ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มะละกอ"
ป้ายระบุ: ใส่ชื่อผู้ใช้ในบทความ |
|||
บรรทัด 21: | บรรทัด 21: | ||
'''มะละกอ''' เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดใน[[อเมริกากลาง]] ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น [[ส้มตำ]] ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้ |
'''มะละกอ''' เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดใน[[อเมริกากลาง]] ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น [[ส้มตำ]] ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้ |
||
... |
|||
== ลักษณะทั่วไป == |
|||
มะละกอเป็น[[พืชล้มลุก|ไม้ล้มลุก]] (บางครั้งอาจเข้าใจผิดว่าเป็น[[พืชยืนต้น|ไม้ยืนต้น]]) เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว 5-9 แฉก เกาะกลุ่มอยู่ด้านบนสุดของลำต้น ภายในก้านใบและใบมียางเหนียวสีขาวอยู่ มะละกอบางต้นอาจมีดอกเพียงเพศเดียว แต่บางต้นอาจมีดอกได้ทั้งสองเพศก็ได้ ผลเป็นรูปรี อาจหนักได้ถึง 9 กิโลกรัม ผลดิบมีสีเขียว และมีน้ำยางสีขาวสะสมอยู่ที่เปลือก ส่วนผลสุก เนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม มีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ อยู่ภายในกินไม่ได้ |
|||
ส่วนต่างๆของมะละกอ |
|||
<br /> |
|||
มะละกอมี 3 เพศคือ เพศชาย เพศหญิง และเพศคู่ (hermaphrodite) เพศชายจะผลิตแค่เกสรเพศผู้ ส่วนเพศหญิงจะผลิตได้แค่ผลซึ่งต้องได้รับละอองเกสรจากเพศผู้ก่อนถึงจะออกผลได้ ส่วนเพศคู่สามารถผลิตละอองเกสรได้เองและออกผลได้ภายในดอกเดียวกัน เนื่องจากมันมีทั้งอับละอองเกสรเพศผู้และรังไข่เพศเมีย ทั้งนี้มะละกอที่เป็นที่นิยมปลูกส่วนใหญ่มักเป็นเพศคู่ |
|||
<br /> |
|||
มะละกอเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นอันดับ3 ของผลไม้เมืองร้อนยอดนิยม ด้วยผลผลิตปีละ 11.22 ล้านตันทหรือคิดเป็นร้อยละ 15.36 ของผลไม้เมืองร้อนทั้งหมด ซึ่งตามหลังมะม่วงที่ร้อยละ 52.86 และสัปปะรดที่ร้อยละ 26.58 ผลผลิตมะละกอเพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีให้หลังนี้เนื่องจากการเพิ่มผลผลิตมะละกอของอินเดีย มะละกอกลายเป็นผลผลิตการเกษตรส่งออกที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและลาตินอเมริกา ทำให้สร้างรายได้ให้ชาวสวนจำนวนมาก นอกจากนี้มะละกอยังเป็นผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดอาหารสุขภาพระดับโลก |
|||
<br /> |
|||
ในช่วงปี 2008 – 2010 การปลูกมะละกอในระดับโลกเพิ่มขึ้นมาก โดยที่ประเทศ 10 อันดับแรกมีผลผลิตมะละกอคิดเป็นร้อยละ 86.32 ของผลผลิตมะละกอทั้งหมด อินเดียเป็นอับดับที่1ด้วยผลผลิตที่ 38.61% ตามมาด้วยบราซิลที่ 17.50% และอินโดนีเซียที่ 6.89% ส่วนประเทศไทยเป็นอันดับที่9 ด้วยผลผลิตมะละกอคิดเป็น 1.95% ของผลผลิตมะละกอทั้งโลก |
|||
<br /> |
|||
มะละกอมีที่มาจากประเทศแถวเม็กซิโกใต้ อเมริกากลาง และช่วงบนของอเมริกาใต้ ซึ่งล้วนแต่เป็นประเทศเขตร้อน การปลูกมะละกอใช้เวลารวดเร็วมาก เนื่องจากมะละกอโตเร็วและสามารถออกผลได้ภายใน 3 ปี และมะละกอสามารถปลูกได้แค่ในประเทศเขตร้อนเนื่องจากมีความอ่อนไหวต่ออากาศสูง อุณหภูมิที่ต่ำกว่า −2 °C (29 °F) จะเป็นอันรายต่อมะละกอได้ ดังนั้นในอเมริกา การปลูกมะละกอสามารถทำได้แค่ในบางพื้นที่ เช่น ตอนใต้ของรัฐฟลอริด้า สวนส่วนตัวในซานดิเอโก นอกจากนี้มะละกอยังต้องการดินที่เป็นดินทรายและค่อนข้างมีน้ำน้อย ดินที่ชุ่มน้ำสามารถทำให้มะละกอตายได้ภายใน 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว |
|||
พันธุ์มะละกอในประเทศไทย |
|||
1.พันธุ์แขกดำ เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกและรับประทานกันมาก โดยเฉพาะสวนมะละกอในภาคกลาง จะนิยมปลูกพันธุ์แขกดำ เพราะเป็นพันธุ์ที่มีต้นเตี้ย ออกดอกให้ผลเร็ว ก้านใบสีเขียว ใบหนาสีเขียวเข้ม ผลมีขนาดปานกลาง มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก ส่วนหัวและส่วนปลายผลมีขนาดเกือบเท่ากันหรือเท่ากัน สีผิวผลเป็นสีเขียวเข้ม และผิวไม่เรียบ ผลสุก เนื้อจะมีสีแดง เนื้อแน่น รสหวาน มีช่องว่างภายในผลแคบ น้ำหนักผลโดยประมาณ 0.6-2.0 กิโลกรัม พันธุ์นี้เหมาะสำหรับการบริโภคผลสุก และส่งตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ |
|||
2.พันธุ์แขกนวล เป็นพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพันธุ์แขกดำมาก และนิยมปลูกในบริเวณภาคกลางเช่นเดียวกัน เป็นพันธุ์ที่มีต้นเตี้ยออกดอกให้ผลเร็ว และให้ผลค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดฤดูปลูก ลักษณะรูปร่างผลเหมือนพันธุ์แขกดำ แต่สีผิวจะมีสีเขียวอ่อน นวล และผิวผลเรียบ ผลสุกเนื้อมีสีแดง เนื้อแน่น พันธุ์นี้นิยมส่งตลาดภาคอีสาน เพราะผลดิบเนื้อแน่น แข็ง จึงเป็นที่ต้องการของตลาดอีสานมาก |
|||
3.พันธุ์โกโก้ เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีต้นเตี้ย ลำต้นอาจมีจุดประสีม่วง ก้านใบมีทั้งสีม่วงและสีเขียว รูปร่างผลจะต่างจากพันธุ์แขกดำ ผลของโกโก้ มีส่วนหัวเรียวเล็ก ส่วนปลายผลใหญ่ ขนาดผลใหญ่ มีน้ำหนักผลประมาณ 1.3-2.0 กิโลกรัม ผลสุกเนื้อสีแดง เนื้อหนา แน่น รสหวาน เหมาะสำหรับบริโภคผลสุกและส่งเข้าโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูป |
|||
4.พันธุ์สายน้ำผึ้ง ลักษณะคล้ายกับพันธุ์โกโก้ แต่ลำต้นและก้านใบมีสีเขียวอ่อน ก้านใบยาวกว่าพันธุ์อื่นๆ แต่จำนวนแฉกใบน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ พันธุ์นี้ต้นค่อนข้างสูงและออกดอกติดผลช้า |
|||
มะละกอจะมีราคาดีช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี โดยจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท ในการเก็บผลผลิตแต่ละครั้ง ตนเองจะเก็บผลได้ครั้งละ 20 กว่าตัน โดยตนเองจะส่งขายให้กับโรงงานทำซอส และเมื่อทุกครั้งที่เก็บผลโรงงานก็จะมีรถจากโรงงานทำซอสมารับซื้อมะละกอจากสวนของตนเองถึงที่ เฉลี่ยแล้วปีหนึ่งหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดตนเองก็จะเหลือกำไรจากการขายมะละกอประมาณ 300,000-400,000 บาท |
|||
== ประโยชน์ == |
== ประโยชน์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:50, 26 สิงหาคม 2559
มะละกอ | |
---|---|
มะละกอขณะออกผล | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Brassicales |
วงศ์: | Caricaceae |
สกุล: | Carica |
สปีชีส์: | C. papaya |
ชื่อทวินาม | |
Carica papaya L. |
มะละกอ เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ถูกนำเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้
...
ประโยชน์
นอกจากการนำมะละกอไปรับประทานสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม ฯลฯ หรือนำไปหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า พาเพน (Papain) ซึ่งสามารถนำเอนไซม์ชนิดนี้ไปใส่ในผงหมักเนื้อสำเร็จรูป บางครั้งนำไปทำเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อยก็ได้
- สำหรับสารอาหารในมะละกอนั้น มีดังต่อไปนี้
สารอาหาร | ปริมาณสารอาหารต่อมะละกอสุก 100 กรัม |
โปรตีน | 0.5 กรัม |
ไขมัน | 0.1 กรัม |
แคลเซียม | 24 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 22 มิลลิกรัม |
เหล็ก | 0.6 มิลลิกรัม |
โซเดียม | 4 มิลลิกรัม |
ไทอะมีน | 0.04 มิลลิกรัม |
ไรโบฟลาวิน | 0.04 มิลลิกรัม |
ไนอะซิน | 0.4 มิลลิกรัม |
กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) | 70 มิลลิกรัม |
สรรพคุณของมะละกอ สรรพคุณของมะละกอมีมากมายนัก ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้ 1. แก้อาการขัดเบา ใช้รากสด (1 กำมือ) 70-90 กรัม รากแห้ง 25-35 กรัม หั่นต้มกับน้ำ กรองดื่มเฉพาะน้ำ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา(75 มิลลิลิตร) ดื่มก่อนอาหาร
2. เป็นยาระบายอ่อนๆ การกินเนื้อมะละกอสุก ช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะไปช่วยเพิ่มจำนวนกากไยอาหาร ดังนั้นเนื้อผลสุกมะละกอจะช่วยระบายอ่อนๆ แก้ท้องผูก
สรรพคุณ มะละกอ :
เปลือกมะละกอ - ทำน้ำยาขัดรองเท้าได้ ผลสุก - เป็นมีสรรพคุณป้องกัน หรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย
ยางจากผลดิบ - เป็นยาช่วยย่อยโปรตีน ฆ่าพยาธิได้
รากมะละกอ - ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
ใช้เป็นยาระบาย :ใช้ผลสุกไม่จำกัดจำนวน รับประทานเป็นผลไม้
เป็นยาช่วยย่อย: 1. ใช้เนื้อมะละกอดิบไม่จำกัด ประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกง เป็นผักจิ้ม 2. ยางจากผลดิบ หรือจากก้านใบ ใช้ 10-15 กรัม หรือถ้าเป็นตัวยาช่วยย่อย เพราะในยางมะละกอมีสารที่เรียกว่า Papain
เป็นยากัน หรือแก้โรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน: ใช้มะละกอสุกรับประทานเป็นผลไม้ ให้วิตามินซีสูง
เท้าบวม: เอาใบมะละกอสดตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกเท้าที่บวมลดอาการบวมลงได้
แก้เคล็ดขัดยอก: ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก
โดนหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน: ให้บ่งปากแผลเปิดออก เอายางมะละกอดิบใส่หนามจะหลุดออก
คันเพราะพิษของหอยคัน: ให้ใช้ยางมะละกอดิบทาเช้า-เย็นจนหาย
เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง: รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนแล้วประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ
ถ้าโดนตะปูตำเป็นแผล: ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง แผลน้ำร้อนลวก ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ตำพอกที่แผล แผลพุพอง ใช้ใบมะละกอแห้งกรอบบดเป็นผง ผสมกับน้ำกะทิพอเหนียวข้น ใช้พอกหรือทาที่แผลวันละ 2-3 ครั้ง
แก้ผดผืนคัน: ใช้ใบมะละกอ 1 ใบ น้ำมะนาว 2 ผล เกลือ 1 ช้อนชา ตำรวมกันให้ละเอียดเอาทั้งน้ำและเนื้อทาแผลบ่อยๆ กลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุตหรือเท้าเปือย ใช้ยางของลูกมะละกอดิบทาวันละ 3 ครั้งฆ่าเชื้อราได้
ประโยชน์ของพาเพน
- ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เบียร์ ไวน์และเครื่องดื่มอื่น ๆ โดยปาเปนจะทำหน้าที่ละลายโปรตีนในผลิตภัณฑ์ และให้สารละลายใสไม่ขุ่นเมื่อเก็บไว้นานหรือที่อุณหภูมิต่ำ
- ในโรงงานผลิตเนื้อสัตว์และปลา จะทำให้เนื้อสัตว์นั้นนุ่มเปื่อยเมื่อนำมาประกอบอาหาร
- ในอุตสาหกรรมยาและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยใช้เป็นองค์ประกอบของยาช่วยย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาพวกแผลติดเชื้อ เนื่องจากปาเปนมีคุณสมบัติให้เลือดแข็งตัวและยังสามารถใช้ฆ่าพยาธิในลำไส้ ด้วย
- ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง โดยผสมปาเปนในน้ำยาแช่หนังจะทำให้หนังเรียบ และนุ่ม
- ในอุตสาหกรรมทอผ้า จะใช้ปาเปนฟอกไหมให้หมดเมือก
- ในอุตสาหกรรมผลิตกระดาษ
อ้างอิง
- ข้อมูลจาก http://www.philippineherbalmedicine.org/papaya.htm
- ข้อมูลจาก http://yathai.blogspot.com/2010/09/blog-post_10.html
- ข้อมูลจาก https://www.gotoknow.org/posts/448592
- ข้อมูลจาก http://tamkaset.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD.html
- ข้อมูลจาก http://www.iicrd.ku.ac.th/news/news_9.htm
แหล่งข้อมูลอื่น
- Fruits of Warm Climates: Papaya and Related Species
- California Rare Fruit Growers: Papaya Fruit Facts.
- การปลูกมะละกอ esan108.com
-
ดอกมะละกอตัวผู้
-
ดอกมะละกอตัวเมีย
-
ใบมะละกอ
-
ต้นมะละกอและดอก
-
ต้นมะละกอและผล