ผู้สอดแนมสิบสองคน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
องุ่นแห่งคานาอัน โดย James Tissot แม้ว่าเหล่าผู้สอดแนมจะนำองุ่นที่มีพวงใหญ่มากจนต้องใช้คนสองคนหามกลับมา (กันดารวิถี 13:23) แต่มีผู้สอดแนมเพียง 2 คนจาก 12 คนที่รายงานเรื่องดีเกี่ยวกับดินแดนคานาอัน

ผู้สอดแนมสิบสองคน (อังกฤษ: The Twelve Spies) ตามที่บันทึกในหนังสือกันดารวิถี เป็นกลุ่มผู้นำชาวอิสราเอล ผู้นำแต่ละคนมาจากแต่ละเผ่าของสิบสองเผ่า ซึ่งโมเสสได้ส่งพวกเขาไปสำรวจดินแดนคานาอันเป็นเวลา 40 วัน[1] เพื่อจะให้คานาอันเป็นที่อยู่ในกาลภายหน้าของชาวอิสราเอล เวลานั้นเป็นช่วงที่ชาวอิสราเอลกำลังอยู่ในถิ่นทุรกันดารภายหลังการอพยพจากอียิปต์ เรื่องราวนี้ปรากฏในกันดารวิถี 13:1 -33 และเล่าอีกครั้งโดยมีรายละเอียดที่แตกต่างในบางประการในเฉลยธรรมบัญญัติ 1:22 -40

พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่าจะมีแผ่นดินแห่งพระสัญญาสำหรับประชาชาติที่สืบเชื้อสายจากอิสอัคบุตรชายของอับราฮัม ดินแดนของคานาอันที่โมเสสส่งผู้สอดแนมไปสำเร็จนี้คือแผ่นดินแห่งพระสัญญาเดียวกันนี้ โมเสสขอให้เหล่าผู้สอดแนมประเมินลักษณะทางภูมิศาสตร์, กำลังพลและจำนวนประชากร, ศักยภาพทางการเกษตรและจำนวนผลผลิต, การจัดการเมือง (ว่าเมืองมีลักษณะเหมือนค่ายหรือฐานที่มั่น) และสภาวะการป่าไม้ของดินแดนคานาอัน โมเสสยังขอให้พวกเขามีใจกล้าหาญและนำตัวอย่างผลผลิตในท้องถิ่นของคานาอันกลับมา

ผู้สอดแนม 10 คนจากทั้งหมด 12 คนรายงานในเชิงลบเกี่ยวกับดินแดนคานาอัน พวกเขากล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่พวกเขา่เชื่อว่าพระเจ้าทรงให้สัญญาไว้ พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยพวกตนได้ แล้วพวกเขาก็โน้มน้าวประชาชนให้คล้อยตามว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะยึดดินแดนคานาอัน ผลก็คือประชาชาติทั้งหมดต้องเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีจนกว่าคนเกือบทั้งรุ่นนั้นได้ตายไป[2] โยชูวาและคาเลบเป็นผู้สอดแนม 2 คนที่รายงานสิ่งที่ดีและเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยพวกตนให้สำเร็จ ทั้งคู่จึงเป็นเพียง 2 คนในรุ่นของพวกเขาที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญาหลังจากช่วงเวลาเร่ร่อน[3]

เกี่ยวกับผู้สอดแนม[แก้]

การกลับมาของผู้สอดแนม ภาพพิมพ์แกะไม้ในปี ค.ศ. 1860 โดย Julius Schnorr von Karolsfeld

พระเจ้าทรงสัญญากับชาวอิสราเอลว่าพวกเขาจะสามารถยึดครองดินแดนคานาอัน โมเสสจึงสั่งให้เหล่าผู้สอดแนมกลับมารายงานเกี่ยวกับการเกษตรและที่ดินของดินแดนคานาอัน แต่ระหว่างการเดินทางสอดแนม เหล่าผู้สอดแนมเห็นเมืองมีกำแพงป้องกันและชาวเมืองล้วนเป็นคนรูปร่างใหญ่โต ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและเชื่อว่าชาวอิสราเอลจะไม่สามารถยึดครองดินแดนนี้ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาได้ ผู้สอดแนม 10 คนจากทั้งหมด 12 คนตัดสินใจรายงานในเชิงลบ เน้นย้ำถึงความยากลำบากของภารกิจเบื้องหน้าพวกตน[4]

เขาทั้งหลายเล่าให้โมเสสฟังว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายไปถึงแผ่นดินซึ่งท่านส่งเราไปนั้น ที่นั่นมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์จริง และนี่เป็นผลไม้ของแผ่นดินนั้น แต่ว่าคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นมีกำลังมาก เมืองของพวกเขาก็มีกำแพงป้องกันและใหญ่โตมาก นอกจากนั้นเรายังเห็นลูกหลานคนอานาคที่นั่นด้วย"

— กันดารวิถี, 13:27-28

ผู้สอดแนมอีก 2 คนคือโยชูวาและคาเลบไม่ได้มีความเห็นคล้อยตามกับคนส่วนใหญ่และพยายามจะโน้มน้าวชาวอิสราเอลว่าพวกเขาสามารถยึดครองดินแดนนี้ได้:

แต่คาเลบได้ให้ประชาชนเงียบต่อหน้าโมเสสแล้วกล่าวว่า "ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดแผ่นดินนั้น เพราะเราจะชนะแน่นอน"

— กันดารวิถี, 13:30

แต่ชุมชนชาวอิสราเอลเชื่อในความเห็นของผู้สอดแนมส่วนใหญ่ ผู้สอดแนมทุกคนยกเว้นโยชูวาและคาเลบต่างตายด้วยโรคภัย[5]

โยชูวาเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจากเผ่าเอฟราอิมในการสำรวจดินแดนคานาอัน และเขาเห็นด้วยกับคาเลบว่าพวกเขาสามารถยึดครองแผ่นดินแห่งพระสัญญาได้ หลังจากเหตุการณ์การส่งผู้สอดแนมสิบสองคน โยชูวามีชีวิตอยู่ตลอดช่วงเวลา 40 ปีที่เร่ร่อน และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้สืบทอดต่อจากโมเสสตามที่พระเจ้าทรงแนะนำ โยชูวาสำเร็จภารกิจในการนำชาวอิสราเอลเข้าสู่เแผ่นดินแห่งพระสัญญาและเข้ายึดครองดินแดน โยชูว่ายังเป็นผู้นำของการรื้อฟื้นพันธสัญญาของโมเสสที่กระทำต่อพระเจ้า[6]

คาเลบมาจากเผ่ายูดาห์ ได้รับเลือกให้สำรวจดินแดนคานาอันเช่นกัน เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่กล่าวว่าพระเจ้าของชาวอิสราเอลสามารถช่วยชาวอิสราเอลในการเอาชนะชาวคานาอัน พระเจ้าทรงสัญญากับคาเลบและโยชูวาว่าพวกเขาจะได้รับดินแดนที่พวกเขาสำรวจด้วยตนเองพร้อมกับเชื้อสาย และยังทรงตรัสกับคาเลบว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่เมื่อเข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญา[7]

ชื่อของผู้สอดแนมทั้ง 12 คน ได้แก่:[8]

  1. ชัมมุวาบุตรศักเกอร์จากเผ่ารูเบน
  2. ชาฟัทบุตรโฮรีจากเผ่าสิเมโอน
  3. คาเลบบุตรเยฟุนเนห์จากเผ่ายูดาห์
  4. อิกาลบุตรโยเซฟจากเผ่าอิสสาคาร์
  5. โฮเชยา (โยชูวา) บุตรนูนจากเผ่าเอฟราอิม
  6. ปัลทีบุตรราฟูจากเผ่าเบนยามิน
  7. กัดเดียลบุตรโสดีจากเผ่าเศบูลุน
  8. กัดดีบุตรสุสีจากเผ่ามนัสเสห์
  9. อัมมีเอลบุตรเกมัลลีจากเผ่าดาน
  10. เสธูร์บุตรมีคาเอลจากเผ่าอาเชอร์
  11. นาบีบุตรโวฟสีจากเผ่านัฟทาลี
  12. เกอูเอลบุตรมาคีจากเผ่ากาด

ผลที่ตามมา[แก้]

การที่ชาวอิสราเอลเชื่อรายงานเท็จเท่ากับยอมรับ lashon hara (แปลว่า " "ลิ้นชั่วร้าย" / "ใส่ร้าย" ในภาษาฮีบรู) ต่อดินแดนอิสราเอล

แต่คนทั้งหลายที่เข้าไปสอดแนมด้วยกล่าวว่า "เราไม่สามารถเข้าไปและชนะคนเหล่านั้นได้ เพราะพวกเขามีกำลังมากกว่าเรา" พวกเขายังกล่าวร้ายเรื่องแผ่นดินที่ได้ไปสอดแนมมาโดยเล่าให้คนอิสราเอลฟังว่า "แผ่นดินที่เราไปสอดแนมดูมาตลอดแล้วนั้น เป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น ชาวเมืองทั้งหมดที่เราเห็นล้วนเป็นคนรูปร่างใหญ่โต ที่นั่นเราเห็นคนเนฟิล(คนอานาคนั้นมาจากคนเนฟิล) ในสายตาของเรา เราเป็นเหมือนตั๊กแตน และเราก็เป็นเช่นนั้นในสายตาของพวกเขา"

— กันดารวิถี, 13:31-33

พระเจ้าทรงถือว่าการกระทำนี้เป็นบาปร้ายแรง จึงทรงพิพากษาให้ชาวอิสราเอลต้องเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีสอดคล้องกับจำนวนวัน 40 วันที่ผู้สอดแนมเข้าไปสำรวจดินแดนคานาอัน อันเป็นผลจากการที่พวกเขาไม่เต็มใจจะเข้ายึดครองดินแดนคานาอัน ยิ่งไปกว่านั้น คนทั้งรุ่นที่ออกมาจากอียิปต์ระหว่างการอพยพจะต้องตายในถื่นทุรกันดาร ยกเว้นโยชูวาและคาเลบที่ไม่ได้ว่าร้ายแผ่นดินแห่งพระสัญญา[2]

ชาวอิสราเอลเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปีโดยกินนกคุ่มและมานายังชีพ ในที่สุดโยชูวาก็นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา ชัยชนะที่เยรีโคถือเป็นจุดเริ่มต้นของการครอบครองดินแดน เมื่อได้รับชัยชนะ แผ่นดินแห่งพระสัญญาได้ถูกกำหนดแบ่งให้แต่ละเผ่า และพวกเขาก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พระเจ้าทรงนำชัยชนะมาให้และพระสัญญาที่ทรงตรัสกับอับราฮัมก็สำเร็จเป็นจริง

อ้างอิง[แก้]

  1. กันดารวิถี 14:34
  2. 2.0 2.1 Numbers 14:30; Dummelow, J.R. The One Volume Bible Commentary. 1950. Macmillan Company. pp.107-108
  3. Numbers 14:20-31; Caleb, and Joshua, in Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 1 A-C and Volume 2 (H-J). 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19351-3, pp.808-809
  4. Numbers 13:26-33; Wigoder, Geoffrey. Illustrated Dictionary and Concordance of the Bible. 1986. The Jerusalem Publishing House. ISBN 0-89577-407-0, pp.563-564
  5. Numbers 14:36-38; Clarke, Adam. Commentary on the Holy Bible. 1967. Beacon Hill Press. SBN 081023211, p.189
  6. Numbers 14:20-31; Joshua, Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 2 H-J. 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19360-2, p.999
  7. Numbers 14:20-31; Caleb, Freeman, David Noel. The Anchor Bible Dictionary Volume 1 A-C. 1992. Doubleday Publishing Group. ISBN 0-385-19351-3, pp.808-809
  8. The Holy Bible, New International Version, Zondervan, 1984, LOC 73174297, pp.104-105

อ่านเพิ่มเติม[แก้]