วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง
(อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย)

พระวิหารและเจดีย์ทรงปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
สถานะเปิดใช้งาน
ประเภทวัดมหาธาตุ
โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย[1]
สถาปัตยกรรมสถาปัตยกรรมขอมแบบบายน สถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย สถาปัตยกรรมแบบเจดีย์ทรงปรางค์สมัยอยุธยา
เมืองอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
ประเทศไทย ประเทศไทย
เริ่มสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 18[2]
ในกำกับดูแลของกรมศิลปากร
ข้อมูลทางเทคนิค
โครงสร้างศิลาแลงฉาบปูน
เกณฑ์พิจารณา: วัฒนธรรม: (i), (iii)
เลขอ้างอิง: 0004601
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2547
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2562

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง เป็นโบราณสถานนอกกำแพงด้านทิศใต้ของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยตั้งอยู่บริเวณคุ้งแม่น้ำยม ภายนอกแนวคูเมืองหลักของเมืองโบราณศรีสัชนาลัย ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2478 ต่อมาได้โอนมาขึ้นในปกครองคณะสงฆ์เมื่อปี พ.ศ. 2479 และได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเมื่อปี พ.ศ. 2501

สถานที่ตั้ง[แก้]

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย ตรงช่วงแหลมโค้งข้อศอกของแม่น้ำยม หันหน้าวัดไปทางทิศตะวันออก และตั้งอยู่นอกกำแพงด้านใต้ของเมืองศรีสัชนาลัยระยะทาง 1.9 กิโลเมตร

สถาปัตยกรรม[แก้]

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงเป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ประกอบด้วย

  • พระปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงฉาบแล้วลงสีชาดทับ แต่ปัจจุบันสีได้ลอกออกบางส่วน ลักษณะภายนอกเป็นปรางค์แบบอยุธยา ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 30 เมตร ฐานเขียงขั้นแรกย่อมุมไม้สิบสอง ฐานล่างสุดก่อผนังแบบทึบ เจาะช่องแสงกันอยู่ด้านในสามชั้น (วิหารคด) เรือนธาตุทางด้านหน้าทำเป็นซุ้มโถง มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้มทางด้านหลังพระวิหาร ภายในซุ้มโถงมีสถูปขนาดเล็กรูปดอกบัวตูมประดิษฐานอยู่ อาจเป็นที่บรรจุพระธาตุ ตามผนังภายในองค์ปรางค์มีร่องรอยว่าแต่เดิมมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนบริเวณเรือนธาตุทางด้านหลัง ทำเป็นบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์เช่นเดียวกัน แต่เป็นประตูหลอก ฐานชั้นล่างสุดมีพระสาวกเดินประณมมือประทักษิณ
  • พระวิหาร ก่อด้วยศิลาแลง ฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 19.20 เมตร ยาว 25.20 เมตร ฐานสูง 1.20 เมตร เป็นวิหารขนาดหกห้อง มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ผนังวิหารเป็นแบบผนังทึบเจาะช่องแสง พระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ขนาบด้วยพระพุทธรูปยืนขนาดเล็กทั้งขวาและซ้าย ปัจจุบันเหลือเฉพาะฐานพระวิหารและเสาบางส่วน
  • พระวิหารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระวิหารประธานฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ด้านหลังตอนบนทำเป็นซุ้มพระ ทรงโค้งแหลมภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก
  • ฐานพระวิหารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นฐานขนาดห้าห้อง กว้าง 7 เมตร ยาว 10 เมตร ด้านหลังทำเป็นซุ้มพระ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งซึ่งชำรุดหักพังเป็นส่วนใหญ่
  • พระเจดีย์ราย เป็นเจดีย์ทรงกลม ก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บริเวณมุมทั้งสี่ของพระปรางค์ประธาน ขนาดโดยเฉลี่ย 5 เมตร มีอยู่ห้าองค์
  • กำแพงวัด เป็นศิลาแลงแท่งกลมขนาดใหญ่ปักเรียงชิดติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 60 เมตร ยาว 90 เมตร มีคานทับหลังกำแพง เป็นรูปหลังเจดีย์ตัด มีทางเข้าออกที่ด้านหน้าและด้านหลังเหนือซุ้มประตูทำเป็นรูปคล้ายหลังคายอดแหลมเหมือนช่อฟ้า เหนือซุ้มขึ้นไปเป็นรูปปั้นรูปพรหมพักตร์ และรูปนางอัปสรฟ้อนรำอยู่ต่ำลงมา
  • พระธาตุมุเตา อยู่ด้านหลังพระปรางค์ประธาน นอกกำแพงแก้ว ก่อด้วยศิลาแลงฐานรูปแปดเหลี่ยม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 22 เมตร ซ้อนกันสี่ชั้น ต่อจากนั้นเป็นชั้นบัวสามชั้น ส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไปหักพังหมด บริเวณบัวถลาทำเป็นซุ้มหลอกเจ็ดส่วน ซุ้มทางด้านหน้ามีทางเข้าไปภายในแต่หักพังปิดทับหมด มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้ม
  • มณฑปพระอัฏฐารส อยู่ทางด้านหลังพระธาตุมุเตา สันนิษฐานว่า เป็นมณฑปพระสี่อิริยาบถ เป็นพระพุทธรูปประทับยืนทางทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออกเหลือส่วนพระชงฆ์ของพระพุทธรูป ด้านหลัง (ทิศใต้) และทางด้านขวาหักพังเสียหายมาก จากการสำรวจโดยรอบพระมณฑป พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผา ตกกระจายอยู่ค่อนข้างหนาแน่น สันนิษฐานว่า หลังคาพระมณฑปน่าจะเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องดินเผา
  • พระวิหารสองพี่น้อง อยู่ทางด้านซ้ายของพระมณฑปพระอัฏฐารศ ก่อด้วยศิลาแลงฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 11 เมตร ยาว 27 เมตร ขนาดเจ็ดห้อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสององค์ ด้านหลังมีขนาดใหญ่กว่าด้านหน้า
  • อาคารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงเป็นแบบฐานปัทม์เพียงชั้นเดียว หักพังไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
  • พระอุโบสถ อยู่ถัดออกมาทางด้านหน้าพระปรางค์ประธานนอกกำแพงแก้ว ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2500 เป็นโบสถ์ขนาดห้าห้อง มีมุขยื่นอีกหนึ่งห้อง หลังคาลดสามชั้นซ้อนสองตับ ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก องค์พระประธานคือ หลวงพ่อพุทธเรืองฤทธิ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.08 เมตร ประดิษฐานเป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระวิหาร ซึ่งเป็นพระวิหารใหญ่ขนาด 7 ห้อง สร้างด้วยศิลาแลง หน้าต่างเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ เบื้องหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปยืนปูนปั้นศิลปะสุโขทัย พุทธลักษณะงดงามมาก[4]
  • กุฏิพระร่วงพระลือ หรือที่เรียกกันว่าศาลพระร่วง-พระลือ ลักษณะเป็นพระมณฑปฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 7.20 เมตร หลังคาคล้ายรูปชามคว่ำสี่ชั้น ภายในประดิษฐานรูปพระร่วง พระลือ (จำลอง)[5]

เส้นทางเข้าสู่วัด[แก้]

จากตัวเมืองสุโขทัยไปทางทิศเหนือตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ประมาณ 55 กิโลเมตร ปัจจุบันนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าชมสามารถนั่งรถ บขส. มาลงได้โดยถ้ามาจากสถานีขนส่ง ที่อ.เมือง สุโขทัย ให้แจ้งว่ามาลงที่ "พระปรางค์" ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกขานวัดนี้ เมื่อลงจากรถ บขส. จะเป็นซุ้มประตูทางเข้าวัดโดยผ่านชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถขี่จักรยานชมรอบๆ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยเช่าจักรยานได้ ณ ร้านค้าที่จุดลงจากรถ บขส.นี้และฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่ร้านค้าได้ เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะผ่านชุมชนประมาณ 100 เมตร จะพบสะพานแขวนไม้ข้ามแม่น้ำยม เพื่อไปยังวัดพระปรางค์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นักท่องเที่ยวชาวไทยเสียค่าธรรมเนียมบำรุงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเฉพาะจุดนี้ก่อน 10 บาท และจะได้แผนที่นำชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยด้วย

อ้างอิง[แก้]

  1. "อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย". กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 28 December 2023.
  2. "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ". ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 27 December 2023.
  3. ""สุโขทัย รุ่งอรุณแห่งความสุข" ตามเสด็จฯ ทัศนศึกษาสุโขทัย และกำแพงเพชร" (PDF). กองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ. สืบค้นเมื่อ 27 December 2023.
  4. วัดศรีรัตนมหาธาตุ ราชวรวิหาร จ.สุโขทัย
  5. มรดกทางพระพุทธศาสนา[ลิงก์เสีย]