ข้ามไปเนื้อหา

บ่าย

นี่คือบทความคุณภาพ คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สวน Türkenschanzpark ในเวียนนาระหว่างเวลาบ่ายอ่อน ๆ
ผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ในนครนิวยอร์กระหว่างเวลาบ่ายแก่ ๆ

ในวันหนึ่ง ๆ บ่าย เป็นเวลาระหว่างเที่ยงวันถึงเย็น โดยเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนต่ำลงจากจุดสูงสุดบนท้องฟ้าไปทางขอบฟ้าด้านตะวันตก สำหรับมนุษย์ บ่ายถือเป็นครึ่งหลังของวันทำงานและการเรียน นอกจากนี้ ยังมีผลต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และผลิตภาพทางเศรษฐกิจด้วย โดยทั่วไป ในช่วงบ่ายต้น ๆ หลังอาหารกลางวัน สมรรถนะในการทำงานและความตื่นตัวมักลดลง ทำให้ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุทางรถยนต์เพิ่มขึ้น

ศัพทมูลวิทยา

[แก้]

บ่าย เป็นช่วงเวลาระหว่างเที่ยงวันและเย็น[1] ซึ่งขอบเขตของเวลาบ่ายอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเย็นเริ่มเมื่อใด จึงไม่มีคำนิยามที่เป็นมาตรฐาน ปัจจุบัน เที่ยงวันถูกกำหนดไว้ที่ 12:00 น.[2] แต่ตอนบ่ายจะขึ้นอยู่กับเวลาเย็นเริ่มต้นเมื่อใด จึงไม่มีคำนิยามที่เป็นมาตรฐาน[3] อย่างไรก็ตาม ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึง 14 คำว่าเที่ยงวันเคยหมายถึงเวลาบ่ายสาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนเวลาสวดมนต์และมื้ออาหารกลางวันในขณะนั้น ส่งผลให้ช่วงเวลาบ่ายในอดีตสั้นกว่าที่เข้าใจกันในปัจจุบัน[4]

คำว่า afternoon ในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า after และ noon โดยมีการบันทึกการใช้ครั้งแรกประมาณ ค.ศ. 1300 ในภาษาอังกฤษยุคกลาง นอกจากคำว่า afternoon แล้ว ยังมีคำว่า aftermete ซึ่งมีความหมายเดียวกัน ในศตวรรษที่ 15 และ 16 การกล่าวถึงช่วงบ่ายในภาษาอังกฤษมักใช้ว่า at afternoon ก่อนจะเปลี่ยนเป็น in the afternoon ตั้งแต่นั้นมา[5] ในภาษาอังกฤษอเมริกันภาคใต้ และภาษาอังกฤษอเมริกันภาคกลาง บางครั้งคำว่า evening ครอบคลุมทั้งเวลากลางวันและกลางคืน[3] ในภาษาไอริช มีคำที่ใช้ระบุช่วงเวลาตั้งแต่บ่ายแก่จนถึงพลบค่ำมากถึงสี่คำ เนื่องจากช่วงเวลานี้ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ลึกลับ[6] ในเชิงอุปมา afternoon ยังสามารถหมายถึงช่วงปลายของเวลา หรือบั้นปลายชีวิตของบุคคลหนึ่งได้ด้วย[1]

คำว่า afternoon ไม่ควรสับสนกับคำว่า "after noon" ที่มีความหมายเดียวกับ post meridiem (p.m.) และใช้ระบุช่วงเวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 00.00 น.

กิจกรรม

[แก้]

บ่ายเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนต่ำลงจากจุดสูงสุดของวัน โดยระหว่างช่วงบ่าย ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนจากกึ่งกลางท้องฟ้าไปทางทิศตะวันตก ในช่วงบ่ายแก่ แสงอาทิตย์มักจะส่องสว่างจ้าและแยงตามากขึ้น เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ในมุมที่ต่ำลงบนท้องฟ้า[7] เวลาทำงานมาตรฐานในประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่ายแก่หรือเย็นตอนต้น โดยทั่วไปคือระหว่าง 9.00 น. ถึง 17.00 น. ดังนั้นกิจกรรมที่เกิดขึ้นหลังเวลาทำงานมักอยู่ในช่วงบ่ายต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเย็น[8] โดยทั่วไป โรงเรียนมักเลิกเรียนในช่วงบ่ายกลาง ๆ ประมาณ 15.00 น.[9] ในขณะที่ในเดนมาร์ก ช่วงบ่ายถูกกำหนดให้ครอบคลุมระหว่าง 13.00 ถึง 17.00 น.[10]

ผลกระทบต่อชีวิต

[แก้]

ฮอร์โมน

[แก้]

ในสัตว์ที่มีกิจกรรมในเวลากลางวัน ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในเลือด ซึ่งช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ส่งเสริมเมแทบอลิซึม และตอบสนองต่อความเครียด มักจะคงที่ที่สุดในช่วงบ่าย หลังจากลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม ระดับคอร์ติซอลในช่วงบ่ายยังไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับและแสงแดดมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ ช่วงเวลานี้จึงมักถูกใช้ในการวิจัยเกี่ยวกับความเครียดและระดับฮอร์โมน[11] สำหรับพืช โดยทั่วไปกระบวนการสังเคราะห์แสงมักอยู่ในระดับสูงสุดในช่วงเที่ยงวันถึงบ่ายต้น ๆ เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ในมุมที่สูงบนท้องฟ้า การปลูกข้าวโพดในปริมาณมากทั่วโลกมีผลต่อระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพียงเล็กน้อยและไม่เป็นอันตรายในรูปแบบปกติ เนื่องจากข้าวโพดสังเคราะห์แสงและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากในช่วงกลางวัน ก่อนที่กระบวนการนี้จะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงบ่ายแก่และช่วงเย็น[12]

อุณหภูมิร่างกาย

[แก้]

ในมนุษย์ อุณหภูมิร่างกายมักสูงที่สุดในช่วงบ่ายกลางถึงบ่ายแก่[13] อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบความแข็งแรงทางกายภาพของนักกีฬาที่ใช้เครื่องออกกำลังกาย ไม่พบความแตกต่างทางสถิติหลังมื้อกลางวัน [13] สำหรับฟาร์มปศุสัตว์ เจ้าของฟาร์มมักได้รับคำแนะนำให้สร้างโรงเรือนในแนวตะวันออก-ตะวันตกสำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ แทนที่จะเป็นแนวเหนือ-ใต้ เนื่องจากอาคารที่หันไปทางตะวันออก-ตะวันตกสามารถออกแบบให้มีผนังด้านทิศตะวันออกและตะวันตกที่หนากว่า เพื่อป้องกันมุมแสงแดดที่รุนแรงและความร้อนสูงในช่วงบ่ายแก่ หากสัตว์เลี้ยงได้รับความร้อนมากเกินไป พวกมันมีแนวโน้มที่จะก้าวร้าวและให้ผลผลิตลดลง[7]

ความตื่นตัว

[แก้]
อุบัติเหตุทางรถยนต์ เช่นนี้ในโปแลนด์มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงบ่าย โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

ช่วงบ่าย โดยเฉพาะช่วงบ่ายต้น ๆ มักเป็นช่วงที่สมรรถภาพทางปัญญาและประสิทธิภาพการทำงานลดลง ที่น่าสังเกตคือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงบ่าย ซึ่งอาจเกิดจากผู้ขับขี่เพิ่งทานอาหารกลางวัน[14] การศึกษาสถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์ในสวีเดนระหว่างปี 1987 ถึง 1991 พบว่าเวลาประมาณ 17:00 น. เป็นช่วงที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากที่สุด โดยมีจำนวนประมาณ 1,600 ครั้ง เทียบกับประมาณ 1,000 ครั้งในช่วงเวลา 16:00 น. และ 18:00 น. แนวโน้มนี้อาจได้รับอิทธิพลจากชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงบ่าย อย่างไรก็ตาม ที่น่าสังเกตคือชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้ามีจำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นน้อยกว่ามาก[15] ในฟินแลนด์ อุบัติเหตุในอุตสาหกรรมการเกษตรมักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในช่วงบ่าย โดยเฉพาะช่วงบ่ายวันจันทร์ในเดือนกันยายน[16]

ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาผู้ศึกษาจังหวะการทำงานของร่างกายพบว่า นักเรียนทำข้อสอบได้ดีกว่าในช่วงเช้า เมื่อเทียบกับตอนบ่ายที่คะแนนลดลงเล็กน้อย และยิ่งแย่ลงในช่วงเย็น อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างเหล่านี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ[13] จากการศึกษาวิจัย 4 ครั้งที่ดำเนินการในปี 1997 พบว่าผู้เข้าทดสอบใช้เวลาตอบสนองนานขึ้นในการแยกความแตกต่างของป้ายจราจร เมื่อทำการทดสอบเวลา 15.00 น. และ 18.00 น. เมื่อเทียบกับเวลา 9.00 น. และ 21.00 น. แนวโน้มนี้เกิดขึ้นสม่ำเสมอในทุกการศึกษา และพบทั้งในคำถามที่ซับซ้อนและเป็นนามธรรม[17] อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจากสหราชอาณาจักรไม่พบความแตกต่างของผลการสอบ A-level จากข้อสอบกว่า 300,000 ไม่ว่าจะสอบในช่วงเช้าหรือบ่าย [18]

ประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์มักจะลดลงในช่วงบ่าย โรงไฟฟ้าพบว่าผลผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเช้า โดยความแตกต่างเด่นชัดที่สุดในวันเสาร์ และน้อยที่สุดในวันจันทร์[19] การศึกษาช่วงปี ค.ศ. 1950 ที่ติดตามคนงานหญิงสองคนในโรงงานเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าประสิทธิภาพการทำงานของพวกเธอลดลงร้อยละ 13 ในช่วงบ่าย โดยชั่วโมงสุดท้ายของวันเป็นช่วงที่มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด สาเหตุหลักมาจากช่วงพักส่วนตัวและกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตในที่ทำงาน[20] อีกการศึกษาหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าพบว่าประสิทธิภาพการทำงานลดลงมากขึ้นในช่วงบ่าย โดยเฉพาะเมื่อทำงานในกะยาว[21]

จังหวะการทำงานของร่างกายมนุษย์ไม่ได้เหมือนกันทุกคน การศึกษาหนึ่งในอิตาลีและสเปนให้เด็กนักเรียนกรอกแบบสอบถามและจัดอันดับตามมาตรวัด " ช่วงเช้า–ช่วงเย็น " ผลลัพธ์แสดงเป็นเส้นโค้งรูประฆัง มาตรฐาน โดยพบว่าระดับความตื่นตัวตลอดวันมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับคะแนนแบบสอบถาม ทุกกลุ่ม กลุ่มที่ตื่นช่วงเช้า ช่วงเย็น และระดับกลาง มีความตื่นตัวสูงระหว่าง 14.00 น. ถึง 20.00 น. แต่ในช่วงเวลาอื่น ระดับความตื่นตัวของแต่ละคนเป็นไปตามแนวโน้มที่สะท้อนในคะแนนของพวกเขา[22]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Afternoon". Merriam-Webster. สืบค้นเมื่อ October 9, 2014.
  2. "Noon". Merriam-Webster. สืบค้นเมื่อ October 9, 2014.
  3. 3.0 3.1 "Evening". Merriam-Webster. สืบค้นเมื่อ October 9, 2014.
  4. "noon (n.)". Online Etymology Dictionary. 2001. สืบค้นเมื่อ October 10, 2014.
  5. "afternoon (n.)". Online Etymology Dictionary. 2001. สืบค้นเมื่อ October 10, 2014.
  6. Ekirch 2006, p. xxxii
  7. 7.0 7.1 Aggarwal & Upadhyay 2013, p. 172
  8. "Nine-to-fiver". Merriam-Webster. สืบค้นเมื่อ October 9, 2014.
  9. Voght, Kara (2018-09-05). "Why Does the School Day End Two Hours Before the Workday?". The Atlantic. สืบค้นเมื่อ 2021-02-11.
  10. "eftermiddag — Den Danske Ordbog". ordnet.dk. สืบค้นเมื่อ 2023-04-23.
  11. Blaskovich 2011, p. 74
  12. Sinclair & Weiss 2010, p. 118
  13. 13.0 13.1 13.2 Refinetti 2006, p. 556
  14. McCabe 2004, p. 588
  15. Refinetti 2006, p. 559
  16. McCabe 2004, p. 471
  17. McCabe 2004, p. 590
  18. Quartel, Lara (2014). "The effect of the circadian rhythm of body temperature on A-level exam performance". Undergraduate Journal of Psychology. 27 (1).
  19. Ray 1960, p. 11
  20. Ray 1960, p. 12
  21. Ray 1960, p. 18
  22. Refinetti 2006, p. 561

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
  • วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Afternoon
  • นิยามแบบพจนานุกรมของ afternoon ที่วิกิพจนานุกรม