ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช[1] (Peter Carl Fabergé) ปี ค.ศ 1846 - 1928 หนึ่งในสุดยอดช่างทอง ช่างอัญมณีที่มีชื่อเสียงในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 และยังเป็นผู้ออกแบบงานที่มีชื่อเสียงอย่างมาก งานของเขามีชื่อเสียงขจรขจายไปยังทั่วยุโรปและโลก รวมทั้งยังเป็นที่ต้องการแม้กระทั่งเหล่าบรรดาราชวงศ์ต่างๆในยุโรปในเวลานั้นด้วย
ชีวประวัติของปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช
[แก้]รกรากของครอบครัวแฟเบอร์เชนั้นมาจากประเทศฝรั่งเศส ด้วยความที่ครอบครัวเป็น Huguenot ที่เป็นโปรเตสแตนท์พวกเขาจึงได้อพยพหนีกันออกไปจากพระราชกฤษฎีกาแห่งนองซ์ในปีค.ศ. 1685 ที่จะลบล้างอูเกอโนท์ (Huguenots) หรือชาวฝรั่งเศสผู้ที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ออกจากฝรั่งเศส ตระกูลแฟเบอร์เชบางส่วนก็ย้ายไปตั้งรกรากทั้งในเยอรมนี เอสโทเนีย และ รัสเซีย สำหรับ ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช โดยในปีค.ศ. 1842 พ่อของแฟเบอร์เช กุสตาฟได้มาตั้งร้านจิลเวลลี่ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เชเองเกิดเมื่อปีค.ศ. 1846 ในกรุงเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ด้วยความที่ครอบครัวของเขาเป็นช่างทองตั้งแต่ในอดีต เขาจึงได้ไปศึกษาเล่าเรียนทักษะในด้านงานช่างทองในเยอรมนี หลังจากจบการศึกษามา เขาก็เริ่มต้นนำทักษะของเขามาใช้ในงานจริง ด้วยวัย 24 ปี แฟเบอร์เชก็ได้เปิดกิจการอัญมณีในรัสเซียที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์กอีกครั้งในปี ค.ศ. 1870 หลังจากพ่อของเขาได้เกษียณและเลิกทำกิจการไป กว่า10ปีในการเป็นหัวเรือใหญ่ในธุรกิจ เขาได้พยายามสร้างสรรค์งานของเขาให้เทียบเท่าและสูงกว่างานของช่างอัญมณีทั่วไป หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะทุ่มเวลากับการศึกษามรดกสมบัติที่ล้วนมีค่าที่เก็บสะสมไว้โดยพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย ที่แฟเบอร์เชได้เห็นจากแคตาล็อกประเมินราคา และการซ่อมแซมงานพวกนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ทำธุรกิจใหม่ขึ้นโดยความช่วยเหลือจากน้องชายชื่ออการ์ธอน (Agathon) สู่การเปลี่ยนโฉมหน้าครั้งใหญ่ของงานศิลปะอัญมณี โดยในปีค.ศ 1882 คาร์ลและน้องชายอาการ์ธอนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่ออกมาอย่างวิจิตร โดยได้แรงบัลดาลใจจากศิลปะของรัสเซียในยุคโบราณและผลงานชิ้นนี้ก็ถูกขายไป Eric Kollinช่างชาวฟินน์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมช่วยในจำนวนงานของสองพี่น้องนี้ที่จะนำไปจัดแสดงขึ้นในมอสโก พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่3และพระมเหสีซารีน่ามาเรีย ก็ทรงได้เข้าร่วมในงานแสดงผลงานล้ำค่าของแฟเบอร์เชด้วย นอกจากนั้นแล้วฟาบาเช่ยังได้ถูกเสนอได้รับเหรียญเกียรติยศ (Gold Medal at the Pan-Russian exhibition in 1882) ในฐานะที่ได้เปิดศักราชใหม่แห่งวงการศิลปะอัญมณี ในเวลานั้นผู้คนต่างหลงใหลในมูลค่าและความงามของงานอัญมณีที่ประดับด้วยโลหะมีค่าและอัญมณีหายาก ซึ่งแฟเบอร์เชนั้นก็เข้าใจดีว่าความคิดสร้างสรรค์ที่บรรเจิดและฝีมือช่างที่ดีจะนำไปสู่การสร้างเงินและมูลค่าของงานที่มหาศาล ในบรรดาเหล่าช่างทอง แฟเบอร์เชกลายเป็นชื่อที่ผู้คนจะสนใจอันดับแรกๆนอกจากนั้นเขายังได้จ้างมิคาอิล เพอร์ชิน (Michael Perchin) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องทองและเครื่องเคลือบที่มาช่วยและแนะนำวิธีการ ด้วยความใส่ใจและการทดสอบวิธีการในงานศิลป์ และเขายังร่วมกันศึกษาพยายามทดลองจำลองเทคนิคงานในศิลปะช่วงต้น และเขาก็ได้รับความสำเร็จถึงขนาดที่พระเจ้าซาร์ไม่สามารถตัดสินพระทัยแยกแยะได้ในชิ้นกล่องบรรจุยานัตถุ์ ระหว่างชิ้นต้นแบบ กับชิ้นที่เลียนแบบที่เฟอร์เบอร์เช่สร้างขึ้น และในที่สุดแฟเบอร์เชก็กลายเป็นช่างของราชสำนักโรมานอฟโดยความไว้วางพระทัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่3 ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19
โรงงาน (Workshop) ของแฟเบอร์เชนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยช่างทองและช่างอัญมณีที่มีฝีมือดีสุดเท่าที่หาได้ในเวลานั้น แฟเบอร์เชไม่ได้ทำเพียงแค่พวกงานไข่อีสเตอร์ที่เป็นตัวสร้างชื่อเสียงแก่ชื่อผลิตภัณฑ์ของเขาเท่านั้น ธุริกิจของเขายังแยกออกเป็นส่วนงานเล็กๆ อีกอย่างเช่น เครื่องโต๊ะเงิน อัญมณีประดับ ของกระจุกกระจิกเล็กๆ สไตล์ยุโรป งานแกะสลักสไตล์รัสเซีย โดยงานอัญมณีของแฟเบอร์เชนั้นก็ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรหรูหราประดับด้วยสิ่งมีค่าและสิ่งที่มีค่าค่อนข้างสูงอย่าง ทอง เงิน มาลาไคต์ ลาพิซ เลซูลี และเพชร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะในการตกแต่งสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าหลุยส์ที่16 ศิลปะแบบคลาสสิก เรเนสซองค์ บาโรก โรโคโค และ อาร์ทนูโว รวมทั้งอิทธิพลจาศิลปะของรัสเซียด้วย ซึ่งลวยลายในงานของแฟเบอร์เชจะแบ่งออกเป็นทั้งกลุ่มลวดลายดอกไม้ กลุ่มลวดลายสลัก และกลุ่มลวดลายสัตว์ นอกจากนั้นแล้วผลงานเลื่องชื่ออย่างไข่อีสเตอร์ก็เป็นที่หมายปองของเหล่างราชวงศ์โรมานอฟ รวมทั้งราชวงศ์ในยุโรปและเอเชีย โดยมีช่างระดับชั้นครูอย่างมิคาอิล อีวลามพีเยวิช เพอร์ชิน (Michael Evlampievich Perchin) และเฮนริค วิคสโตรม (Henrik Wigström) มารับผิดชอบด้วย โดยตัวงานของแฟเบอร์เชที่รับผิดชอบโดยมิคาอิล เพอร์ชิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 จนถึงค.ศ. 1903 จะได้รับการประทับตราMP ส่วนงานที่รับผิดชอบโดย เฮนริค วิคสโตรม จะได้รับการประทับตราHW ในตัวงานเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางชิ้นในงานไข่อีสเตอร์ที่ไม่ได้รับการประทับตรา ซึ่งธุรกิจของแฟเบอร์เชนั้นเติบโตเป็นอย่างมาก กิจการของฟาเปอร์เช่ขยายไปอย่างรวดเร็วจากสาขาเดียวที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ก็ขยายไปยังมอสโกในปีค.ศ. 1887 และขยายกิจการไปยังเมืองเคียฟ โอเดซซา และลอนดอนในปีค.ศ. 1906 ผลงานที่งดงามที่ออกมาราวกับร่ายด้วยเวทมนตร์ก็ได้ยุติลงเมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1917 รัฐก็ยึดงานและโรงงานกลับคืนมาเป็นของรัฐในช่วงต้นค.ศ. 1918 แฟเบอร์เชนั้นก็ได้ลี้ภัยออกไปยังฟินด์แลนด์โดยการช่วยเหลือของคนในสถานทูตอังกฤษ และย้ายมาสู่เมืองวิย์สบาเดน ในเยอรมนีในปีค.ศ. 1920 ในปีเดียวกันนั้นเอง ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เช ก็ได้เสียชีวิตที่เมืองลูเซิน ในสวิตเซอร์แลนด์ ภายหลังศพของเขาได้ฝังไว้เคียงข้างออกุสตา อกาธอน แฟเบอร์เช (Augusta Agathon Faberge) ภรรยาอันเป็นที่รักที่หนีรอดออกมาจากสหภาพโซเวียตได้ในปี 1928 โดยฝังไว้ที่ Cimetière du Grand Jas ที่เมืองคาร์ล ในฝรั่งเศสด้วยวัย 74 ปี
ชื่อเสียงของแฟเบอร์เชในอเมริกา
[แก้]ชื่อของ ปีเตอร์ คาร์ล แฟเบอร์เชนั้นก็ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดของช่างอัญมณีในศตวรรษที่ 19 และชิ้นงานเก่าของแฟเบอร์เชนั้นก็ถูกประมูลขายกันในมูลค่าที่สูงมากในปัจจุบัน โดยผลงานไข่อีสเตอร์นั้นถูกทยอยขายโดยพรรคคอมมิวนิตส์ในช่วงทศวรรษที่30 ซึ่งในปัจจุบันผลงานส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะคอลเลคชั่นของนักธุรกิจอเมริกา นายมัลคอม สตีเวนสัน ฟอบส์ (Malcolm Stevenson Forbes) ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แต่ก็มีเหลืออยู่บ้างในมอสโก และมีการนำประมูลกลับมาโดยนักธุรกิจที่ร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมันทีเอ็นเค (TNK) นายวิคเตอร์ เวคเซลเบิร์ก ที่ประมูลมาจากครอบครัวของฟอบส์ (Forbes) ถึง 9 ชิ้น โดยได้นำเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่อาคารจัดแสดงเวคเซลเบิร์ก (Vekselberg) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
รายชื่อไข่พระเจ้าซาร์ของแฟเบอร์เช
[แก้]บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
- 1885 Hen (Vekselberg Collection, Russia
- 1886 Hen with Sapphire Pendant (สูญหาย)
- 1887 Blue Serpant Clock (Prince Rainier III of Monaco Collection, Monaco)
- 1888 Cherub with Chariot (สูญหาย)
- 1889 Necessaire (สูญหาย)
- 1890 Danish Palaces (New Orleans Museum of Art, USA)
- 1891 Memory of Azov (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1892 Diamond Trellis (private collection)
- 1893 Caucasus (New Orleans Museum of Art, New Orleans, Louisiana, USA)
- 1894 Renaissance (Vekselberg Collection, Russia)
- 1895 Rosebud (Vekselberg Collection, Russia)
- 1895 Twelve Monograms (Hillwood Museum, Washington, DC, USA)
- 1896 Revolving Miniatures (Virginia Museum of Fine Arts, Richmond, USA)
- 1896 Alexander III (สูญหาย)
- 1897 Coronation (Vekselberg Collection, Russia)
- 1897 Mauve Enamel (สูญหาย)
- 1898 Lilies of the Valley (Vekselberg Collection, Russia)
- 1898 Pelican (Virginia Museum of Fine Arts, Richmond, Virginia, USA)
- 1899 Bouquet of Lilies Clock (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1899 Pansy (private collection)
- 1900 Cockerel (Vekselberg Collection, Russia)
- 1900 Trans-Siberian Railway (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1901 Basket of Wild Flowers (Royal Collection of Her Majesty Queen Elizabeth II)
- 1901 Gatchina Palace (Walters Art Museum, Baltimore, USA)
- 1902 Clover (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1902 Empire Nephrite (สูญหาย)
- 1903 Peter the Great (Virginia Museum of Fine Arts, Richmond, Virginia, USA)
- 1903 Danish Jubilee (สูญหาย)
- 1904 Uspensky Cathedral (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1906 Swan (Edouard and Maurice Sandoz Foundation, Switzerland)
- 1907 Rose Trellis (Walters Art Museum, Baltimore, USA)
- 1907 Cradle with Garlands (private collection)
- 1908 Alexander Palace (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1908 Peacock (Edouard and Maurice Sandoz Foundation, Switzerland)
- 1909 Standart (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1909 Alexander II Commemorative (สูญหาย)
- 1910 Alexander III Equestrian (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1910 Colonnade (Royal Collection of Her Majesty Queen Elizabeth II)
- 1911 Bay Tree (Vekselberg Collection, Russia)
- 1911 Fifteenth Anniversary (Vekselberg Collection, Russia)
- 1912 Csarevich (Virginia Museum of Fine Arts, Richmond, Virginia, USA)
- 1912 Napoleonic (New Orleans Museum of Art, USA)
- 1913 Romanov Tercentenary (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1913 Winter (private collection)
- 1914 Mosaic (Royal Collection of Her Majesty Queen Elizabeth II)
- 1914 Grisaille (Hillwood Museum, Washington, DC)
- 1915 Red Cross with Imperial Portraits (Virginia Museum of Fine Arts, USA)
- 1915 Red Cross with Triptych (Cleveland Museum of Art, Cleveland, Ohio, USA)
- 1916 Cross of St. George (Vekselberg Collection, Russia)
- 1916 Steel Military (Kremlin Armoury Museum, Moscow)
- 1917 Constellation Egg (Fersman Mineralogical Institute, Moscow)
- 1917 Karelian Birch Egg (Russian National Museum, Moscow)
ไข่ที่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 นั้นประสงค์ให้สร้างขึ้น จะมอบเป็นของขวัญให้แด่พระมเหสีพระนางมาเรีย ฟีโอดอรอฟนา (Maria Fyodorovna) ส่วนพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2 พระองค์ทรงมอบให้พระมารดามาเรีย ฟีโอดอรอฟนา และพระมเหสีพระนางอเล็กซานดรา ฟีโอดอรอฟนา (Alexandra Fyodorovna) โดยจะมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ที่มอบให้แสดงเมือนกับชีวิตใหม่และความโชคดีในชีวิตในฐานะคริสต์ศาสนิกชน
ไข่แฟเบอร์เชในรัสเซีย
[แก้]ไข่ในปัจจุบันเป็นสมบัติของราชวงศ์โรมานอฟที่ยังเหลือรอดอยู่ในสหพันธรัฐรัสเซียในปัจจุบัน ทั้งที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เครมลินอาร์มอร์รี่ (Armoury Museum) ในกรุงมอสโก และที่ประมูลกลับมาที่จัดแสดงในมูลนิธิของเวคเซลเบิร์ก (Vekselburg) รวมถึงส่วนจัดแสดงใน (The Link of Times-Collection Russia) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กโดยจะกล่าวถึงสไตล์ความหมายที่มาวัสดุที่ใช้ในงานของแฟเบอร์เช โดยมีผลงานที่จัดแสดงในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์เบิร์กดังนี้
งานไข่ราชสำนักโดยแฟเบอร์เชที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อาร์มอร์รี่ เครมลิน กรุงมอสโก
- The Memory of Azov 1891
- Madonna Lily Egg 1899
- The Trans-Siberian Railway 1900
- Clover Leaf Egg1902
- Uspensky Cathedral Egg 1904
- Alexander Palace Egg 1908
- Standart Egg 1909
- Alexander III Equestrian 1910
- Romanov Tercentenary Egg 1913
- Steel Military Egg 1916
งานไข่ราชสำนักโดยแฟเบอร์เชที่จัดแสดงในมูลนิธิเวคเซลเบิร์ก The Link of Time-Collection Russia เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
- Hen Egg 1885
- Renaissance Egg 1894
- Rosebud Egg 1895
- Coronation Egg 1897
- Lilies of The Valley Egg 1898
- Cuckoo Clock 1900
- Bay Tree Egg 1911
- Fifteenth Aniversary Egg 1911
- Cross of St. George Egg 1916
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Fabergé อ่านว่า /ˌfæbərˈʒeɪ/ (แฟเบอร์เช) หรือ /ˌfæbərˈdʒeɪ/ (แฟเบอร์เจ) สำหรับความหมายที่หนึ่งจาก reference.com