนุษย์มีเซลล์อยู่ประมาณ 100 ล้านล้าน หรือ 10<sup>14</sup> เซลล์) |
|||
[[ทฤษฎีเซลล์]]ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี [[พ.ศ. 2382]] (ค.ศ. 1839) โดย[[แมตเทียส จาคอบ ชไลเดน]] (Matthias Jakob Schleiden) และ [[ทีโอดอร์ ชวานน์]] (Theodor Schwann) ได้อธิบายว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดประกอบด้วยเซลล์หนึ่งเซลล์หรือมากกว่า เซลล์ทั้งหมดมีกำเนิดมาจากเซลล์ที่มีมาก่อน (preexisting cells) ระบบการทำงานเพื่อความอยู่รอดของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเซลล์ และภายในเซลล์ยังประกอบด้วย[[สารพันธุกรรม|ข้อมูลทางพันธุกรรม]] (hereditary information) ซึ่งจำเป็นสำหรับการควบคุมการทำงานของเซลล์ และการส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมไปยังเซลล์รุ่นต่อไป |
|||
คำว่า ''เซลล์'' มาจาก[[ภาษาละติน]]ที่ว่า ''cella'' ซึ่งมีความหมายว่า ห้องเล็ก ๆ ผู้ตั้งชื่อนี้คือ[[โรเบิร์ต ฮุก]] (Robert Hooke) เมื่อเขาเปรียบเทียบเซลล์ของไม้คอร์กเหมือนกับห้องเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระ |
|||
== ทั่วไป == |
|||
=== คุณสมบัติของเซลล์ === |
|||
[[ไฟล์:Cellsize.jpg|thumb|right|190px|เซลล์ของหนูในจานเพาะเชื้อ เซลล์เหล่านี้กำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้น แต่ละเซลล์มีขนาดประมาณ 10 [[โมโครเมตร]]]] |
|||
แต่ละเซลล์มีองค์ประกอบและดำรงชีวิตได้ด้วยตัวของมันเอง โดยการนำสารอาหารเข้าไปในเซลล์และเปลี่ยนสารอาหารให้กลายเป็นพลังงานเพื่อการดำรงชีวิตและการสืบพันธุ์ เซลล์มีความสามารถหลายอย่างดังนี้: |
|||
* เพิ่มจำนวนโดย[[การแบ่งเซลล์]] |
|||
* [[เมแทบอลิซึม]]ของเซลล์ (cell metabolism) ประกอบด้วย การลำเลียงวัตถุดิบเข้าเซลล์,การสร้างส่วนประกอบของเซลล์,การสร้าง[[พลังงาน]]และ[[โมเลกุล]]และปล่อย[[ผลิตภัณฑ์]]ออกมา การทำงานของเซลล์ขึ้นกับความสามารถในการสกัดและใช้พลังงานเคมีที่สะสมในโมเลกุลของสารอินทรีย์ พลังงานเหล่านี้จะได้จาก[[วิถีเมแทบอลิซึม]] (metabolic pathway) |
|||
* [[การสังเคราะห์โปรตีน]]เพื่อใช้ในระบบการทำงานของเซลล์ เช่น [[เอนไซม์]] โดยเฉพาะเซลล์ของ[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]]จะมี[[โปรตีน]]ต่าง ๆ ถึง 10,000 ชนิด |
|||
* ตอบสนองต่อ[[สิ่งกระตุ้น]]ทั้งภายนอกและภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ [[pH]] หรือระดับอาหาร. |
|||
* [[การขนส่ง]]ของ[[เวสิเคิล]] (vesicle) |
|||
=== ประเภทของเซลล์ === |
|||
[[ไฟล์:celltypes.png|thumbnail|330px|'''ภาพเปรียบเทียบเซลล์ยูแคริโอต (eukaryotes) และเซลล์โพรแคริโอต (prokaryotes) ''' - รูปนี้แสดงเซลล์มนุษย์ (ยูแคริตโอต) และ เซลล์แบคทีเรีย (โพรแคริโอต) ด้านซ้ายแสดงโครงสร้างภายในของเซลล์ยูแคริโอต ซึ่งประกอบด้วย นิวเคลียส (''สีฟ้า'') , นิวคลีโอลัส (''สีน้ำเงิน'') , ไมโทคอนเดรีย (''สีส้ม'') , และไรโบโซม (''สีน้ำเงินเข้ม'') รูปทางขวาแสดงดีเอ็นเอของแบคทีเรีย ที่อยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า นิวคลิออยด์ (''สีฟ้าอ่อน'') และโครงสร้างอื่น ๆ ที่พบในเซลล์[[โพรแคริโอต]] ซึ่งประกอบด้วย เยื่อหุ้มเซลล์ (''สีดำ'') , ผนังเซลล์ (''สีน้ำเงิน'') , แคปซูล (''สีส้ม'') , ไรโบโซม (''สีน้ำเงินเข้ม'') , แฟลกเจลลัม (''สีดำ'')]] |
|||
วิธีการจัดกลุ่มเซลล์ไม่ว่าเซลล์นั้นจะอยู่ตามลำพังหรืออยู่เป็นกลุ่ม ได้แก่ [[สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว]] (unicellular) ซึ่งดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด จนไปถึงการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มที่เรียกว่า โคโลนี (''colonial forms'') หรือ สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (multicellular) ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะกลายเป็นเซลล์เฉพาะทางที่แตกต่างกันหลายรูปแบบ เช่น เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ |
|||
โดยสรุป เซลล์สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบคือ |
|||
* '''[[โพรแคริโอต]]''' (prokaryote) เป็นเซลล์ที่มีโครงสร้างอย่างง่าย อาจอยู่เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ หรือรวมกลุ่มเป็น[[โคโลนี]] (Colony) ใน[[การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์]]แบบระบบสามโดเมน (three-domain system) ได้จัดโพรแคริโอตอยู่ในโดเมน[[อาร์เคีย]] (Archaea) และ[[แบคทีเรีย]] (Eubacteria) |
|||
* '''[[ยูแคริโอต]]''' (eukaryote) เป็นเซลล์ที่มี[[ออร์แกเนลล์]] (organelle) และผนังของออร์แกเนลล์ มีตั้งแต่เซลล์เดียวเช่น [[อะมีบา]] (amoeba) และ[[เห็ดรา]] (fungi) หรือเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่นพืชและสัตว์รวมทั้ง[[สาหร่ายสีน้ำตาล]] |
|||
== ส่วนประกอบย่อยของเซลล์ == |
|||
[[ไฟล์:biological_cell.svg|thumb|330px|ภาพเซลล์โดยสัตว์ทั่วไป ประกอบด้วย[[ออร์แกเนลล์]]ต่าง ๆ ดังนี้ (1) [[นิวคลีโอลัส]], (2) [[นิวเคลียสเซลล์|นิวเคลียส]], (3) [[ไรโบโซม]], (4) [[เวสิเคิล]], (5) [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ]], (6) [[กอลจิแอปพาราตัส]], (7) [[ระบบเส้นใยของเซลล์]], (8) [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ]], (9) [[ไมโทคอนเดรีย]], (10) [[แวคิวโอล]], (11) [[ไซโทพลาซึม]], (12) [[ไลโซโซม]], (13) [[เซนทริโอล]]]] |
[[ไฟล์:biological_cell.svg|thumb|330px|ภาพเซลล์โดยสัตว์ทั่วไป ประกอบด้วย[[ออร์แกเนลล์]]ต่าง ๆ ดังนี้ (1) [[นิวคลีโอลัส]], (2) [[นิวเคลียสเซลล์|นิวเคลียส]], (3) [[ไรโบโซม]], (4) [[เวสิเคิล]], (5) [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ]], (6) [[กอลจิแอปพาราตัส]], (7) [[ระบบเส้นใยของเซลล์]], (8) [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ]], (9) [[ไมโทคอนเดรีย]], (10) [[แวคิวโอล]], (11) [[ไซโทพลาซึม]], (12) [[ไลโซโซม]], (13) [[เซนทริโอล]]]] |
||
บรรทัด 39: | บรรทัด 10: | ||
=== เยื่อหุ้มเซลล์ - ส่วนหุ้มและปกป้องเซลล์ === |
=== เยื่อหุ้มเซลล์ - ส่วนหุ้มและปกป้องเซลล์ === |
||
[[ไซโทพลาซึม]] |
[[ไซโทพลาซึม]] อนี้จะทำหน้าที่แยกและปกป้องเซลล์จากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ส่วนใหญ่แล้วถูกสร้างขึ้นจากชั้นของลิพิดสองชั้น หรือ ฟอสโฟลิพิด ไบแลร์ (Phospholipid bilayer) และโปรตีน ภายในเยื่อจะมีโมเลกุลหลากชนิดที่ทำหน้าที่เป็นทั้งช่องทางผ่านของสารและ ปั๊ม (channels and pumps) เพื่อทำหน้าที่เฉพาะในการขนส่ง[[โมเลกุล]]เข้าหรือออกจากเซลล์ |
||
=== [[ไซโทสเกเลตอน]] (cytoskeleton) - ส่วนที่เป็นโครงสร้างของเซลล์ === |
=== [[ไซโทสเกเลตอน]] (cytoskeleton) - ส่วนที่เป็นโครงสร้างของเซลล์ === |
||
บรรทัด 85: | บรรทัด 56: | ||
!อาร์เอ็นเอ/การสังเคราะห์โปรตีน |
!อาร์เอ็นเอ/การสังเคราะห์โปรตีน |
||
|ทั้งคู่เกิดใน[[ไซโทพลาซึม]] |
|ทั้งคู่เกิดใน[[ไซโทพลาซึม]] |
||
| |
|||
|อาร์เอ็นเอ-สังเคราะขึ้นภายในนิวเคลียส<br />สังเคราะห์โปรตีนในไซโตพลาสซึม |
|||
|- |
|- |
||
!ขนาด[[ไรโบโซม]] |
!ขนาด[[ไรโบโซม]] |
||
บรรทัด 117: | บรรทัด 88: | ||
{| align="center" class="toccolours" border="1" style="border:1px solid gray; border-collapse:collapse;" |
{| align="center" class="toccolours" border="1" style="border:1px solid gray; border-collapse:collapse;" |
||
|+ '''ร''' |
|||
|+'''ตาราง 2: การเปรียบเทียบโครงสร้างของ เซลล์พืช และ เซลล์สัตว์''' |
|||
|- |
|- |
||
| |
| |
||
! |
|||
![[เซลล์สัตว์]] |
|||
! |
|||
![[เซลล์พืช]] |
|||
|- valign="top" |
|- valign="top" |
||
! |
|||
!ออร์แกเนลล์ (Organelles) |
|||
| |
| |
||
* [[นิวเคลียสเซลล์|นิวเคลียส]] (Nucleus) |
|||
** [[นิวคลีโอลัส]] (Nucleolus in nucleus) |
|||
* [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม]] (Endoplasmic reticulum) |
|||
** [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ]] (Rough endoplasmic reticulum) |
|||
** [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ]] (Smooth endoplasmic reticulum) |
|||
* [[ไรโบโซม]] (Ribosome) |
|||
* [[ไซโทสเกเลตอน]] (Cytoskeleton) |
|||
* [[กอลจิแอปพาราตัส]] (Golgi apparatus) |
|||
* [[ไซโทพลาซึม]] (Cytoplasm) |
|||
* [[ไมโทคอนเดรีย]] (Mitochondria) |
|||
* [[เวสิเคิล]] (Vesicle) |
|||
* [[แวคิวโอล]] (Vacuole) |
|||
* [[ไลโซโซม]] (Lysosome) |
|||
* [[เซนทริโอล]] (Centriole) |
|||
| |
| |
||
* [[นิวเคลียสเซลล์|นิวเคลียส]] (Nucleus) |
|||
** [[นิวคลีโอลัส]]ในนิวเคลียส (Nucleolus in nucleus) |
|||
* [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม]] (Endoplasmic reticulum) |
|||
** [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ]] (Rough endoplasmic reticulum) |
|||
** [[เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ]] (Smooth endoplasmic reticulum) |
|||
* [[ไรโบโซม]] (Ribosomes) |
|||
* [[ไซโทสเกเลตอน]] (Cytoskeleton) |
|||
* [[กอลจิแอปพาราตัส]] หรือ [[ดิกไทโอโซม]] (dictiosomes) |
|||
* [[ไซโทพลาซึม]] (Cytoplasm) |
|||
* [[ไมโทคอนเดรีย]] (Mitochondria) |
|||
* [[เวสิเคิล]] (Vesicle) |
|||
* [[คลอโรพลาสต์]] (Chloroplast) และ [[พลาสติด]] (plastid) |
|||
* [[แวคิวโอล]] (Central vacuole) |
|||
** [[โทโนพลาสต์]] (Tonoplast-central vacuole membrane) |
|||
* [[เพอรอกซิโซม]] (Peroxisome) |
|||
* [[ไกลออกซิโซม]] (Glyoxysome) |
|||
|- valign="top" |
|- valign="top" |
||
! |
! |
||
| |
| |
||
* [[ซิเลีย]] (Cilium) |
|||
* [[แฟลเจลลัม]] (Flagellum) |
|||
* [[พลาสมา เมมเบรน]] (Plasma membrane) |
|||
| |
| |
||
* [[พลาสมา เมมเบรน]] (Plasma membrane) |
|||
* [[ผนังเซลล์]] (Cell wall) |
|||
* [[พลาสโมเดสมาตา]] (Plasmodesmata) |
|||
* [[แฟลเจลลัม]]ในเซลล์สืบพันธุ์ (Flagellum in gametes) |
|||
|} |
|} |
||
* |
|||
== วัฏจักรของเซลล์ == |
|||
วัฏจักรของเซลล์หนึ่ง ๆ จะเริ่มจากการเจริญสะสมสารอาหารและทำกิจกรรมต่าง ๆ จนถึงระยะหนึ่งก็จะแบ่งตัวเพือสร้างเซลล์ใหม่ไปเรื่อย ๆ ในเซลล์[[ยูคาริโอต]]นั้น วัฏจักรของเซลล์มี 4 ระยะที่ชัดเจน คือ |
|||
* G1 เป็นช่วงหลังจากเซลล์ผ่านการแบ่งตัวมาใหม่ จนถึงเตรียมการจะแบ่งตัวอีกครั้ง เป็นช่วงที่เซลล์มีกิจกรรมมาก |
|||
* S เป็นช่วงเวลาที่มีการจำลองตัวของ DNA เพิ่มจาก 1 ชุดเป็น 2 ชุด เพื่อเตรียมสารพันธุกรรมไว้ให้เซลล์ใหม่ต่อไป |
|||
* G2 เป็นช่วงเวลาหลังจากจำลอง DNA เสร็จแล้ว รอการแบ่งเซลล์ต่อไป |
|||
* M เป็นช่วงเวลาที่มีการแบ่งเซลล์แบบ[[ไมโทซิส]] ซึ่งเมื่อแบ่งตัวเสร็จแล้วจะได้เซลล์ลูก 2 เซลล์ ซึ่งมีสารพันธุกรรมเหมือนเซลล์ตั้งต้นทุกประการ |
|||
ในเซลล์ที่ผิดปรกติหรือเซลล์บางชนิดเช่นเซลล์ประสาทจะเข้าไปในระยะ G0 ซึ่งเป็นช่วงที่เซลล์จะไม่มีการแบ่งเซลล์อีกและจะไม่สามารถอกกจากระยะนี้ได้ |
|||
ซึ่งถ้าเป็นเซลล์ที่ผิดปรกติจะถูกทิ้งให้ตาย |
|||
== อ้างอิง == |
|||
{{คอมมอนส์|Cell (biology) }} |
|||
* [http://www.ericdigests.org/2004-1/cells.htm Teaching about the Life and Health of Cells.] |
|||
* [http://www.biopic.co.uk/cellcity/cell.htm The cell like a city]. |
|||
{{ออร์แกเนลล์}} |
|||
{{องค์ประกอบของสสาร}} |
|||
[[หมวดหมู่:เซลล์| ]] |
[[หมวดหมู่:เซลล์| ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:07, 14 กรกฎาคม 2562
เซลล์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นโพรแคริโอตหรือยูแคริโอตจะต้องมีเยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) ทำหน้าที่ห่อหุ้มเซลล์เสมอ เพื่อแยกส่วนประกอบภายในเซลล์ออกจากสิ่งแวดล้อม เป็นการควบคุมการขนส่งสารเข้าออกเซลล์ และเพื่อรักษาความต่างศักย์ทางไฟฟ้าของเซลล์ (cell potential) ภายในเยื่อหุ้มเซลล์จะประกอบไปด้วย ไซโทพลาซึมที่มีสภาพเป็นเกลือ และเป็นเนื้อที่ส่วนใหญ่ของเซลล์ ภายในเซลล์จะมี ดีเอ็นเอ หน่วยพันธุกรรมของเซลล์หรือยีน และ อาร์เอ็นเอชึ่งจะมีข้อมูลที่จำเป็นในการถ่ายทอดพันธุกรรม รวมทั้งโปรตีนต่าง ๆ เช่น เอนไซม์ นอกจากนี้ภายในเซลล์ก็ยังมีสารชีวโมเลกุล (biomolecule) ชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย
เยื่อหุ้มเซลล์ - ส่วนหุ้มและปกป้องเซลล์
ไซโทพลาซึม อนี้จะทำหน้าที่แยกและปกป้องเซลล์จากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ส่วนใหญ่แล้วถูกสร้างขึ้นจากชั้นของลิพิดสองชั้น หรือ ฟอสโฟลิพิด ไบแลร์ (Phospholipid bilayer) และโปรตีน ภายในเยื่อจะมีโมเลกุลหลากชนิดที่ทำหน้าที่เป็นทั้งช่องทางผ่านของสารและ ปั๊ม (channels and pumps) เพื่อทำหน้าที่เฉพาะในการขนส่งโมเลกุลเข้าหรือออกจากเซลล์
ไซโทสเกเลตอน (cytoskeleton) - ส่วนที่เป็นโครงสร้างของเซลล์
ไซโทสเกเลตอนเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ซับซ้อน และเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีบทบาทในการจัดรูปแบบและจัดเรียงตำแหน่งของออร์แกเนลล์ให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม, ช่วยให้เกิดกระบวนการเอนโดไซโทซิส (endocytosis) หรือการนำสารจากภายนอกเซลล์เข้ามาในเซลล์เพื่อใช้ในกระบวนการเจริญเติบโตและการเคลื่อนไหว, บทบาทในการทำงานของกล้ามเนื้อ, และมีโปรตีนจำนวนมากมายในไซโทสเกลเลตอนที่ควบคุมโครงสร้างของเซลล์
ไซโทสเกเลตอน แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ได้แก่ ไมโครทูบูล (Microtubule) , อินเทอร์มีเดียท ฟิลาเมนท์ (Intermediate Filament) และ ไมโครฟิลาเมนท์ (Microfilament)
สารพันธุกรรม (Genetic Material)
สารพันธุกรรมแตกต่างกันสองชนิดคือ :
- ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid-DNA)
- อาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid-RNA)
รหัสพันธุกรรม (Genetic code) ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเป็นข้อมูลทางพันธุกรรมของเซลล์ซึ่งเก็บอยู่ในรูปดีเอ็นเอหรืออาร์เอ็นเอ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ใช้ดีเอ็นเอสำหรับเก็บข้อมูลทางพันธุกรรม แต่ไวรัสบางชนิด เช่น รีโทรไวรัส (retrovirus) มีอาร์เอ็นเอเป็นสารพันธุกรรม อาร์เอ็นเอนอกจากจะเป็นสารพันธุกรรมแล้วยังทำหน้าที่เป็นสารที่ขนถ่ายข้อมูลด้วย ได้แก่ เมสเซนเจอร์ อาร์เอ็นเอ (mRNA) และอาจทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ได้โดยเฉพาะในเซลล์ที่มีอาร์เอ็นเอเป็นสารพันธุกรรม ได้แก่ ไรโบโซมัล อาร์เอ็นเอ หรือ (rRNA)
สารพันธุกรรมของพวกโปรคาริโอต จะถูกจัดอยู่ในโมเลกุลของดีเอ็นเอรูปวงกลมง่าย ๆ เช่น ดีเอ็นเอของแบคทีเรียซึ่งอยู่ในบริเวณนิวคลอยด์ (nucleoid region) ของไซโตพลาสซึม ส่วนสารพันธุกรรมของพวกยูคาริโอต จะถูกจัดแบ่งให้อยู่ในโมเลกุลที่เป็นเส้นตรงที่เรียกว่า โครโมโซม (chromosome) ภายในนิวเคลียส และยังพบว่ามีสารพันธุกรรมอื่น ๆ นอกจากในโครโมโซมในออร์แกเนลล์บางชนิด เช่น ไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์ (ดูเพิ่มเติมที่ทฤษฎีเอ็นโดซิมไบโอติก (endosymbiotic theory)) เช่น ในเซลล์มนุษย์จะมีสารพันธุกรรมในบริเวณดังนี้ในนิวเคลียส เรียกว่า นิวเคลียร์ จีโนม (nuclear genome) แบ่งเป็นโมเลกุลเส้นตรง ดีเอ็นเอ 46 เส้น หรือ 23 คู่ เรียกว่า โครโมโซม
- ในไมโทคอนเดรีย เรียกว่า ไมโทคอนเดรียล จีโนม (mitochondrial genome) เป็นโมเลกุลดีเอ็นเอรูปวงกลมที่แยกจากดีเอ็นเอในนิวเคลียส ถึงแม้ไมโทคอนเดรีย จีโนมจะเล็กมากแต่ก็มีรหัสสำหรับการสร้างโปรตีนที่สำคัญ
สารพันธุกรรมจากภายนอกที่สังเคราะห์ขึ้นได้เองสามารถนำไปใส่ในเซลล์ได้เราเรียกกระบวนการนี้ว่า ทรานสเฟกชัน (transfection)
กายวิภาคศาสตร์ของเซลล์
โพรแคริโอต | ยูแคริโอต | |
---|---|---|
ตัวอย่างสิ่งมีชีวิต | แบคทีเรีย, อาร์เคีย | โพรทิสต์, เห็ดรา, พืช, สัตว์ |
ขนาดตัวอย่าง | ~ 1-10 ไมโครเมตร | ~ 10-100 ไมโครเมตร (เซลล์สเปิร์มหากไม่นับหาง จะมีขนาดเล็กกว่านี้) |
ชนิดของนิวเคลียส | บริเวณนิวคลอยด์; ไม่มีนิวเคลียสแท้จริง | นิวเคลียสจริง มีผนังสองชั้น |
ดีเอ็นเอ | วงกลม (ธรรมดา) | โมเลกุล เป็นแนวตรง (โครโมโซม) และมีโปรตีนฮิสโตน |
อาร์เอ็นเอ/การสังเคราะห์โปรตีน | ทั้งคู่เกิดในไซโทพลาซึม | |
ขนาดไรโบโซม | 70S | 70Sและ80S |
โครงสร้างภายในไซโตพลาสซึม | โครงสร้างเล็กมาก | จัดโครงสร้างโดย เอ็นโดเมมเบรน และ ไซโตสเกเลตัน (cytoskeleton) |
การเคลื่อนไหวของเซลล์ | แฟกเจลลา สร้างจากโปรตีนแฟลเจลลิน (flagellin) | แฟกเจลลา และ ซีเลีย สร้างจากโปรตีนทูบูลิน (tubulin) |
ไมโทคอนเดรีย | ไม่มี | มี ตั้งแต่ หนึ่ง ถึงหลายสิบ |
คลอโรพลาสต์ | ไม่มี | พบในสาหร่ายและพืช |
การประสานงานกันระหว่างเซลล์ | ปกติเป็นเซลล์เดี่ยว | เซลล์เดี่ยว, เป็นโคโลนี, สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ชั้นสูงจะมีเซลล์หลายชนิดที่มีหน้าที่เฉพาะมากมาย |
การแบ่งเซลล์ | การแบ่งเป็นสองส่วน (simple division) | ไมโทซิส ไมโอซิส |