ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปลาแฟนซีคาร์ป"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Jungide (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการก่อเกรียนหมู่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 24: บรรทัด 24:
==ประวัติ==
==ประวัติ==


เป็นปลาหลากสี
เป็นปลาคาร์ปที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาจากปลาคาร์ปธรรมดา ๆ ที่มีอยู่ใน[[ธรรมชาติ]]หรือที่นำมารับประทานกันเป็น[[อาหาร]] เพื่อการเลี้ยงเป็น[[ปลาสวยงาม]] โดยเริ่มต้นขึ้นในราว [[ค.ศ. 200]]-[[ค.ศ. 300]] โดยปลาคาร์ปต้นสายพันธุ์นั้นมีเพียง 3 [[สี]]เท่านั้น คือ [[แดง]], [[ขาว]] และ[[สีน้ำเงิน|น้ำเงิน]] มีบันทึกว่าปลาคาร์ปบางตัวได้พัฒนาตัวเองมาเป็น[[สีส้ม]] ดังนั้น[[ชาวจีน]]จึงนิยมนำมาเลี้ยงเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคล

จากนั้นจึงได้เดินทางเข้าสู่[[ประเทศญี่ปุ่น]] บริเวณหมู่บ้านเชิง[[ภูเขา|เขา]]ที่ชื่อ ตาเกซาว่า, ฮิกาชิยามาโอตะ, ตาเนอุฮาร่า และกามากาชิมา โดยชาวบ้านที่หมู่บ้านเหล่านี้ได้นำปลาคาร์ปมาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารในยาม[[ฤดูหนาว]]หรือช่วงที่อาหารขาดแคลน จากนั้นใน[[คริสต์ศตวรรษที่ 18|ศตวรรษที่ 18]] ที่เมืองเอจิโกะ ใน[[จังหวัดนีงะตะ]] ได้บังเอิญเกิดมีปลาคาร์ปตัวหนึ่งซึ่งเป็นสีขาวและสีแดงตลอดทั้งตัวเกิดขึ้นมา [[สันนิษฐาน]]ว่าเป็นการ[[การกลายพันธุ์|ผ่าเหล่า]] เกิดจากการผสมพันธุ์กันเองภายในสายเลือดใกล้ชิดกัน ซึ่งนำไปสู่การเพาะพันธุ์จนมาได้ ปลาที่มีลักษณะสีขาวสลับแดงในสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า ''"[[โคฮากุ]]"'' (紅白) ขึ้นมาจนถึงในปัจจุบัน


จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี [[ค.ศ. 1870]] มีศูนย์กลางการเพาะเลี้ยงปลาขึ้นบริเวณเชิงเขาเมืองโอจิยะ [[จังหวัดนิอิกาตะ]] และ[[ฮิโรชิม่า]] มีการทำฟาร์ม ประกวด และพัฒนาสายพันธุ์จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งใน[[วัฒนธรรมญี่ปุ่น]] ใน[[เทศกาลเด็กผู้ชาย]] ซึ่งตรงกับวันที่ [[5 พฤษภาคม]] ของทุกปี ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มีบุตรชายจะนำ[[ธง]]ทิวที่มี[[สีสัน]]หลากหลายรูปปลาคาร์ป ขึ้นแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เด็กเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ประดุจปลาคาร์ปที่ว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยว
จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี [[ค.ศ. 1870]] มีศูนย์กลางการเพาะเลี้ยงปลาขึ้นบริเวณเชิงเขาเมืองโอจิยะ [[จังหวัดนิอิกาตะ]] และ[[ฮิโรชิม่า]] มีการทำฟาร์ม ประกวด และพัฒนาสายพันธุ์จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งใน[[วัฒนธรรมญี่ปุ่น]] ใน[[เทศกาลเด็กผู้ชาย]] ซึ่งตรงกับวันที่ [[5 พฤษภาคม]] ของทุกปี ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มีบุตรชายจะนำ[[ธง]]ทิวที่มี[[สีสัน]]หลากหลายรูปปลาคาร์ป ขึ้นแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เด็กเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ประดุจปลาคาร์ปที่ว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยว

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:46, 7 กรกฎาคม 2560

ปลาแฟนซีคาร์ป
สถานะการอนุรักษ์
สัตว์เลี้ยงหรือปศุสัตว์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Actinopterygii
อันดับ: Cypriniformes
วงศ์: Cyprinidae
สกุล: Cyprinus
สปีชีส์: C.  carpio
สปีชีส์ย่อย: C.  c. haematopterus
Trinomial name
Cyprinus carpio haematopterus[1]
(Linnaeus, 1758)

ปลาแฟนซีคาร์ป (อังกฤษ: Fancy carp, Mirror carp; ญี่ปุ่น: 鯉, 錦鯉; โรมะจิ: Koi, Nishikigoi-ปลาไน, ปลาไนหลากสี) เป็นปลาคาร์ปหรือปลาไน ชนิดย่อย Cyprinus carpio haematopterus

ประวัติ

เป็นปลาหลากสี

จากนั้นความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1870 มีศูนย์กลางการเพาะเลี้ยงปลาขึ้นบริเวณเชิงเขาเมืองโอจิยะ จังหวัดนิอิกาตะ และฮิโรชิม่า มีการทำฟาร์ม ประกวด และพัฒนาสายพันธุ์จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในเทศกาลเด็กผู้ชาย ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มีบุตรชายจะนำธงทิวที่มีสีสันหลากหลายรูปปลาคาร์ป ขึ้นแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เด็กเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ประดุจปลาคาร์ปที่ว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยว

ในปี ค.ศ. 1914 ได้มีผู้นำปลาคาร์ปขึ้นทูลเกล้าฯ มงกุฎราชกุมารโชวะ ซึ่งนับเป็นจุดที่ทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลาคาร์ปเผยแพร่กว้างไกลยิ่งขึ้น ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดภาวะขาดแคลนอาหารภายในประเทศญี่ปุ่น ปลาคาร์ปจึงถูกใช้ทำเป็นอาหารอีกครั้ง เมื่อสงครามยุติลง ยังมีผู้ที่เลี้ยงปลาที่ได้รักษาสายพันธุ์ไว้ พยายามฟื้นฟูและสงวนสายพันธุ์ขึ้นมา ปลาคาร์ปจึงได้กลับมาอีกครั้งในฐานะปลาสวยงามในวัฒนธรรมญี่ปุ่น จนมาถึงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แหล่งผลิตปลาคาร์ปสวยงามของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ได้แก่ โอจิยะ, ฮามามัตสึ, ยามาโคชิ, นากาโอะ, โตชิโอะ และคิตะอุโอนุมา ซึ่งประชากรในเมืองเหล่านี้ส่วนมากจะประกอบเพาะพันธุ์ปลาคาร์ปจำหน่าย โดยอาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยที่อยู่บนเขาซึ่งเหมาะแก่การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง การเลี้ยงปลาคาร์ปในประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ทุกปีจะมีการประกวดทั่วทั้งประเทศ ที่กรุงโตเกียว อันเป็นเมืองหลวง นอกจากนี้แล้วยังมีการประกวดในระดับภูมิภาคแยกย่อยอีก รวมถึงในระดับนานาชาติอีกด้วย

ในปี ค.ศ. 1966 สมาคมผู้เลี้ยงปลาคาร์ปแห่งญี่ปุ่น ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ปลาคาร์ปขึ้น โดยสลักคำว่า "แหล่งกำเนิดนิชิกอย" (錦鯉起源の新) ขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์ขึ้นที่หน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองนิกาตะ เพื่อเป็นการระลึกถึงเมืองที่เป็นจุดกำเนิดปลาแฟนซีคาร์ป

ในประเทศไทย

สำหรับประวัติการเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์ปในประเทศไทย ในรูปแบบปลาสวยงามนั้น เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2493 โดยการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นปลาสวยงามที่มีราคาสูงมาก ในปี พ.ศ. 2498 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนำเข้าปลาชนิดนี้มาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเลี้ยงเป็นปลาพ่อแม่พันธุ์ และให้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ปลาอัมรินทร์" ในขณะที่กรมประมงได้เรียกว่า "ปลาไนญี่ปุ่น" หรือ "ปลาไนสี" หรือ "ปลาไนแฟนซี" จากนั้นก็ได้มีผู้นำเข้ามาเลี้ยงกันมาอีกอย่างแพร่หลาย จนถึงในปัจจุบัน

นอกจากนี้แล้ว การเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์ปยังเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมโชคลาภให้แก่ผู้เลี้ยงเช่นเดียวกับปลาทองหรือปลาอะโรวาน่าอีกด้วย[2]

สายพันธุ์ปลาแฟนซีคาร์ป

(อาทิ)

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. "Pictures available for Cyprinus carpio haematopterus". www.fishbase.org. สืบค้นเมื่อ 2010-10-31.
  2. "กระจกหกด้าน: มัจฉาเสริมโชค". ช่อง 7. 15 September 2014. สืบค้นเมื่อ 15 September 2014.
  3. สถาพร ชื่นใจ, ปลาคาร์ฟครับ คอลัมน์ Colorful Cyprinus หน้า 34-37 นิตยสาร Aquaium Biz ฉบับที่ 17 ปีที่ 2: พฤศจิกายน 2011
  4. 87021- มาเลี้ยงปลาคาร์ฟ กันเถอะ (ไทย)

แหล่งข้อมูลอื่น

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Cyprinus carpio haematopterus ที่วิกิสปีชีส์