ข้ามไปเนื้อหา

ปราสาทซ้อน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปราสาทเชวาลิเยร์เป็นตัวอย่างของปราสาทซ้อนที่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 11

ปราสาทซ้อน (อังกฤษ: Concentric castle หรือ Multiple castle) คือปราสาทที่สร้างภายในปราสาทโดยมีกำแพงม่านมากกว่าสองชั้นขึ้นไปและในบางกรณีก็ไม่มีหอกลาง[1] โดยทั่วไปแล้วกำแพงนอกสุดของปราสาทชนิดนี้จะเป็นกำแพงที่เตี้ยที่สุดและค่อย ๆ สูงขึ้นไปตามลำดับของชั้นในเข้าไป กำแพงปราสาทก็จะประกอบด้วยหอยามและเชิงเทิน (bastion) และมักจะมีกำแพง (Battlement) ที่เป็นช่อง ๆ ที่สามารถมองลงมาดูหรือโจมตีข้าศึกได้ และประตูทางเข้าออกที่ป้องกันด้วยประตูปราสาท (barbican)

ปราสาทซ้อนเข้ามาเผยแพร่ในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 13[2] เพื่อเพิ่มความมั่นคงของปราสาทให้มากยิ่งขึ้น การที่มีกำแพงที่สูงขึ้นสำหรับชั้นในเข้าไปก็เพื่อใช้ในการการยิงด้วยธนูไฟจากกำแพงชั้นในผ่านกำแพงชั้นนอกไปยังข้าศึกได้ ถ้าข้าศึกยึดระบบการป้องกันรอบนอกได้ก็ยังจะต้องเผชิญกับระบบการป้องกันชั้นต่อไปอีก

ปราสาทครูเสดเชวาลิเยร์ในซีเรีย, ปราสาทโบมาริส (Beaumaris Castle)[3] และปราสาทแคร์ฟิลลิ (Caerphilly Castle) ใน เวลส์เป็นตัวอย่างที่ดีของปราสาทซ้อนโดยมีเป็นปราสาทซ้อนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ลักษณะการก่อสร้างปราสาทซ้อนสร้างกันก็ยังสร้างกันต่อมาในสมัยต่อมา เช่นในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างในทางการทหารในสมัยต้นยุคใหม่ของเซบาสเตียง เลอ เพรส์เทรอ เดอ โวบอง ที่กำแพงป้องกันนอกป้องกันกำแพงในที่รักษาความมั่นคงของเนินปราสาทภายใน

ในทางการวิวัฒนาการปราสาทซ้อนวิวัฒนาการมาจากการขยายตัวของหอกลางและเป็นปราสาทชนิดที่คู่กับปราสาทแนว (Linear castle) ที่เป็นปราสาทที่สร้างตรงตำแหน่งที่ไม่สามารถสร้างปราสาทซ้อนได้เพราะเป็นที่แคบ ฉะนั้นจึงต้องใช้แนวป้องกันเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะถึงเนินปราสาทในสุดเช่นที่ปราสาทมาร์กัตในลิเบีย

ปราสาทซ้อน (Concentric castle) เป็นรูปแบบการสร้างปราสาทที่มีการวางระบบป้องกันแบบซ้อนกันหลายชั้น โดยมีกำแพงชั้นนอกและกำแพงชั้นในตั้งอยู่ขนานกัน โดยกำแพงชั้นในจะสูงกว่ากำแพงชั้นนอกเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป้องกันสามารถยิงธนูหรือติดตั้งอาวุธป้องกันอื่น ๆ จากกำแพงชั้นในผ่านกำแพงชั้นนอกไปยังข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าศัตรูจะยึดกำแพงชั้นนอกได้ ก็ยังต้องเผชิญกับกำแพงชั้นในที่มั่นคงและแข็งแรงกว่าอีกชั้นหนึ่ง

รูปแบบปราสาทซ้อนเริ่มแพร่หลายเข้ามาในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยปราสาทครูเสดเชวาลิเยร์ในซีเรีย ปราสาทโบมาริสในเวลส์ และปราสาทแคร์ฟิลลี ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ลักษณะการก่อสร้างนี้ยังถูกนำไปปรับใช้ในยุคต้นของสมัยใหม่ เช่นที่ป้อมปราการของเซบาสเตียง เลอ เพรส์เทรอ เดอ โวบอง ซึ่งใช้ระบบกำแพงซ้อนกันเพื่อเพิ่มความมั่นคงแก่ฐานทัพ นอกจากนี้ ปราสาทซ้อนยังวิวัฒนาการมาจากการขยายตัวของหอกลาง (keep) ในปราสาทยุคก่อนหน้านั้น และมักจะสร้างคู่กับปราสาทแนว (linear castle) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ในพื้นที่แคบที่ไม่สามารถสร้างกำแพงซ้อนได้ เช่น ปราสาทมาร์กัตในลิเบีย ที่เน้นใช้แนวป้องกันเป็นระยะ ๆ จนถึงเนินปราสาทภายในที่สุด

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Concentric Castles". สืบค้นเมื่อ 2007-02-04.
  2. "Castle Learning Center: Concentric Castles". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-04. สืบค้นเมื่อ 2007-02-04.
  3. "Layout of Beaumaris Castle". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-03-17. สืบค้นเมื่อ 2007-02-04. {{cite web}}: ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]