พายุไต้ฝุ่นโคนี (พ.ศ. 2563)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก พายุไต้ฝุ่นโคนี)
พายุไต้ฝุ่นโคนี (โรลลี)
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง (JMA)
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 (SSHWS)
พายุไต้ฝุ่นโตนีขณะมีความรุนแรงสูงสุดก่อนที่จะขึ้นฝั่งที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 31 ตุลาคม
พายุไต้ฝุ่นโตนีขณะมีความรุนแรงสูงสุดก่อนที่จะขึ้นฝั่งที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 31 ตุลาคม
พายุไต้ฝุ่นโตนีขณะมีความรุนแรงสูงสุดก่อนที่จะขึ้นฝั่งที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 31 ตุลาคม
ก่อตัว 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563
สลายตัว 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
ความเร็วลม
สูงสุด
เฉลี่ยลมใน 10 นาที:
220 กม./ชม. (140 ไมล์/ชม.)
เฉลี่ยลมใน 1 นาที:
315 กม./ชม. (195 ไมล์/ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.72 นิ้วปรอท)
ผู้เสียชีวิต เสียชีวิต 26 ราย, สูญหาย 6 ราย
ความเสียหาย 392.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี 2020)
พื้นที่ได้รับ
ผลกระทบ
ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว
ส่วนหนึ่งของ
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2563

โคนี (เกาหลี: 고니; แปลว่า หงส์) หรือที่ในฟิลิปปินส์เรียกว่า โรลลี (ฟิลิปปินส์: Rolly) เป็นไต้ฝุ่นที่อ่อนกำลังลงซึ่งเพิ่งขึ้นฝั่งที่เกาะคาตันดัวเนสในฟิลิปปินส์ โคนีเป็นพายุลูกที่ 19 พายุไต้ฝุ่นลูกที่ 9 และซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกที่ 2 ที่ได้รับการตั้งชื่อในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2563 โคนีเริ่มก่อตัวขึ้นจากพายุดีเปรสชันทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะกวมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม จากนั้นได้เพิ่มกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและได้รับการตั้งชื่อในวันที่ 27 ตุลาคม โคนีได้ทวีความรุนแรงอย่างมากในทะเลฟิลิปปินและกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นเทียบเท่าระดับ 5 ในวันที่ 30 ตุลาคม จนถึงขณะนี้ถือเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลกใน พ.ศ. 2563[1] เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุไต้ฝุ่นในประเทศฟิลิปปินส์ ทางกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น และ ทาง PAGASA หรือ สำนักงานสำรวจบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ของฟิลิปปินส์ จึงได้ประกาศให้ชื่อ"โคนี" และ "โรลลี" ถูกปลดออกจากรายชื่อไต้ฝุ่นและจะไม่มีการใช้งานอีกต่อไปในอนาคต สําหรับชื่อใหม่ซึ่งถูกเลือกในปี พ.ศ. 2564 คือ โรมินา (Romina) และ พ.ศ. 2565 สําหรับชื่อทดแทนของพายุโคนี

อ้างอิง[แก้]

  1. Samenow, Jason. "Super Typhoon Goni explodes into 2020's strongest storm on Earth, moves toward Philippines". Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-10-31.