ประกันภัยยานพาหนะ
มุมมองและกรณีตัวอย่างในบทความนี้อาจไม่ได้แสดงถึงมุมมองที่เป็นสากลของเรื่อง |
บทความนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน มีเนื้อหา รูปแบบ หรือลักษณะการนำเสนอที่ไม่เหมาะสมสำหรับสารานุกรม |
ประกันภัยยานพาหนะ หรือประกันภัยรถยนต์ เป็นหนึ่งในประเภทของประกันภัยในหมวดการประกันทรัพย์สิน (Property Insurance) ถูกจัดเป็นการประกันวินาศภัยประเภทหนึ่ง[1] นั่นก็คือการประกันภัยสำหรับรถยนต์ รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ และยานพาหนะอื่น ๆ บนท้องถนน การใช้หลัก ๆ คือการใช้เงินเพื่อคุ้มกันความเสียหายหรือการบาดเจ็บทางกายที่เกิดจากการชนกันบนท้องถนน และเพื่อป้องกันความรับผิดที่อาจเกิดจากเหตุดังกล่าวได้ การประกันรถยนต์อาจเสนอการคุ้มกันด้วยเงินเพิ่มเติมในกรณียานพาหนะถูกโจรกรรม และความเสียหายที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ นอกจากอุบัติเหตุ เช่น การถูกขีดข่วน อากาศหรือภัยธรรมชาติ และคุ้มกันความเสียหายจากการชนวัตถุที่อยู่นิ่ง ในแต่ละประเทศอาจมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับประกันภัยแตกต่างกันไป
ประวัติ
[แก้]การใช้รถยนต์เริ่มแพร่หลายในย่านเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รถยนต์ค่อนข้างวิ่งเร็วและอันตราย แต่ยังไม่มีการบังคับใช้ประกันภัยรถยนต์ที่ใดในโลก หมายความว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมักไม่ได้รับค่าชดเชยหลังเกิดอุบัติเหตุ และคนขับมักประสบกับค่าใช้จ่ายจำนวนมากไปกับความเสียหายของรถยนต์และทรัพย์สิน
การบังคับใช้ประกันรถยนต์เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในสหราชอาณาจักร ในชื่อ พระราชบัญญัติการจราจรบนท้องถนน ค.ศ. 1930 (Road Traffic Act 1930) ทำให้มั่นใจว่าเจ้าของยานพาหนะและคนขับจะต้องได้รับประกันต่อความผิดเกี่ยวกับการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลที่สาม ขณะที่มีการใช้ยานพาหนะบนท้องถนนสาธารณะ[2] ประเทศเยอรมนีบังคับใช้กฎหมายแบบคล้ายกันเรียกว่า "พระราชบัญญัติการใช้ประกันภัยโดยบังคับสำหรับเจ้าของยานพาหนะ" (Act on the Implementation of Compulsory Insurance for Motor Vehicle Owners)[3]
ความหมายของประกันรถยนต์ทางกฎหมาย
[แก้]บุคคลที่เป็นผู้ทำประกันภัยรถยนต์ เรียกว่า "ผู้เอาประกันภัย" ได้กระจายและโอนความเสี่ยงเกี่ยวกับทรัพย์สิน คือ "รถยนต์" ให้กับ "ผู้รับประกันภัย" นั่นก็คือ "บริษัทประกัน" รับเสี่ยงแทน โดยมีการจ่ายเงินในลักษณะรายเดือน หรือ รายปี เพื่อเป็นเบี้ยประกันให้สำหรับผู้รับประกันภัย เพื่อเป็นการตอบแทนในการรับความเสี่ยงนั้น
เมื่อรถยนต์ได้รับความเสียหายจากการขับขี่ หรือ บุคคล ทรัพย์สิน ทั้งที่อยู่นอกตัวรถ และในรถ ได้รับความเสียหาย ผู้เอาประกันจะสามารถเรียกร้องค่าชดใช้ โดยค่าชดใช้นี้จะถูกเรียกว่า "ค่าสินไหมทดแทน" ซึ่งอาจเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง หรือต่ำกว่า แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ในกรมธรรม์
โดยสรุปประกันรถยนต์สามารถคุ้มครองและลดความเสี่ยงทางด้านการเงิน จากการใช้รถยนต์โดยความคุ้มครองประกอบด้วย
- ความเสียหายที่เกิดแก่รถยนต์
- ความเสียหายที่รถยนต์ได้ทำให้เกิดขึ้น ต่อชีวิต ทรัพย์สิน ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลอื่น ทั้งที่อยู่ภายในรถและนอกรถ
ประเภทของประกันรถยนต์
[แก้]ประเภทของประกันที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ถูกจัดให้เป็นสากลทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ประกันรถยนต์แบบบังคับ และ แบบสมัครใจ โดยมีความแตกต่างกัน
ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance)
[แก้]คนไทยรู้จักกันในชื่อย่อคือ ประกันภัย พ.ร.บ. โดยที่รถยนต์ทุกคันจะต้องทำประกันนี้ โดยเป็นแบบบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยประกันภัยตัวนี้จะให้ความคุ้มครองพื้นฐานและรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ต่อชีวิต ร่างกาย ของผู้ประสบภัยจากรถยนต์ หากเกิดอุบัติเหตุขณะใช้ยานพาหนะ พ.ร.บ. ก็จะคุ้มครองในส่วนค่ารักษาพยาบาลทั้งคนขับ ผู้โดยสาร และคู่กรณี
สำหรับค่าใช้จ่ายของประกัน พ.รบ. ถูกแบ่งออกเป็น 12 ประเภทราคา สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์ [4]
ลำดับ | ประเภทรถและขนาดเครื่องยนต์ | การใช้รถยนต์ | |||
รหัส | ส่วนบุคคล
(บาท/ปี) |
รหัส | รับจ้าง/ให้เช่า/สาธารณะ
(บาท/ปี) | ||
1. | รถจักรยานยนต์ | 1.30 | 2.30 3.30 | ||
1.1 ไม่เกิน 75 ซี.ซี. | 150 | 150 | |||
1.2 เกิน 75 ซี.ซี.ไม่เกิน 125 ซี.ซี. | 300 | 350 | |||
1.3 เกิน 125 ซี.ซี. ไม่เกิน 150 ซี.ซี. | 400 | 400 | |||
1.4 เกิน 150 ซี.ซี. | 600 | 600 | |||
2. | รถสามล้อเครื่อง | 1.70 | 2.70 3.70 | ||
2.1 ในเขต กทม. | 720 | 1,440 | |||
2.2 นอกเขต กทม. | 400 | 400 | |||
3. | รถสกายแลป | 1.71 | 400 | 2.71 3.71 | 400 |
4. | รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน | 1.10 | 600 | 2.10 3.10 | 1,900 |
5. | รถยนต์โดยสารเกิน 7 คน ขนาดที่นั่ง | 1.20 | 2.20 3.20 | ||
5.1 ไม่เกิน 15 ที่นั่ง | 1,100 | 2,320 | |||
5.2 เกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง | 2,050 | 3,480 | |||
5.3 เกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง | 3,200 | 6,660 | |||
5.4 เกิน 40 ที่นั่ง | 3,740 | 7,520 | |||
รถยนต์โดยสารหมวด 4 | |||||
(วิ่งระหว่างอำเภอกับอำเภอในจังหวัด) | |||||
5.5 ไม่เกิน 15 ที่นั่ง | - | 1,580 | |||
5.6 เกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง | - | 2,260 | |||
5.7 เกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง | - | 3,810 | |||
5.8 เกิน 40 ที่นั่ง | - | 4,630 | |||
6. | รถยนต์บรรทุก | 1.40 | 2.40 3.40 | ||
6.1 น้ำหนัก ไม่เกิน 3 ตัน | 900 | 1,760 | |||
6.2 น้ำหนัก เกิน 3 ตัน ไม่เกิน 6 ตัน | 1,220 | 1,830 | |||
6.3 น้ำหนัก เกิน 6 ตัน ไม่เกิน 12 ตัน | 1,310 | 1,980 | |||
6.4 น้ำหนัก เกิน 12 ตัน | 1,700 | 2,530 | |||
7. | รถยนต์บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส หรือกรด | 1.42 | 2.42 3.42 | ||
ขนานน้ำหนักรวม | |||||
7.1 ไม่เกิน 12 ตัน | 1,680 | 1,980 | |||
7.2 เกิน 12 ตัน | 2,320 | 3,060 | |||
8. | หัวรถลากจูง | 1.50 | 2,370 | 2.50 3.50 | 3,160 |
9. | รถพ่วง | 1.60 | 600 | 2.60 3.60 | 600 |
10. | รถยนต์ป้ายแดง(การค้ารถยนต์) | 4.01 | 1,530 | ||
11. | รถยนต์ที่ใช้ในการเกษตร | 4.06 | 90 | ||
12. | รถยนต์ประเภทอื่นๆ | 4.07 | 770 |
และมีการแบ่งอีก 3 ประเภทสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า[4]
ลำดับ | ประเภทรถและขนาดเครื่องยนต์ | การใช้รถยนต์ | |||
รหัส | ส่วนบุคคล
(บาท/ปี) |
รหัส | รับจ้าง/ให้เช่า/สาธารณะ
(บาท/ปี) | ||
1. | รถจักรยานยนต์ | 1.30E | 300 | 2.30E 3.30E | 350 |
2. | รถสามล้อ | 1.70E | 500 | 2.70E 3.70E | 1,440 |
3. | รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน | 1.10E | 600 | 2.10E 3.20E | 1,900 |
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (Voluntary Motor Insurance)
[แก้]เป็นการทำประกันระหว่าง ผู้เอาประกันภัย กับ ผู้รับประกันภัย หรือบริษัทประกัน โดยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองรูปแบบต่างๆได้โดยไม่มีการบังคับทางกฎหมาย โดยการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกินจาก ประกันภัย พ.ร.บ.
ในปี 2564 ประกันรถยนต์แบบสมัครใจ[5] ถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภท หลัก[6]
- ประกันรถยนต์ ประเภท 1
- ประกันรถยนต์ ประเภท 2
- ประกันรถยนต์ ประเภท 3
- ประกันรถยนต์ ประเภท 4 (กรมธรรม์คุ้มครองต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก)
- ประกันรถยนต์ ประเภท 5 (ประกันรถยนต์คุ้มครองภัยเฉพาะ) มีอีกชื่อหนึ่งว่า 2 พลัส และ 3 พลัส
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1
[แก้]เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีเบี้ยราคาสูงที่สุด แต่ให้ความคุ้มครองมากที่สุดเมื่อเทียบกันกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทอื่นๆ เหมาะกับรถยนต์ป้ายแดงหรือมือใหม่ที่เพิ่งหัดขับรถยนต์ โดยมีความคุ้มครองหลัก 3 ประการ
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก มีจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ต่อคน โดยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นกับ ชีวิต และ ร่างกาย ของบุคคลภายนอก แต่ไม่ได้รับผิดในด้านกฎหมาย ที่ผู้ขับขี่อาจเป็นผู้กระทำผิด แม้ไม่ใช่ผู้ขับขี่ที่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ก็ตาม นอกจากนี้ ความรับผิดครอบคลุมถึง ความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยและบุคคลภายนอก โดยค่าสินไหมจะไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในสัญญาหรือกรมธรรม์
- ความรับผิดเมื่อรถยนต์สูญหาย น้ำท่วม หรือ ไฟไหม้ การรับผิดชอบของบริษัทประกัน ที่ผู้เอาประกัน ได้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ไว้ จะครอบคลุมถึงการสูญหายของรถยนต์ รวมถึงเครื่องตกแต่ง อุปกรณ์ตกแต่ง ตามมาตรฐาน รวมถึงอุปกรณ์ที่ตกแต่งทำเพิ่มขึ้นด้วย แต่การรับผิดชอบต่อการสูญหายนั้นไม่รวมถึงการกระทำผิดฐานฉ้อโกง เพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ไฟไหม้ บริษัทประกันวินาศภัยจะชดใช้ ไม่ว่าจะเป็นการไหม้จากเหตุผลใดก็ตาม
- ความเสียหายต่อรถยนต์ รวมถึงตัวรถยนต์ อุปกรณ์ ของตกแต่งรถ และ อุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงาน หรือ ศูนย์จำหน่ายรถยนต์ อย่างไรก็ดี ของตกแต่งรถใหม่ที่เกิดขึ้น จะต้องมีการแจ้งบริษัทประกันให้ทราบก่อนจึงจะเป็นส่วนที่ทางบริษัทประกันรับผิดชอบค่าเสียหาย
โดยสรุปประกันรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย และ คู่กรณี โดยรับผิดชอบแม้ไม่มีคู่กรณี รวมถึงการประกันตัวในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกควบคุมตัวในคดี
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2
[แก้]ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ มีราคาใกล้เคียงกันกับประเภท 1 โดยมีความแตกต่างกันหลักที่ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถยนต์ คือบริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าชดเชยหากไม่มีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะ เช่นการขับรถชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า เป็นต้น ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 เหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่สูงและต้องการประหยัดเบี้ยประกันภัย
ประกันภัยรถนต์ ประเภท 3
[แก้]มีราคาค่าเบี้ยประกันต่ำกว่า สองประเภทแรก ด้วยราคาที่ต่ำกว่าทำให้การคุ้มครองลดลง โดยจะไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย แต่จะคุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอก และคู่กรณีเท่านั้น แต่สำหรับค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าสินไหมในกรณีเสียชีวิตจะมีการคุ้มครองทั้งผู้เอาประกันภัยและบุคคลภายนอกตามปกติ
ประกันรถยนต์ ประเภท 4
[แก้]เป็นประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองต่อบุคคลภายนอกโดยเฉพาะ บริษัทประกันจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับบุคคลภายนอกตามความเสียหายที่แท้จริง ไม่เกิน 100,000 บาท ต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือ ต่อครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีการใช้รถยนต์อยู่เป็นประจำ
ประกันรถยนต์ประเภท 5
[แก้]ถูกแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ซึ่งครอบคลุมความเสียหายที่มีต่อร่างกาย ชีวิต และ อนามัยของบุคคลภายนอก หรือ รถยนต์ของคู่กรณี รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ที่เอาประกัน และยังคุ้มครองต่อการสูญหายและไฟไหม้อีกด้วย
ประกันรถยนต์ประเภท 5 แบบประกัน 2 พลัส (2+)
[แก้]คล้ายกันกับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2 โดยมีการเพิ่มความรับผิดต่อความเสียหายกับตัวรถที่เอาประกันภัยและที่ชนกับพาหนะทางบกเท่านั้น
ประกันรถยนต์ประเภท 5 แบบประกัน 3 พลัส (3+)
[แก้]เช่นเดียวกันกับประกันแบบ 2 พลัส แต่ไม่คุ้มครองในกรณีไฟไหม้ และ สูญหาย
ประเภท/
ความคุ้มครอง |
หมวดการความรับผิดต่อบุคคลภายนอก | หมวดการ
คุ้มครองรถยนต์ สูญหาย ไฟไหม้ |
หมวดการคุ้มครอง
ความเสียหายต่อ รถยนต์ | |
ความเสียหายต่อชีวิต
ร่างการ หรืออนามัย |
ความเสียหายต่อ
ทรัพย์สิน | |||
ประเภท 1 | ✓ | ✓ | ✓ | ✓ |
ประเภท 2 | ✓ | ✓ | ✓ | |
ประเภท 3 | ✓ | ✓ | ||
ประเภท 4 | ✓ | |||
ประเภท 2+ | ✓ | ✓ | ✓ | เฉพาะรถยนต์ |
ประเภท 3+ | ✓ | ✓ | เฉพาะรถยนต์ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "การประกันภัยรถยนต์". สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย.
- ↑ "Road Traffic Act 1930". www.legislation.gov.uk (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-03-28.
- ↑ "Germany's law on compulsory motor insurance marks its 75th anniversary" (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-03-28.[ลิงก์เสีย]
- ↑ 4.0 4.1 "อัตราเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ." สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย.
- ↑ "เคลมประกัน ตอนเกิดอุบัติเหตุ เราและคู่กรณีต้องทำอย่างไรบ้าง". เพื่อนแท้เงินด่วน. 2023-05-03.
- ↑ 6.0 6.1 TGIA. "การประกันภัยรถยนต์คืออะไร?". www.tgia.org (ภาษาอังกฤษ).