ชาวญี่ปุ่น
ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
ป. 125 ล้านคน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
ประเทศญี่ปุ่น 120.8 ล้านคน[1] | |
ชาวญี่ปุ่นพลัดถื่นโดยหลักอาศัยใน: | |
บราซิล | 2,000,000[2] (2022) |
สหรัฐ | 1,550,875[3] (2020) |
แคนาดา | 129,425[4] (2021) |
ฟิลิปปินส์ | 120,000[5][6][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้] |
เปรู | 103,182[7] (2021) |
จีน | 102,066[8] (2022)note |
ออสเตรเลีย | 94,942[8] (2022)note |
เม็กซิโก | 86,143[9] (2022) |
ไทย | 78,431[8] (2022)note |
อาร์เจนตินา | 76,440[10] (2020) |
สหราชอาณาจักร | 65,022[8] (2022)note |
เยอรมนี | 42,266[8] (2022)note |
เกาหลีใต้ | 41,717[8] (2022)note |
ฝรั่งเศส | 36,104[8] (2022)note |
สิงคโปร์ | 32,743[8] (2022)note |
มาเลเซีย | 24,545[8] (2022)note |
เวียดนาม | 21,819[8] (2022)note |
ไต้หวัน | 20,345[8] (2022)note |
ไมโครนีเชีย | 20,000[11][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้] (2018) |
ภาษา | |
ญี่ปุ่น | |
ศาสนา | |
โดยหลักในเชิงวัฒนธรรมผสมระหว่างชินโตกับพุทธ ส่วนน้อยนับถือคริสต์และศาสนาอื่น ๆ[12][13][14] | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
ชาวไอนุ · ชาวรีวกีว | |
^ หมายเหตุ: สำหรับประเทศนี้ นับเฉพาะบุคคลสัญชาติญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศถาวร แต่ไม่นับรวมผู้ที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น และจำนวนบุคคลที่มีเชื้อสายญี่ปุ่นนั้นไม่เป็นที่ทราบ |
ชาวญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本人; โรมาจิ: Nihonjin) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะญี่ปุ่น[15][16] ซึ่งเป็นประชากรร้อยละ 97.4 ของประเทศญี่ปุ่น[1] ส่วนทั่วโลกมีผู้มีเชื้อสายญี่ปุ่นประมาณ 125 ล้านคน ทำให้เป็นหนึ่งใน 8 กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุด มีชาวญี่ปุ่นประมาณ 120.8 ล้านคนเป็นพลเมืองญี่ปุ่น[1] ผู้ที่มีเชื้อสายญี่ปุ่นอาศัยนอกประเทศญี่ปุ่นประมาณ 4 ล้านคนถูกเรียกเป็น นิกเกจิง (日系人?)[17]
ในบางบริบท "ชาวญี่ปุ่น" อาจใช้เพื่ออ้างถึง ชาวยามาโตะจากญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะในบริบทอื่นๆ อาจรวมถึงกลุ่มอื่นๆที่มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะญี่ปุ่นรวมถึงชาวริวกิวซึ่งมีความสัมพันธ์กับตระกูลยามาโตะ แต่ก็มักถูกมองว่าแตกต่างและชาวไอนุ[18]
ประวัติ
[แก้]ทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดชาวญี่ปุ่น
[แก้]หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าผู้คนในยุคหินอาศัยอยู่ในหมู่เกาะญี่ปุ่นในยุคหินเก่าเมื่อ 39,000 ถึง 21,000 ปีก่อน[19][20] ต่อมาญี่ปุ่นเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่เอเชีย ด้วยสะพานบกอย่างน้อยหนึ่งแห่ง และชาวนักล่าสัตว์และรวบรวมอาหารเร่ร่อนได้ข้ามมายังญี่ปุ่น เมื่อมีการขุดพบเครื่องมือหินเหล็กไฟและอุปกรณ์กระดูกของยุคนี้ในเกาะญี่ปุ่น[21][22]
ในศตวรรษที่ 18 อาราอิ ฮากูเซกินักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเสนอแนวคิดว่า เครื่องมือหินโบราณในญี่ปุ่นถูกทิ้งไว้กลุ่มชนพื้นเมืองจากจีนและเกาหลี (นักวิชาการบางคนเสนอว่าพวกเขาเป็นชาวไอนุหรือชาวตุงกุสิก) ต่อมาฟิลลิพ ฟรันทซ์ ฟ็อน ซีบ็อลท์ได้โต้แย้งว่าชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองในภาคเหนือของญี่ปุ่น[23] อิฮะ ฟูยูนักวิชาการญี่ปุ่นเสนอว่าชาวญี่ปุ่นและชาวรีวกีวมีต้นกำเนิดทางชาติพันธุ์เดียวกัน โดยอิงจากการวิจัยของเขาในปี ค.ศ. 1906 เกี่ยวกับภาษารีวกีว[24] ในยุคไทโช นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ โทริอิ ริวโซอ้างว่าชาวยามาโตะใช้เครื่องปั้นดินเผาแบบยาโยอิและชาวไอนุใช้เครื่องปั้นดินเผาแบบโจมง[23]
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โคตนโดะ ฮาเซเบะและฮิซาชิ ซูซูกิอ้างว่าต้นกำเนิดของชาวญี่ปุ่นไม่ได้มาจากผู้มาใหม่ในยุคยาโยอิ (300 ปีก่อนคริสตกาล – 300 ปีหลังคริสตกาล) แต่มาจากผู้คนในยุคโจมง[25] อย่างไรก็ตาม คาซูโระ ฮานิฮาระได้ประกาศทฤษฎีการผสมผสานทางเชื้อชาติใหม่ในปี ค.ศ. 1984[26] ตามแนวคิดของฮานิฮาระ เชื้อสายญี่ปุ่นสมัยใหม่เริ่มต้นจากชาวโจมงซึ่งอพยพเข้ามาในหมู่เกาะญี่ปุ่นในช่วงยุคหินเก่า ตามด้วยคลื่นการอพยพครั้งที่สองจากเอเชียตะวันออกมายังญี่ปุ่นในช่วงยุคยาโยอิ (300 ปีก่อนคริสตกาล) หลังจากการขยายตัวของประชากรในช่วงยุคหินใหม่ ผู้มาใหม่เหล่านี้จึงได้เดินทางมายังหมู่เกาะญี่ปุ่นในช่วงใดช่วงหนึ่งในช่วงยุคยาโยอิ ส่งผลให้การแทนที่นักล่าสัตว์และรวบรวมอาหารเป็นเรื่องปกติในพื้นที่เกาะคิวชู,ชิโกกุและฮอนชูทางตอนใต้ แต่ไม่ได้แพร่หลายในหมู่เกาะริวกิวและฮอกไกโดที่อยู่ห่างไกลออกไปและชาวริวกิวและไอนุก็มีลักษณะที่ผสมผสานกัน
มาร์ก เจ. ฮัดสัน นักมานุษยวิทยาอ้างว่าภาพลักษณ์ทางชาติพันธุ์หลักของชาวญี่ปุ่นเกิดขึ้นทางชีววิทยาและภาษาตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลถึง 1,200 ปีหลังคริสตกาล[25] ทฤษฎีที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในปัจจุบันคือ ชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันก่อตัวขึ้นจากทั้งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสายพันธุ์ยาโยอิและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในยุคโจมง[27] อย่างไรก็ตามจากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้บางกรณีได้โต้แย้งว่าชาวโจมงมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก[28] หรือคนญี่ปุ่นอาจจะมีร่องรอยทางพันธุกรรมที่สำคัญจากกลุ่มประชากรโบราณสามกลุ่ม แทนที่จะเป็นเพียงสองกลุ่มเท่านั้น[29][30]
ยุคโจมงและยุคยาโยอิ
[แก้]เครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกบางชิ้นได้รับการพัฒนาโดยชาวโจมงในยุคหินเก่าตอนบน ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปได้ถึง 16,000 ปี ชื่อ "โจมง" (縄文 โจมง) หมายถึง "ลวดลายเชือกประทับ" และมาจากเครื่องหมายลักษณะเฉพาะที่พบในเครื่องปั้นดินเผา ชาวโจมงส่วนใหญ่เป็นนักล่าสัตว์และเก็บของป่า แต่ยังทำการเกษตรในยุคแรกๆ เช่น การปลูกถั่วอะซึกิ มีแหล่งโบราณคดีโจมงตั้งแต่กลางถึงปลายอย่างน้อยหนึ่งแห่ง (ญี่ปุ่น: Minami Mizote; โรมาจิ: 南溝手, (ประมาณ 1200–1000 ปีก่อนคริสตกาล) มีการปลูกข้าวแบบดั้งเดิม การเกษตรโดยอาศัยปลาและถั่วเป็นหลักสำหรับอาหาร รากเหง้าทางชาติพันธุ์ของประชากรในยุคโจมงมีความหลากหลาย และสามารถสืบย้อนไปจนถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โบราณ, ที่ราบสูงทิเบต, ไต้หวันโบราณและไซบีเรีย[27][31][32]
เมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล ชาวยาโยอิซึ่งมีต้นกำเนิดจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือได้เข้ามายังหมู่เกาะญี่ปุ่นและอพยพหรือรวมเข้ากับยุคโจมง ชาวยาโยอิได้นำเอาการทำนาข้าวและเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างการทำสำริดและเหล็กมาสู่ญี่ปุ่น ระบบการทำนาข้าวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้ชุมชนสามารถรองรับประชากรได้มากขึ้นและกระจายตัวออกไปตามกาลเวลา ซึ่งกลายมาเป็นพื้นฐานของสถาบันที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นและประกาศถึงอารยธรรมใหม่ของยุคโคฟุงที่ตามมา
ประชากรโดยประมาณของประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคโจมงมีประมาณ 800,000 คน เมื่อเทียบกับประมาณ 3 ล้านคนในยุคนาระ เมื่อพิจารณาถึงอัตราการเติบโตของสังคมการล่าสัตว์และเกษตรกรรมแล้ว คำนวณได้ว่ามีผู้อพยพประมาณ 1.5 ล้านคนย้ายเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว จากการศึกษาหลายชิ้นพบว่าชาวยาโยอิได้สร้าง "สังคมลำดับชั้นของญี่ปุ่น" ขึ้นมา[33][34]
สมัยอาณานิคม
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Population Estimates by Age (Five-Year Groups) and Sex". stat.go.jp. Statistics Bureau of Japan. สืบค้นเมื่อ August 25, 2024.
- ↑ "Japan-Brazil Relations (Basic Data)". Ministry of Foreign Affairs of Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 25, 2021. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ "American Community Survey: Asian Alone or in Any Combination by Selected Groups". United States Census Bureau. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2023. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ "Ethnic or cultural origin by gender and age: Canada, provinces and territories". Statistics Canada. October 26, 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 4, 2023. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ Agnote, Dario (October 11, 2006). "A glimmer of hope for castoffs". The Japan Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 7, 2011. สืบค้นเมื่อ August 9, 2016.
- ↑ Ohno, Shun (2006). "The Intermarried issei and mestizo nisei in the Philippines". ใน Adachi, Nobuko (บ.ก.). Japanese diasporas: Unsung pasts, conflicting presents, and uncertain futures. Routledge. p. 97. ISBN 978-1-135-98723-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 28, 2023. สืบค้นเมื่อ August 10, 2016.
- ↑ "Japan-Peru Relations (Basic Data)". Ministry of Foreign Affairs of Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 3, 2019. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ 8.00 8.01 8.02 8.03 8.04 8.05 8.06 8.07 8.08 8.09 8.10 海外在留邦人数調査統計 [Annual Report of Statistics on Japanese Nationals Overseas] (PDF). Ministry of Foreign Affairs of Japan (ภาษาญี่ปุ่น). October 1, 2022. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2023. สืบค้นเมื่อ May 21, 2023.
- ↑ "Japan-Mexico Relations". Ministry of Foreign Affairs of Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2021. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ "Japan-Argentina Relations (Basic Data)". Ministry of Foreign Affairs of Japan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2022. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ Horie, Ryoichi (July 20, 2018). "The Voice of the Ambassador to Micronesia". Association for Promotion of International Cooperation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2023. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ "2022 Report on International Religious Freedom: Japan". United States Department of State. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2023. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ "Shinto, Buddhism and the Japanese belief system". Inside Japan Tours. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 18, 2023. สืบค้นเมื่อ June 17, 2023.
- ↑ "The six countries in the world with the most 'convinced atheists'". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2016. สืบค้นเมื่อ March 23, 2016.
- ↑ "Japan - People". Encyclopædia Britannica. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2019. สืบค้นเมื่อ July 29, 2016.
- ↑ "Japan. B. Ethnic Groups". Encarta. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2008.
- ↑ "Who are "Nikkei & Japanese Abroad"?". The Association of Nikkei and Japanese Abroad. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2023. สืบค้นเมื่อ May 22, 2023.
- ↑ Minahan, James B. (2014), Ethnic Groups of North, East, and Central Asia: An Encyclopedia, ABC-CLIO, pp. 231–233, ISBN 978-1-61069-018-8, เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2023, สืบค้นเมื่อ January 30, 2019
- ↑ Global archaeological evidence for proboscidean overkill เก็บถาวร มิถุนายน 26, 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน in PNAS online; Page 3 (page No.6233), Table 1. The known global sample of proboscidean kill/scavenge sites :Lake Nojiri Japan 33-39 ka (ka: thousand years).
- ↑ "Prehistoric Times". Web Site Shinshu. Nagano Prefecture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2010. สืบค้นเมื่อ January 22, 2011.
- ↑ 野尻湖人の世界. May 19, 2000. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2000. สืบค้นเมื่อ December 12, 2017.
- ↑ "野尻湖発掘調査団ホームページ". July 27, 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2004.
- ↑ 23.0 23.1 Imamura, Keiji (2000). "Archaeological Research of the Jomon Period in the 21st Century". The University Museum, The University of Tokyo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2011. สืบค้นเมื่อ December 29, 2010.
- ↑ 伊波普猷の卒論発見 思想骨格 鮮明に (ภาษาญี่ปุ่น). Ryūkyū Shimpō. July 25, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2011. สืบค้นเมื่อ March 7, 2011.
- ↑ 25.0 25.1 Nanta, Arnaud (2008). "Physical Anthropology and the Reconstruction of Japanese Identity in Postcolonial Japan". Social Science Japan Journal. 11 (1): 29–47. doi:10.1093/ssjj/jyn019.
- ↑ Hanihara, K (1991). "Dual structure model for the population history of the Japanese". Japan Review. 2: 1–33.
- ↑ 27.0 27.1 Boer, Elisabeth de; Yang, Melinda A.; Kawagoe, Aileen; Barnes, Gina L. (2020). "Japan considered from the hypothesis of farmer/language spread". Evolutionary Human Sciences (ภาษาอังกฤษ). 2: e13. doi:10.1017/ehs.2020.7. ISSN 2513-843X. PMC 10427481. PMID 37588377.
- ↑ Lee, Hasegawa, Sean, Toshikazu (April 2013). "Evolution of the Ainu Language in Space and Time". PLOS ONE. 8 (4): e62243. Bibcode:2013PLoSO...862243L. doi:10.1371/journal.pone.0062243. PMC 3637396. PMID 23638014. S2CID 8370300.
- ↑ Dunham, W. (18 September 2021). "Study rewrites understanding of modern Japan's genetic ancestry". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2021. สืบค้นเมื่อ October 9, 2021.
- ↑ Cooke, N. P.; Mattiangeli, V.; Cassidy, L. M.; Okazaki, K.; Stokes, C. A.; Onbe, S.; Hatakeyama, S.; Machida, K.; Kasai, K.; Tomioka, N.; Matsumoto, A.; Ito, M.; Kojima, Y.; Bradley, D. G.; Gakuhari, T.; Nakagome, S. (17 September 2021). "Ancient genomics reveals tripartite origins of Japanese populations". Science Advances. 7 (38): eabh2419. Bibcode:2021SciA....7.2419C. doi:10.1126/sciadv.abh2419. PMC 8448447. PMID 34533991.
- ↑ Watanabe, Yusuke; Ohashi, Jun (2021-03-08). "Comprehensive analysis of Japanese archipelago population history by detecting ancestry-marker polymorphisms without using ancient DNA data". bioRxiv (ภาษาอังกฤษ): 2020.12.07.414037. doi:10.1101/2020.12.07.414037. S2CID 229293389. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 14, 2021. สืบค้นเมื่อ April 13, 2021.
- ↑ Yang, Melinda A.; Fan, Xuechun; Sun, Bo; Chen, Chungyu; Lang, Jianfeng; Ko, Ying-Chin; Tsang, Cheng-hwa; Chiu, Hunglin; Wang, Tianyi; Bao, Qingchuan; Wu, Xiaohong (2020-07-17). "Ancient DNA indicates human population shifts and admixture in northern and southern China". Science (ภาษาอังกฤษ). 369 (6501): 282–288. Bibcode:2020Sci...369..282Y. doi:10.1126/science.aba0909. ISSN 0036-8075. PMID 32409524. S2CID 218649510. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2023. สืบค้นเมื่อ June 30, 2022.
- ↑ Kumar, Ann (2009). Globalizing the Prehistory of Japan: Language, Genes, and Civilization. Oxford: Routledge.
- ↑ Farris, William Wayne (1996). "Ancient Japan's Korean Connection". Korean Studies. 20: 1–22. ISSN 0145-840X. JSTOR 23719600. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 22, 2022. สืบค้นเมื่อ June 13, 2023.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- CIA The World Fact Book 2006
- The Association of Nikkei & Japanese Abroad
- Discover Nikkei – Information on Japanese emigrants and their descendants
- Jun-Nissei Literature and Culture in Brazil (archived)
- The Ministry of Foreign Affairs of Japan
- The National Museum of Japanese History
- Japanese society and culture
- Dekasegi and their issues living in Japan (ในภาษาญี่ปุ่นและโปรตุเกส) (archived)