ชูเช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก จูเช)

ชูเช (เกาหลี주체; ฮันจา主體) ปกติแปลว่า "การพึ่งตนเอง" เป็นถ้อยแถลงทางการเมืองโดย คิม อิล-ซ็อง อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งกล่าวว่า มวลชนชาวเกาหลีเป็นนายแห่งการพัฒนาประเทศ นับแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 ถึง 1970 คิมและนักทฤษฎีอื่นของพรรค เช่น ฮวัง จัง-ย็อบ เสริมแต่งความคิดชูเชเป็นชุดหลักการซึ่งรัฐบาลใช้อ้างเหตุผลการตัดสินใจนโยบาย ในบรรดานโยบายเหล่านั้น ได้แก่ ทัศนคติทหารเข้มแข็งและการพึ่งพาทรัพยากรของชาติเกาหลี ชูเชถูกกล่าวหาว่าเป็นศาสนาการเมืองแม้เกาหลีเหนือเป็นอเทวนิยมโดยรัฐ (state atheism) อย่างเป็นทางการ

ในช่วงทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา เกาหลีเหนือต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างหนัก ส่งผลให้เศรษฐกิจเกาหลีเหนือถดถอยลง รัฐบาลก็ประกาศให้ใช้ชูเชแบบเข้มข้นขึ้น

ประวัติ[แก้]

ต้นกำเนิด[แก้]

ชูเช
โชซ็อนกึล
주체사상
ฮันจา
อาร์อาร์Juche sasang
เอ็มอาร์Chuch'e sasang

ชูเช เป็นคำศัพท์จีน-เกาหลีที่ยากจะแปล ตามตัวอักษรมันหมายถึง "อัตวิสัย" หรือ "ตัวแทน" และในวาทกรรมทางการเมืองมีความหมายโดยนัยของ "การพึ่งพาตัวเอง" และ "ความเป็นอิสระ"[1][2] การอ้างอิงแรกที่เป็นที่รู้จักของชูเชในฐานะอุดมการของเกาหลีเหนือคือคำปราศรัยกล่าวโดยคิม อิล-ซ็องเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม คริสศักราช 1955 หัวข้อว่า "บนการกำจัดลัทธิและความเป็นพิธีและการสถาปนา "ชูเช" ในงานทางอุดมการณ์" ถูกตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการกวาดล้างทางการเมืองซึ่งคล้ายกับขบวนการสัตยาบันหยานอันที่มามาก่อนในจีน[3]

ฮวัง จัง-ย็อบ ผู้เป็นที่ปรึกษาสูงสุดของคิมในด้านอุดมการณ์ ได้ค้นพบถ้อยแถลงของคิมเมื่อคริสต์ศักราช 1955 ในเวลาที่คิมได้สถาปนาลัทธิบูชาบุคคล[4]ได้ค้นหาเพื่อจะพัฒนาลัทธิมากซ์–เลนินแบบของเขาเองให้เขากับหลักความเชื่อของเกาหลีเหนือ[5][6] เหมือนกับลัทธิมากซ์–เลนิน อุดมการณ์ ชูเช นำเอาอเทวนิยมโดยรัฐมาใช้ด้วย[7] แหล่งข่าวชาวเกาหลีเหนือเสนอว่าต้นกำเนินของ "ชูเช" เป็นผลจากคำแถลงของคิม อิล-ซ็องในวันที่ 30 มิถุนายน คริสต์ศักราช 1930[8]

พัฒนาการ[แก้]

ในการปราศรัย ค.ศ. 1955 ของเขา ชูเช ถูกอ้างถึงเป็นครั้งแรก คิม อิล-ซ็องได้แถลงว่า [9]: 421 : 422 

เพื่อที่จะปฏิวัติเกาหลี เราต้องรู้ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของเกาหลี รวมทั้งจารีตประเพณีของประชาชนเกาหลี เมื่อนั้นการให้การศึกษาประชาชนในทางที่เหมาะสมกับพวกเขาและเพื่อสร้างบันดาลใจให้ความรักในบ้านเกิดของพวกเขาและแผ่นดินแม่ของพวกเขาในหมู่พวกเขาได้ลุกโชนขึ้นก็จะเป็นไปได้

ถ้อยแถลงมุ่งเน้นไปที่ความสำคัญของการศึกษาประวัติศาสตร์เกาหลี ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ของประชาชนเกาหลีจะ"กระตุ้นควาามภูมิใจในชาติและและกระตุ้นมวลชนในวงกว้างที่จะต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ" เน้นที่เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมาและวิธีป้องกันผลลัพธ์บางประการ การต่อสู้ได้รับการจดจำ การไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่ผ่านมาของพวก หรือปฏิเสธมันจะหมายถึง "ว่าประชาชนไม่ได้ทำอะไร"

ในถ้อยแถลง "ว่าด้วยการก่อสร้างแบบชาวสังคมนิยมและการปฏิวัติเกาหลีใต้ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี" กล่าวเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.1965 คิม อิล-ซ็องได้วางโครงร่างหลักการพื้นฐานของชูเชดังนี้:

  1. ความเป็นอิสระทางการเมือง (เกาหลี자주; ฮันจา自主; อาร์อาร์jaju; เอ็มอาร์chaju)
  2. การเลี้ยงดูตนเองทางเศรษฐกิจ (เกาหลี자립; ฮันจา自立; อาร์อาร์jarip; เอ็มอาร์charip)
  3. การพึ่งพาตนเองในการป้องกันประเทศ (เกาหลี자위; ฮันจา自衛; อาร์อาร์jawi; เอ็มอาร์chawi)

อ้างอิง[แก้]

  1. Cumings 1997, pp. 207, 403–404.
  2. Abt 2014, pp. 73–74.
  3. 高麗大學校亞細亞問題硏究所 (1970). Journal of Asiatic Studies. 13 (3–4): 63. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  4. Choe, Yong-ho., Lee, Peter H., and de Barry, Wm. Theodore., eds. Sources of Korean Tradition, Chichester, NY: Columbia University Press, p. 419, 2000.
  5. Becker, Jasper (2005). Rogue Regime: Kim Jong Il and the Looming Threat of North Korea. New York City: Oxford University Press. ISBN 0-19-517044-X.
  6. French, Paul. North Korea: The Paranoid Peninsula – A Modern History.2nd ed. New York: Zed Books, 2007. 30. Print.
  7. Williamson, Kevin. The Politically Incorrect Guide to Socialism. Regnery Publishing. 2010. p128.
  8. Hyung-chan Kim and Tong-gyu Kim. Human Remolding in North Korea: A Social History of Education. Lanham, MD: University Press of America. 2005. p. 10.
  9. Cumings, Bruce (2005). Korea's Place in the Sun: a Modern History. New York: W.W. Norton.