ผู้ใช้:Stirz117/ทดลองเขียน3

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บัณฑิต เจริญวานิชและจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์เป็นผู้ที่กระทำความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จิรวัฒน์​ได้ถูกจับกุมที่ด่านสลักบาตร ส่วนบัณฑิตถูกจับกุมขณะไปรับยาเสพติดที่ซีพีเอช ทาวเวอร์ซึ่งทั้งสองถูกจับกุมในวันที่29 มีนาคม พ.ศ.2544 [1]ศาลชั้นต้น ศาลอุทรณ์และศาลฎีกาได้ตัดสินประหารชีวิตทั้งสองซึ่งสองถูกยกฎีกาเเละถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษที่เรือนจำกลางบางขวางในวันที่24 สิงหาคม​ ​​พ.ศ.2552 เเละเป็นการประหารชิวิตด้วยการฉีดยาพิษเป็นครั้งที่2ของประเทศไทย[2]​หลังจากการฉีดยาพิษครั้งเเรกในปีพ.ศ.2546 ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่5และ6ที่ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษในประเทศไทย​ หลังจากการประหารชีวิตทั้งสองประเทศไทยก็ไม่ได้มีการประหารชีวิตใครเป็นเวลา9ปีก่อนจะมีการประหารชีวิตนายธีรศักดิ์​ หลงจิในปีพ.ศ.2561[3]

จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์
เกิดประมาณพ.ศ.2507
ประเทศไทย
เสียชีวิต24 สิงหาคม พ.ศ.2552 (45 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ
สัญชาติไทย
ชื่ออื่นเอ้
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย
บทลงโทษประหารชีวิต
คู่หูบัณฑิต เจริญวานิช
วันที่ถูกจับ
29 มีนาคม พ.ศ.2544
จำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง
บัณฑิต เจริญวานิช
เกิดประมาณพ.ศ. 2500
ประเทศไทย
เสียชีวิต24 สิงหาคม พ.ศ.2552 (52 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ
สัญชาติไทย
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย
บทลงโทษประหารชีวิต
คู่หูจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์,สมจิตร พยัคฆ์เรือง
วันที่ถูกจับ
29 มีนาคม พ.ศ.2544
จำคุกที่เรือนจำกลางบางขวาง


การก่อคดี[แก้]

ในข่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2544 ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดได้จับกุมตัวสมจิตร พยัคฆ์เรืองพร้อมกับยาบ้าจำนวน20000เม็ด จากการสืบสวนพบว่าสมจิตรได้ใช้รถยนต์ของบัณฑิต เจริญวานิชซึ่งเป็นลูกเขยในการขนยาเสพติด สมจิตรได้สารภาพว่าบัณฑิตจะให้จิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ขนยาบ้าจากเชียงใหม่มาที่กรุงเทพในวันที่29 มีนาคม พ.ศ.2544 ในวันที่29 มีนาคม พ.ศ. 2544 เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้จับกุมจิรวัฒน์ที่ด่านสลักบาตร จังหวัดกำเเพงเพชรพร้อมกับยาบ้าจำนวนหนึ่งเเสนเม็ดอยู่ที่ด้านข้างของประตูรถยนต์ หลังจากการจับกุมจิรวัฒน์ได้สารภาพว่าเป็นแค่คนรับจ้างขนยาบ้ามาจาบัณฑิต เจริญวานิช เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้จิรวัฒน์โทรศัพท์บอกบัณฑิตว่าการขนส่งยาเสพติดไปได้อย่างราบรื่นและให้บัณณฑิตไปรับยาเสพติดที่ซีพีเอช ทาวเวอร์ ส่งผลให้เจ้าหน้าตำรวจจับกุมบัณฑิตขณณะขับรถมารับยาเสพติดที่ซีพีเอช ทาวเวอร์เมื่อเจ้าหน้าตำรวจค้นรถยนต์แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำบัณฑิตไปตรวจค้นที่บ้านพักเเละพบยาบ้า14,215 เม็ดพร้อมกับปืนที่บ้านพักของบัณฑิต[4][5]

การพิจารณาคดีเเละการประหารชีวิต[แก้]

ศาลชั้นต้นได้พิากษาประหารชีวิตทั้งสอง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้พิพาษายืนยืนประหารชีวิต ทั้งสองจึงถวายฎีกาทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาของทั้งสองได้ถูกปัดตกเมื่อวันที่13 สิงหาคม พ.ศ.2552[6] ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2552หลังจากนำนักโทษทุกคนเข้าเรือนนอนเมื่อเวลา15.30นาฬิกา เจ้าหน้าที่ได้เบิกตัวทั้งสองออกจากห้องขังไปยังศาลาเย็นใจและเเจ้งผลฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษหลังจากนั้นให้ทั้งสองเขียนพินัยกรรมแล้วให้ทั้งสองโทรศัพท์หาญาติเพื่อสั่งเสียเป็นเวลา5นาที จิรวัฒน์ได้พูดคุยกับญาติด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยส่วนบัณฑิตไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้และใช้มือปาดน้ำตาตลอดการคุยและพูดคุยเกินเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าได้เข้าไปปลอบใจบัณฑิตเเละบอกว่าหมดเวลาในการคุยโทรศัพท์ หลังจากนั้นเรือนจำได้นิมนต์พระครูนนทวัฒน์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดบางเเพรกใต้มาเทศนาเรื่องบาปบุญคุณโทษ ในการเทศน์บัณฑิตน้ำตาไหลตลอดการเทศน์ ส่วนจิรวัฒน์สงบและนิ่งเงียบก่อนขอจับชายผ้าเหลือง จิรวัฒน์ได้บอกกับเจ้าอาวาสว่า"เพื่อให้ดวงวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์" ถัดจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้อ่านประกาศคำสั่งให้ประหารชีวิตนักโทษตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วนำดอกไม้ธูปเทียนมาให้ทั้งสอง โดยให้ทั้งสองหันหน้าไปยังโบสถ์พระประธานวัดบางแพรกใต้ หลังจากอ่านคำสั่งประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองขึ้นรถไปยังอาคารประหารชีวิตแล้วนำทั้งสองไปนอนบนเตียงประหารชีวิตและผูกด้วยสายหนังที่เเขนทั้งสองในท่ากางเเขนถัดจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทีได้รับการฝึกอบรมมาติดเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเข้ากับตัวนักโทษก่อนนำเข็มฉีดยาเข็มเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือทั้งสองข้างเเล้วเดินยาเข็มจากนั้นเพชรฆาตได้เดินยาเข็มที่1คือSodium thiopentalเพื่อให้นักโทษหลับ แล้วปล่อยเข็มที่ 2 คือPancuronium bromideเพื่อคลายกล้ามเนื้อและเข็มที่3คือPotassium chlorideเพื่อให้นักโทษเสียชีวิต หลังจากนั้นเเพทย์เเละกรรมการได้ตรวจสอบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้วนำศพของทั้งคู่ใส่โลงเย็นเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เเล้วให้เเพทย์ตรวจเป็นครั้งสุดท้าย[7][8][9][10] วันที่25 สิงหาคมพ.ศ 2552 เจ้าหน้าได้นำกุญเเจมาเปิดประตูเเดงของวัดบางเเพรกใต้เพื่อนำศพของทั้งสองออกจากเรือนจำแต่ไม่สามารถเปิดประตูได้เนื่องจากประตูเเละดอกกุญเเจเต็มไปด้วยสนิมทำให้ต้องชะลอการนำศพทั้งสองออกจากเรือนจำ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไขกุญเเจตรวนที่เท้าเเล้วนำใส่โลงศพซึ่งได้รับบริจาคมา หลังจากเสร็จสิ้นเเล้วเจ้าหน้าได้นำสเปรย์ยี่ห้อโซแนกซ์มาฉีดที่ขอบประตูและดอกกุญเเจแต่ก็ยังไม่สามารถเปิดประตูได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ชะเเลงกระทุ้ง ประตูจึงเปิดได้แล้ว จึงนำศพของจิรวัฒน์ออกมาก่อนโดยศพของจิรวัฒน์ถูกนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลทวิธานถุกูลภายในวัดบางแพรกใต้ แล้วตามด้วยศพของบัณฑิตซึ่งนำขึ้นรถตู้เพื่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ฝั่งธนบุรี[11]

ดูสิ่งนี้ด้วย[แก้]

ก่อนหน้า
บุญลือ นาคประสิทธิ ,พันพงษ์ สินธุสังข์ , วิบูลย์ ปานะสุทธะและพนม ทองช่างเหล็ก
12 ธันวาคม 2546
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษในประเทศไทย
บัณฑิต เจริญวานิชและจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์
24 สิงหาคม 2552
ถัดไป
ธีรศักดิ์ หลงจิ
18 มิถุนายน 2561

อ้างอิง[แก้]

  1. เปิดขั้นตอนการประหารชีวิตด้วยวิธี “ฉีดสารพิษ”
  2. "เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า"ภารกิจ...ส่งวิญญาณนักโทษ
  3. เปิดแฟ้ม 7 คดีดัง “โทษประหาร” บ้างตาย บ้างรอชดใช้กรรม
  4. "เข็มฉีดยา"..จุดจบนักค้ายา
  5. เปิดแฟ้ม 7 คดีดัง “โทษประหาร” บ้างตาย บ้างรอชดใช้กรรม
  6. 7 คดีดัง “โทษประหาร” บ้างตาย บ้างรอชดใช้กรรม
  7. บางขวางฉีดยาประหาร 2 นักโทษค้ายา!
  8. "เข็มฉีดยา"..จุดจบนักค้ายา
  9. เปิดขั้นตอนการประหารชีวิตด้วยวิธี “ฉีดสารพิษ”
  10. คุกบางขวางฉีดยา ประหาร2นักโทษ
  11. พระสลด! นาทีฉีดยา 2 นักโทษประหาร “เศร้าน้ำตาอาบแก้ม-ขอจับชายผ้าเหลืองส่งดวงวิญญาณ