ความพยายามลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2
จุดเกิดเหตุหมายลอบปลงพระชนม์ มีแผ่นหินขาวแสดงเป็นจุตสังเกต ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์
สถานที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน
วันที่13 พฤษภาคม 1981; 42 ปีก่อน (1981-05-13)
เป้าหมายสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2
ประเภทต้องพระแสงปืน
อาวุธบราวนิง ไฮ-พาวเวอร์
เจ็บ3
ผู้ก่อเหตุเมห์เม็ด อะลี อาดจา (เกรย์วูล์เฟส)

เหตุลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981 ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ต้องพระแสงปืน 4 นัดที่ยิงโดยนาย เมห์เม็ด อะลี อาดจา จนประชวรเสียพระโลหิตเป็นจำนวนมาก ระหว่างที่เสด็จฯ ยังจัตุรัสนั้น นายอาดจา ถูกควบคุมตัวทันที และต้องโทษจำคุกในเรือนจำตลอดชีวิตโดยศาลอิตาลี ภายหลังสมเด็จพระสันตะปาปาฯ พระราชทานอภัยโทษนายอาดจา จากเหตุลอบปลงพระชนม์ดังกล่าว[1] ต่อมาได้รับการอภัยโทษโดยประธานาธิบดีอิตาลี การ์โล อาเซลโย ชัมปี ตามพระราชประสงค์ฯ และถูกเนรเทศไปยังประเทศตุรกีในเดือนมิถุนายน 2000

เหตุการณ์[แก้]

รถยนต์พระที่นั่ง เฟียต โป๊ปโมบิล ที่ซึ่งพระสันตะปาปาประทับขณะเกิดเหตุ ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์วาติกัน

ในปี 1979 นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่านายอาจา ผู้ซึ่งเป็น "ฆาตกรที่ยอมรับผิดเองผู้ก่อเหตุฆาตกรรมนักหนังสือพิมพ์ชาวอิสตันบูลผู้หนึ่ง" (ซึ่งคือ อาบดี อิเปคจี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ตุรกี มิลลิเย็ต) เคยบรรยายถึงพระสันตะปาปาว่าทรงเป็น "ผู้นำครูเสดส์ใต้หน้ากาก" และข่มขู่จะยิงพระองค์หากไม่ยอมเปลี่ยนแผนการเสด็จเยือนประเทศตุรกี[2] ซึ่งมีกำหนดการในปลายเดือนพฤศจิกายน 1979[3] ในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวยังระบุเพิ่มว่า (หนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 28 พฤศจิกายน 1979) การก่อนเหตุปลงพระชนม์นี้จะเป็นการล้างแค้นต่อการโจมตีที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้นที่มัสยิดอัลฮะรอมในมักกะฮ์ ซึ่งดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน และเขาโทษว่าเป็นความผิดของสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล[4]

นับตั้งแต่สิงหาคม 1980 อาดจา ภายใต้ความช่วยเหลือของวิลเปรี (Vilperi) นายอาดจาเริ่มกระทำการข้ามพรมแดนในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนอย่างชาญฉลาด เขาปลอมแปลงพาสปอร์ตและเอกสารระบุตัวตน เป็นไปได้ว่าเพื่อปิดบังที่กำเนิดของเขาซึ่งอยู่ที่โซเฟีย, ประเทศบัลแกเรีย เขาเดินทางถึงโรมในวันที่ 10 พฤษภาคม 1981 ผ่านทางรถไฟจากมิลาน อาดจาระบุไว้ในคำให้การหลังเกิดเหตุว่า เขาพบกับผู้สมรู้ร่วมคิดในโรมสามคน เป็นชาวเติร์กหนึ่งคน และอีกสองคนเป็นชาวบัลแกเรีย วางแผนโดย Zilo Vassilev ผู้ช่วยทูตการทหารชาวบัลแกเรียในอิตาลี ผู้ระบุว่าถูกมอบหมายโดยลูกน้องมาเฟียชาวเติร์ก Bekir Çelenk ในประเทศบัลแกเรีย[5] อาดจาระบุว่าแผนการสำหรับเขากับมือปืนสำรอง Oral Çelik คือการยิงปืนเข้าใส่พระสันตะปาปาที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์และหลบหนีผ่านทางสถานทูตบัลแกเรียภายใต้การอำพรางโดยความวุ่นวายในฝูงชนจากเหตุระเบิดขนาดเล็ก

ในวันที่ 13 พฤษภาคม ผู้ก่อการนั่งอยู่ในจัตุรัสและเขียนไปรษณียบัตรขณะรอพระสันตะปาปาเสด็จฯ หลังพระสันตะปาปาเสด็จผ่านบรรดาผู้รอเข้าพบพระองค์ด้วยความปิติ อาดจายิงปืนจำนวนสี่นัดใส่พระองค์เมื่อเวลา 17:17[6] โดยใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ 9mm บราวนิงไฮเพาเวอร์ ส่งผลให้พระองค์ประชวรสาหัส จากนั้นอาดจาหลบหนีจากที่เกิดเหตุขณะที่ฝูงชนตกอยู่ในความตกใจและหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะทิ้งปืนโดยการโยนเข้าใต้รถบรรทุกคันหนึ่ง แต่ขณะพยายามหลบหนี เขาถูกจับกุมโดยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยวาติกัน กามิลโล กิบิน[7], แม่ชีรูปหนึ่ง และผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกหลายคนผู้ขัดขวางไม่ให้เขายิงปืนเพิ่มและหลบหนี เขาถูกจับกุมในทันที กระสุนทั้งสี่นัดที่ยิงไปนั้นถูกเข้าพระสันตะปาปาทั้งหมด สองนัดฝังเข้าในลำไส้ตอนล่าง และอีกสองนัดทะลุนิ้วชี้ซ้ายและแขนขวาของพระองค์ รวมถึงมีผู้ยืนเข้าชมพระองค์ได้รับบาดเจ็บอีกสองคน คือแอนน์ ออเดร (Ann Odre) จากเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ผู้ถูกกระสุนเข้าที่ทรวงอก และโรส ฮอลล์ (Rose Hall) ผู้ได้รับบาดแผลเล็กน้อยที่แขน[8][9][10] พระสันตะปาปาถูกนำส่งพระองค์ไปยังโรงพยาบาลโดยทันที ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจตราบริเวณรอบที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุ Çelik ตระหนกกลัวจนหนีจากที่เกิดเหตุทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้จุดชนวนระเบิดขนาดเล็กที่ได้รับมอบหมายให้ทำ

อ้างอิง[แก้]

  1. "Man who shot pope mourning his death, lawyer says". MSNBC. 4 April 2005. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-20. สืบค้นเมื่อ 20 January 2013.
  2. A. Humeyra Atilgan (26 November 2014). "John Paul II's visit sparked little interest in Turkey". Anadolu Agency. สืบค้นเมื่อ 23 February 2021. ... AA remembers John Paul II's 1979 visit ... reported by the New York Times.“One cause of concern was a threat to the pope by the self-confessed killer of an Istanbul newspaperman,” the paper said. "Ali Agca called the pontiff 'the masked leader of the crusades' and warned that if the visit were not canceled he would shoot the Roman Catholic leader.” Mehmet Ali Agca would indeed fire four bullets into John Paul II on May 13, 1981
  3. "Apostolic Journey to Turkey 1979". Vatican Library. สืบค้นเมื่อ 23 February 2021.
  4. Marvine Howe (28 November 1979). "POPE'S TURKISH VISIT GETS EXTRA SECURITY". New York Times. สืบค้นเมื่อ 23 February 2021. ANKARA, Turkey, Nov. 27 — ... Threat to Kill Pope
    One cause of concern was a threat to kill the Pope by the self‐confessed killer of an Istanbul newspaperman who escaped from a military prison Sunday. In a signed letter to the independent daily Milliyet, the paper whose editor was killed in February, the fugitive, Ali Agca, called the Pontiff “the masked leader of the Crusades,” and warned that if the visit were not canceled he would shoot the Roman Catholic leader in “revenge” for the recent attack on the Grand Mosque in the Islamic holy city of Mecca, an attack that he alleged was of American or Israeli origin.
  5. Lee, Martin A. (3 March 1997). "Les liaisons dangereuses de la police turque". Le Monde diplomatique (ภาษาฝรั่งเศส).
  6. "1981 Year in Review: Pope John Paul II Assasination [sic] Attempt". United Press International (UPI)). 1981.
  7. "Security Chief for the Vatican Was 'Guardian Angel' to Pope". The Wall Street Journal. 6 November 2009. สืบค้นเมื่อ 6 November 2009.
  8. "2 Americans Weep at Pope's Mention". Sarasota Herald-Tribune. 18 May 1981.
  9. "A Hospital Message from the Pope Offers Comfort to Fellow Sufferers". The New York Times. 25 May 1981.
  10. https://www.youtube.com/watch?v=Kk98C61dCMw