ข้ามไปเนื้อหา

กบฏจีนนายก่าย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กบฏจีนนายก่าย เป็นการกบฏครั้งสำคัญของชาวจีนในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยนับเป็นเหตุการณ์ใหญ่ช่วงต้นแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ[1]

ปูมหลัง[แก้]

เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ยังดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้าในสมัยของพระเชษฐาของพระองค์ คือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พ.ศ. 2251-2275) หรือสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ พระองค์จึงมีสิทธิอย่างถูกต้องในการสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเชษฐา แต่ในบั้นปลายพระชนมชีพของสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ ทรงต้องการให้พระราชโอรสสืบราชสมบัติมากกว่า เจ้าฟ้าอภัย จึงกลายเป็นผู้ท้าชิงราชบัลลังก์กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในขณะนั้น แต่สุดท้ายสงครามชิงราชสมบัติจบลงด้วยชัยชนะของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

เหตุการณ์กบฏจีนนายก่าย[แก้]

คำให้การชาวกรุงเก่า เล่าว่า

“ภายหลังเหตุการณ์สงบแล้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลได้ขึ้นครองราชย์เฉลิมพระนามว่า พระเจ้าบรมราชา และสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัยกับเจ้าฟ้าปรเมศร์ พระราชโอรสของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ผู้สบคบคิดชิงราชสมบัติกับพระองค์ ปีถัดมาภายหลังการปราบดาภิเษก เถลิงราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ”

พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)

“ครั้น ณ เดือน ๑๐ แรม ๑๐ ค่ำ เพลาค่ำ ผู้อยู่รักษากรุงเทพมหานคร (กรุงศรีอยุธยา) บอกหนังสือขึ้นไปกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า จีนนายไก้ (สะกดตามต้นฉบับ – ผู้เขียน) คบคิดกันเพลาค่ำยกขึ้นมา จะเข้าปล้นเอาพระราชวังหลวงประมาณ ๓๐๐ คน ข้าพระพุทธเจ้า (ผู้อยู่รักษากรุง) ทั้งปวงชวนกันออกไล่ตีแตกจีนแตกหนีกระจัดกระจายไป”

ชาวจีนกลุ่มจีนจากชุมชนนายก่าย พากันรวมสมัครพรรคพวก รวมกำลังกันได้ 300 คน วางแผนเตรียมการบุกเข้าไปปล้นพระราชวังหลวงแล้วจึงหลบหนี ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไม่ได้ประทับอยู่ในกรุงศรีอยุธยา แต่เสด็จไปคล้องช้างที่เมืองลพบุรี

ชาวจีนจากชุมชนนายก่ายรวมกำลังกันได้ 300 คน เพื่อวางแผนบุกปล้นพระราชวังหลวงในกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องจากแผนการไม่รัดกุม ข่าวจึงรั่วไหลไปถึงผู้รักษากรุงฯ วังหลวงจึงนำกำลังเข้าปราบปรามจนสำเร็จ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงทราบเรื่องจึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา แล้วทรงให้ดำเนินการไต่สวนสืบหาความจริงต่าง ๆ ดังความว่า

“ทรงทราบแล้ว เพลาตี ๑๑ ทุ่มจะรุ่งขึ้นวันแรม ๑๑ ค่ำ ก็เสด็จพระราชดำเนินลงมา ณ กรุงเทพมหานครศรีอยุธยา ครั้นเสด็จพระราชดำเนินมาถึงกรุงแล้ว จึงทรงพระกรุณาให้สืบสาวจับจีนซึ่งคบคิดกัน จับได้ ๒๘๑ คน ทรงพระกรุณาสั่งให้ลงพระราชอาชญาขับเฆี่ยนโบยตี ที่เป็นเหตุ ๑๐ คนให้ประหารชีวิตเสีย ที่ปลายเหตุนั้นให้จำไว้ ณ คุก”

สรุปเหตุการณ์[แก้]

จากเหตุการณ์ กบฏจีนนายก่าย มีชาวจีนถูกจับกุมทั้งหมด 281 คน พระเจ้าแผ่นดินมีพระบัญชาให้ประหารชีวิตผู้นำและต้นคิดในการกบฏจำนวน 10 คน ส่วนที่เหลือถูกลงพระราชอาญาและจำคุก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในชุมชนจีนย่านคลองนายก่าย ซึ่งเป็นชุมชนการค้าขนาดใหญ่ในสมัยอยุธยา จำนวนผู้ก่อการที่ถูกจับกุมและประหารชีวิตนั้นถือว่ามีไม่มากนัก ราชสำนักอยุธยาเข้มงวดและระมัดระวังในการปราบปรามฝ่ายกบฏจีนนายก่าย โดยแยกแกนนำออกจากไพร่พลที่ทำตามคำสั่งผู้นำ ไม่เหมารวมทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับชาวจีนกลุ่มอื่น ๆ แม้ตามกฎหมายสมัยอยุธยา การก่อกบฏจะนำมาซึ่งการล่มสลายของชุมชน

การปราบปรามกบฏครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ชุมชนจีนคลองนายก่ายล่มสลาย เพราะทางการเชื่อว่าชาวจีนส่วนใหญ่ในย่านนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฏ ซึ่งพบว่ามีหลักฐานใน พ.ศ. 2310 เมื่อกองทัพอังวะเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา ชาวจีนในย่านนี้ภายใต้การนำของหลวงอภัยพิพัฒน์ (จีน) จำนวน 2,000 นาย เป็นกองกำลังอาสาที่เข้ารบต่อต้านฝ่ายพม่า จนต้องถอยไปตั้งหลักที่วัดทะเลหญ้า

เหตุการณ์นี้ยืนยันว่าชุมชนจีนย่านคลองนายก่ายยังคงดำรงอยู่จนถึงช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และมีบทบาทสำคัญในช่วงนั้นด้วย

บรรณานุกรม[แก้]

  • กำพล จำปาพันธ์ และโมโมทาโร่. (2566). Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์. กรุงเทพฯ : มติชน.
  • ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ : พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). (2479). พิมพ์ในงานปลงศพ คุณหญิงปฏิภาณพิเศษ (ลมุน อมาตยกุล) ณ วัดประยูรวงศาวาส. กรุงเทพฯ : โสภณพิพรรฒธนากร

อ้างอิง[แก้]

  1. ""กบฏจีนนายก่าย" วางแผนปล้นวังหลวงสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ". ศิลปวัฒนธรรม.