ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นิราศภูเขาทอง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 7: | บรรทัด 7: | ||
{{บทกวี|indent=1|สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง|อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี|เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี|ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา}} |
{{บทกวี|indent=1|สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง|อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี|เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี|ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา}} |
||
55โดนหลอกเข้าเว็บมาเสียใจด้วย |
|||
== เส้นทางการเดินทางของนิราศภูเขาทอง == |
|||
นิราศภูเขาทองเริ่มต้นเล่าการเดินทางทางเรือจาก[[วัดราชบุรณราชวรวิหาร|วัดราชบุรณะ]] กรุงเทพฯ จุดหมายปลายทางคือ [[วัดภูเขาทอง|พระเจดีย์ภูเขาทอง]]ที่พระนครศรีอยุธยา |
|||
สถานที่ที่เดินทางผ่านคือ [[พระบรมมหาราชวัง]], วัดประโคนปัก, โรงเหล้า, บางจาก, บางพลู, บางพลัด, บางโพ, บ้านญวน, วัดเขมา, ตลาดแก้ว, ตลาดขวัญ, บางธรณี, เกาะเกร็ด, บางพูด, บ้านใหม่, บางเดื่อ, บางหลวง, บ้านงิ้ว เมื่อเข้าเขตพระนครศรีอยุธยา ผ่านหน้าจวนเจ้าเมือง, [[วัดหน้าพระเมรุ]] แล้วจึงเดินทางถึงเจดีย์ภูเขาทอง |
|||
ส่วนขากลับ กล่าวถึง[[วัดอรุณราชวราราม]]เท่านั้น |
|||
== ลักษณะคำประพันธ์ == |
== ลักษณะคำประพันธ์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:40, 18 กรกฎาคม 2561
นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศที่สุนทรภู่ประพันธ์ในปี พ.ศ. 2373 หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคตไปแล้ว 6 ปี (สวรรคตปี พ.ศ. 2367) เพื่อการเดินทางจากวัดราชบุรณะไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากออกพรรษาแล้ว
เนื้อหาในนิราศภูเขาทอง
จากคำพรรณนาความรู้สึกอาลัยอาวรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในนิราศภูเขาทอง ทำให้เห็นว่าสุนททรภู่ยังคงจงรักภักดีต่อพระองค์ตลอดมาและไม่เคยลืมความสุขที่ตนเองเคยได้รับจากพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ซึ่งสุนทรภู่ได้กล่าวถึงความสุขหนหลังในสมัยรัชกาลที่ 2 ในบทนี้
สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ | ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย | |
แม้นกำเนิดเกิดชาติใดใด | ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี |
สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง | อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี | |
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี | ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา |
55โดนหลอกเข้าเว็บมาเสียใจด้วย
ลักษณะคำประพันธ์
นิราศภูเขาทองแต่งด้วยกลอนนิราศ มีความคล้ายคลึงกับกลอนสุภาพ แต่เริ่มด้วยวรรครับจบ ด้วยวรรคส่งลงท้ายด้วยคำว่า เอย มีความยาวเพียง 89 คำกลอนเท่านั้น แต่มีความไพเราะและเรียบง่าย ตามแบบฉบับของสุนทรภู่ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย บรรยายความรู้สึกขณะเดียวกันก็เล่าถึงสภาพของความเป็นมาของบ้านเมืองในสมัยนั้น
อ้างอิง
- วรรณคดีวิจักษ์ ม.1