ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หมาจิ้งจอกทอง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7: บรรทัด 7:
| status_ref = <ref name="iucn">{{IUCN2006|assessors=Sillero-Zubiri & Hoffmann|year=พ.ศ. 2547|id=3744|title=Canis aureus|downloaded=5 พฤษภาคม พ.ศ. 2549}} Database entry includes justification for why this species is of least concern</ref>
| status_ref = <ref name="iucn">{{IUCN2006|assessors=Sillero-Zubiri & Hoffmann|year=พ.ศ. 2547|id=3744|title=Canis aureus|downloaded=5 พฤษภาคม พ.ศ. 2549}} Database entry includes justification for why this species is of least concern</ref>
| image = Golden Jackal - Corbett National Park.jpg
| image = Golden Jackal - Corbett National Park.jpg
| image_caption ={{audio|Jackal.ogg|เสียงหมาจิ้งจอกทองหอน}}
| image_width =

| regnum = [[Animal]]ia
| regnum = [[Animal]]ia
| phylum = [[Chordate|Chordata]]
| phylum = [[Chordate|Chordata]]
บรรทัด 37: บรรทัด 38:
| subdivision_ranks = [[ชนิดย่อย]]<ref name="itis"/>
| subdivision_ranks = [[ชนิดย่อย]]<ref name="itis"/>
}}
}}
'''หมาจิ้งจอกทอง''' หรือ '''หมาจิ้งจอกเอเชีย''' ({{lang-en|Golden jackal, Common jackal, Asiatic jackal}}) จัดอยู่ใน[[ไฟลัม]][[สัตว์มีแกนสันหลัง]] ชั้น[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]] อันดับ[[สัตว์กินเนื้อ]] มี[[ชื่อวิทยาศาสตร์]]ว่า ''Canis aureus'' ใน[[Canidae|วงศ์สุนัข]] (Canidae) เป็น[[แจ็คเกิล|หมาป่าที่มีขนาดเล็ก]] (แจ็คเกิล) กว่า[[หมาใน]]
'''หมาจิ้งจอกทอง''' หรือ '''หมาจิ้งจอกเอเชีย''' ({{lang-en|Golden jackal, Common jackal, Asiatic jackal, Eurasian golden jackal<ref>{{cite journal|last1=Koepfli|first1=K.-P.|last2= Pollinger|first2=J.|last3= Godinho|first3=R.|last4= Robinson|first4=J.|last5= Lea|first5=A.|last6= Hendricks|first6=S.|last7= Schweizer|first7=R. M.|last8= Thalmann|first8=O.|last9= Silva|first9=P.|last10= Fan|first10=Z.|last11= Yurchenko|first11=A. A.|last12= Dobrynin|first12=P.|last13= Makunin|first13=A.|last14= Cahill|first14=J. A.|last15= Shapiro|first15=B.|last16= Álvares|first16=F.|last17= Brito|first17=J. C.|last18= Geffen|first18=E.|last19= Leonard|first19=J. A.|last20= Helgen|first20=K. M.|last21= Johnson|first21=W. E.|last22= O’Brien|first22=S. J.|last23= Van Valkenburgh|first23=B.|last24= Wayne|first24=R. K.|title=Genome-wide Evidence Reveals that African and Eurasian Golden Jackals Are Distinct Species|journal=Current Biology|volume=25|issue= | pages= 2158–65|url= http://www.cell.com/current-biology/abstract/S0960-9822%2815%2900787-3|date= 2015-08-17|doi= 10.1016/j.cub.2015.06.060|pmid=26234211|pmc=}}</ref>}}, Reed wolf<ref>{{cite news|url=http://www.fileden.com/files/2008/1/6/1683128/Nwjz/vol5/nwjz.051135.Toth.pdf |title=Records of the golden jackal (''Canis aureus'' Linnaeus, 1758) in Hungary from 1800th until 2007, based on a literature survey |journal=North-Western Journal of Zoology |author1=Tamás Tóth |author2=László Krecsák |author3=Eleonóra Szűcs |author4=Miklós Heltai |author5=György Huszár |volume=5 |issue=2 |year=2009 |pages=386–405 |deadurl=yes |archiveurl=https://web.archive.org/20121004124108/http://www.fileden.com:80/files/2008/1/6/1683128/Nwjz/vol5/nwjz.051135.Toth.pdf |archivedate=October 4, 2012 }}</ref>) จัดอยู่ใน[[ไฟลัม]][[สัตว์มีแกนสันหลัง]] ชั้น[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]] อันดับ[[สัตว์กินเนื้อ]] มี[[ชื่อวิทยาศาสตร์]]ว่า ''Canis aureus'' ใน[[Canidae|วงศ์สุนัข]] (Canidae) เป็น[[แจ็คเกิล|หมาป่าที่มีขนาดเล็ก]] (แจ็คเกิล) กว่า[[หมาใน]]


==ลักษณะและพฤติกรรม==
มีลักษณะหูโตและตั้งตรง ขนตามลำตัวค่อนข้างยาวมี[[สีเทา]]ปน[[สีน้ำตาล|น้ำตาล]] ลักษณะเด่นคือ หางสั้นเป็นพวง ปลายหางมี[[สีดำ]] ขนบริเวณหลังมีสีดำ หมาจิ้งจอกทองตัวเมียมีเต้านม 5 คู่
มีลักษณะหูโตและตั้งตรง ขนตามลำตัวค่อนข้างยาวมี[[สีเทา]]ปน[[สีน้ำตาล|น้ำตาล]] ลักษณะเด่นคือ หางสั้นเป็นพวง ปลายหางมี[[สีดำ]] ขนบริเวณหลังมีสีดำ หมาจิ้งจอกทองตัวเมียมีเต้านม 5 คู่


บรรทัด 45: บรรทัด 47:
หมาจิ้งจอกทอง สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่หลากหลายได้ ทั้ง [[ป่าเต็งรัง]], [[ป่าเบญจพรรณ]] หรือพื้นที่เสื่อมโทรมตามหมู่บ้าน กินอาหารได้หลากหลาย ทั้ง[[พืช]]และ[[สัตว์]] เช่น [[นก]], [[สัตว์เลื้อยคลาน]], [[สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ]], ซากพืช ซากสัตว์ บางครั้งอาจขโมยอาหารหรือสัตว์เลี้ยงจาก[[มนุษย์]] หรืออาจจะล่าสัตว์กีบขนาดเล็ก เช่น ลูกกวาง, ลูกแอนทีโลป เป็นอาหารได้<ref name="meetW">''MEET THE JACKALS'', "Animal Planet Sunday Showcase" สารคดีทางแอนิมอลพลาเน็ต. ทางทรูวิชั่นส์: อาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2556</ref> หมาจิ้งจอกทองมีระบบประสาทตา หู จมูก ดีเยี่ยม ในช่วงผสมพันธุ์อาจพบเห็นอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ออกล่าเหยื่อใน[[กลางคืน|เวลากลางคืน]]และพักผ่อนใน[[กลางวัน|เวลากลางวัน]] แต่บางครั้งอาจพบเห็นได้ช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่ ชอบส่งเสียงหอน "ว้อ" เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งคู่ มีพฤติกรรมจับคู่อยู่เป็นผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ตัวผู้มีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว ขณะที่ตัวเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงลูกเป็นหลัก แต่ก็อาจช่วยตัวผู้ล่าเหยื่อได้ในบางครั้งที่เหยื่อมีขนาดใหญ่<ref name="meetW"/> สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ออกลูกครั้งละ 3-5 ตัว มีระยะเวลาการให้นมลูก 60-63 วัน เมื่อตัวแม่ออกไปหาอาหารมักทิ้งลูกในอยู่ตามลำพัง มีอายุยืนประมาณ 12 ปี ปัจจุบันจัดเป็น[[สัตว์ป่าคุ้มครอง]] ตาม[[พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535]]<ref>หน้า 55-56, ''สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน'' (กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543) โดย กองทุนสัตว์ป่าโลก ISBN 974-87081-5-2</ref>
หมาจิ้งจอกทอง สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่หลากหลายได้ ทั้ง [[ป่าเต็งรัง]], [[ป่าเบญจพรรณ]] หรือพื้นที่เสื่อมโทรมตามหมู่บ้าน กินอาหารได้หลากหลาย ทั้ง[[พืช]]และ[[สัตว์]] เช่น [[นก]], [[สัตว์เลื้อยคลาน]], [[สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ]], ซากพืช ซากสัตว์ บางครั้งอาจขโมยอาหารหรือสัตว์เลี้ยงจาก[[มนุษย์]] หรืออาจจะล่าสัตว์กีบขนาดเล็ก เช่น ลูกกวาง, ลูกแอนทีโลป เป็นอาหารได้<ref name="meetW">''MEET THE JACKALS'', "Animal Planet Sunday Showcase" สารคดีทางแอนิมอลพลาเน็ต. ทางทรูวิชั่นส์: อาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2556</ref> หมาจิ้งจอกทองมีระบบประสาทตา หู จมูก ดีเยี่ยม ในช่วงผสมพันธุ์อาจพบเห็นอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ออกล่าเหยื่อใน[[กลางคืน|เวลากลางคืน]]และพักผ่อนใน[[กลางวัน|เวลากลางวัน]] แต่บางครั้งอาจพบเห็นได้ช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่ ชอบส่งเสียงหอน "ว้อ" เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งคู่ มีพฤติกรรมจับคู่อยู่เป็นผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ตัวผู้มีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว ขณะที่ตัวเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงลูกเป็นหลัก แต่ก็อาจช่วยตัวผู้ล่าเหยื่อได้ในบางครั้งที่เหยื่อมีขนาดใหญ่<ref name="meetW"/> สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ออกลูกครั้งละ 3-5 ตัว มีระยะเวลาการให้นมลูก 60-63 วัน เมื่อตัวแม่ออกไปหาอาหารมักทิ้งลูกในอยู่ตามลำพัง มีอายุยืนประมาณ 12 ปี ปัจจุบันจัดเป็น[[สัตว์ป่าคุ้มครอง]] ตาม[[พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535]]<ref>หน้า 55-56, ''สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน'' (กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543) โดย กองทุนสัตว์ป่าโลก ISBN 974-87081-5-2</ref>


===หมาจิ้งจอกสยาม===
== อ้างอิง ==
[[ภาพ:Canis aureus Kaeng Krachan national park.jpg|thumb|left|หมาจิ้งจอกสยามที่[[อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน]]]]
หมาจิ้งจอกสยาม ({{lang-en|Siamese jackal}}; {{ชื่อวิทยาศาสตร์|Canis aureus cruesemanni}}) เป็น[[ชนิดย่อย]]ของหมาจิ้งจอกทอง เป็นชนิดที่พบได้ใน[[ประเทศไทย]] จัดเป็นหมาป่า 1 ใน 2 ชนิดเท่านั้นที่พบได้ในประเทศไทย นอกเหนือไปจาก[[หมาใน]]

มีลักษณะคล้ายกับ[[หมาจิ้งจอกอินเดีย]] (''C. a. indicus'') แต่มีขนาดเล็กกว่า<ref name="บุญส่ง"/> ขนสีน้ำตาลปนเทา มีลายกระดำกระด่างเปรอะ ๆ ไม่ไช่สีพื้นแดงสนิมเหมือนกับอย่างขนของหมาในนอกจากนั้นแล้วยังมีขนยาวปกคลุมรอบคอเป็นแผงใหญ่ขนบริเวรนี้ปลายขนจะมีสีดำขนตามลำตัวจะมีลักษณะขนสองชั้นแผ่ชี้ปกคลุมตั้งแต่ท้ายทอยลงมาจนถึงกลางหลังเรื่อยจนไปถึงโคนหางมีลักษณะคล้ายกับอานม้ามากกว่าขนที่กลางหลังของ[[สุนัขไทยหลังอาน]]เสียอีก เพราะขนที่หลังของสุนัขไทยหลังอานเป็นขนชนิดที่ย้อนกลับคล้าย ๆ กับขวัญ หางของหมาจิ้งจอกสยามจะสั้นกว่าหางของหมาในและขนที่หางจะมีสีดำเพียงแค่ 1 ใน 3 ส่วนหมาในจะมีขนที่หางจะเป็นสีดำ ความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 7-14 กิโลกรัม (15-31 ปอนด์) ความยาวของลำตัววัดจากหัวหัวถึงปลายหางหางประมาณ 60-75 เซนติเมตร (24-30 นิ้ว) ความยาวของหางวัดจากหัวถึงปลายหางประมาณ 23-25 เซนติเมตร (9.2-14 นิ้ว) ลักษณะจมูกจะยาวแต่จมูกไม่ดำ ลำตัวกลมและแข็งแรง สันกลางต่ำ โค้งกว้างแตกต่างกับหมาในซึ่งมีจมูกสั้นและจมูกสีดำ ส่วนหน้าผากค่อนข้างจะแบนเล็กน้อยหน้าแหลม หูตั้งป้องไปข้างหน้า<ref name="หมา">''หมาบางแก้ว'' โดย สันต์ นาคะสุวรรณ 88 หน้า, (สำนักพิมพ์ฐานเกษตรกรรม, กรุงเทพฯ 2548) ISBN 9789749098806</ref>

พบกระจายพันธุ์ในประเทศไทย, พม่า และภาคตะวันออกของอินเดีย โดยทำการแยกชนิดจากหมาจิ้งจอกอินเดีย โดยสังเกตจากพฤติกรรมในที่เลี้ยง<ref name="บุญส่ง">[[บุญส่ง เลขะกุล|Lekagul, B]]. & McNeely, J. ''Mammals of Thailand'', Darnsutha Press; Second edition edition (January 1, 1988), ISBN 974-86806-1-4.</ref>

==อ้างอิง==
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:23, 5 กรกฎาคม 2559

หมาจิ้งจอกทอง
เสียงหมาจิ้งจอกทองหอน
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Mammalia
อันดับ: Carnivora
วงศ์: Canidae
สกุล: Canis
สปีชีส์: C.  aureus
ชื่อทวินาม
Canis aureus
Linnaeus, 1758
ชนิดย่อย[2]
  • C. a. algirensis Wagner, 1841
  • C. a. anthus Cuvier, 1820
  • C. a. aureus Linnaeus, 1758
  • C. a. bea Heller, 1914
  • C. a. cruesemanni Matschie, 1900
  • C. a. ecsedensis (Kretzoi, 1947)
  • C. a. indicus Hodgson, 1833
  • C. a. lupaster Hemprich & Ehrenberg, 1833
  • C. a. moreotica I. Geoffroy Saint-Hilaire, 1835
  • C. a. naria Wroughton, 1916
  • C. a. riparius Hemprich & Ehrenberg, 1832
  • C. a. soudanicus Thomas, 1903
  • C. a. syriacus Hemprich & Ehrenberg, 1833
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของหมาจิ้งจอกทอง

หมาจิ้งจอกทอง หรือ หมาจิ้งจอกเอเชีย (อังกฤษ: Golden jackal, Common jackal, Asiatic jackal, Eurasian golden jackal[3], Reed wolf[4]) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับสัตว์กินเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis aureus ในวงศ์สุนัข (Canidae) เป็นหมาป่าที่มีขนาดเล็ก (แจ็คเกิล) กว่าหมาใน

ลักษณะและพฤติกรรม

มีลักษณะหูโตและตั้งตรง ขนตามลำตัวค่อนข้างยาวมีสีเทาปนน้ำตาล ลักษณะเด่นคือ หางสั้นเป็นพวง ปลายหางมีสีดำ ขนบริเวณหลังมีสีดำ หมาจิ้งจอกทองตัวเมียมีเต้านม 5 คู่

มีความยาวลำตัวและหัว 60-75 เซนติเมตร ความยาวหาง 20-25 เซนติเมตร น้ำหนัก 8-9 กิโลกรัม กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีชนิดย่อย ถึง 13 ชนิด[2] (ดูในตาราง-สำหรับในประเทศไทย เป็นชนิด C. a. cruesemanni[5]) พบตั้งแต่ในยุโรปตะวันออก, แอฟริกาเหนือ, แอฟริกาตะวันออก, ตะวันออกกลาง, ปากีสถาน, อัฟกานิสถาน, อินเดีย, เนปาล, สิกขิม, ภูฏาน, พม่า, ไทย, ภาคเหนือของกัมพูชา, ลาว และภาคกลางของเวียดนาม

หมาจิ้งจอกทอง สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่หลากหลายได้ ทั้ง ป่าเต็งรัง, ป่าเบญจพรรณ หรือพื้นที่เสื่อมโทรมตามหมู่บ้าน กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งพืชและสัตว์ เช่น นก, สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ, ซากพืช ซากสัตว์ บางครั้งอาจขโมยอาหารหรือสัตว์เลี้ยงจากมนุษย์ หรืออาจจะล่าสัตว์กีบขนาดเล็ก เช่น ลูกกวาง, ลูกแอนทีโลป เป็นอาหารได้[6] หมาจิ้งจอกทองมีระบบประสาทตา หู จมูก ดีเยี่ยม ในช่วงผสมพันธุ์อาจพบเห็นอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืนและพักผ่อนในเวลากลางวัน แต่บางครั้งอาจพบเห็นได้ช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่ ชอบส่งเสียงหอน "ว้อ" เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งคู่ มีพฤติกรรมจับคู่อยู่เป็นผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ตัวผู้มีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว ขณะที่ตัวเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงลูกเป็นหลัก แต่ก็อาจช่วยตัวผู้ล่าเหยื่อได้ในบางครั้งที่เหยื่อมีขนาดใหญ่[6] สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ออกลูกครั้งละ 3-5 ตัว มีระยะเวลาการให้นมลูก 60-63 วัน เมื่อตัวแม่ออกไปหาอาหารมักทิ้งลูกในอยู่ตามลำพัง มีอายุยืนประมาณ 12 ปี ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535[7]

หมาจิ้งจอกสยาม

หมาจิ้งจอกสยามที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

หมาจิ้งจอกสยาม (อังกฤษ: Siamese jackal; ชื่อวิทยาศาสตร์: Canis aureus cruesemanni) เป็นชนิดย่อยของหมาจิ้งจอกทอง เป็นชนิดที่พบได้ในประเทศไทย จัดเป็นหมาป่า 1 ใน 2 ชนิดเท่านั้นที่พบได้ในประเทศไทย นอกเหนือไปจากหมาใน

มีลักษณะคล้ายกับหมาจิ้งจอกอินเดีย (C. a. indicus) แต่มีขนาดเล็กกว่า[8] ขนสีน้ำตาลปนเทา มีลายกระดำกระด่างเปรอะ ๆ ไม่ไช่สีพื้นแดงสนิมเหมือนกับอย่างขนของหมาในนอกจากนั้นแล้วยังมีขนยาวปกคลุมรอบคอเป็นแผงใหญ่ขนบริเวรนี้ปลายขนจะมีสีดำขนตามลำตัวจะมีลักษณะขนสองชั้นแผ่ชี้ปกคลุมตั้งแต่ท้ายทอยลงมาจนถึงกลางหลังเรื่อยจนไปถึงโคนหางมีลักษณะคล้ายกับอานม้ามากกว่าขนที่กลางหลังของสุนัขไทยหลังอานเสียอีก เพราะขนที่หลังของสุนัขไทยหลังอานเป็นขนชนิดที่ย้อนกลับคล้าย ๆ กับขวัญ หางของหมาจิ้งจอกสยามจะสั้นกว่าหางของหมาในและขนที่หางจะมีสีดำเพียงแค่ 1 ใน 3 ส่วนหมาในจะมีขนที่หางจะเป็นสีดำ ความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 7-14 กิโลกรัม (15-31 ปอนด์) ความยาวของลำตัววัดจากหัวหัวถึงปลายหางหางประมาณ 60-75 เซนติเมตร (24-30 นิ้ว) ความยาวของหางวัดจากหัวถึงปลายหางประมาณ 23-25 เซนติเมตร (9.2-14 นิ้ว) ลักษณะจมูกจะยาวแต่จมูกไม่ดำ ลำตัวกลมและแข็งแรง สันกลางต่ำ โค้งกว้างแตกต่างกับหมาในซึ่งมีจมูกสั้นและจมูกสีดำ ส่วนหน้าผากค่อนข้างจะแบนเล็กน้อยหน้าแหลม หูตั้งป้องไปข้างหน้า[9]

พบกระจายพันธุ์ในประเทศไทย, พม่า และภาคตะวันออกของอินเดีย โดยทำการแยกชนิดจากหมาจิ้งจอกอินเดีย โดยสังเกตจากพฤติกรรมในที่เลี้ยง[8]

อ้างอิง

  1. Sillero-Zubiri & Hoffmann (พ.ศ. 2547). Canis aureus. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2549. Database entry includes justification for why this species is of least concern
  2. 2.0 2.1 จาก itis.gov
  3. Koepfli, K.-P.; Pollinger, J.; Godinho, R.; Robinson, J.; Lea, A.; Hendricks, S.; Schweizer, R. M.; Thalmann, O.; Silva, P.; Fan, Z.; Yurchenko, A. A.; Dobrynin, P.; Makunin, A.; Cahill, J. A.; Shapiro, B.; Álvares, F.; Brito, J. C.; Geffen, E.; Leonard, J. A.; Helgen, K. M.; Johnson, W. E.; O’Brien, S. J.; Van Valkenburgh, B.; Wayne, R. K. (2015-08-17). "Genome-wide Evidence Reveals that African and Eurasian Golden Jackals Are Distinct Species". Current Biology. 25: 2158–65. doi:10.1016/j.cub.2015.06.060. PMID 26234211.
  4. Tamás Tóth; László Krecsák; Eleonóra Szűcs; Miklós Heltai; György Huszár (2009). "Records of the golden jackal (Canis aureus Linnaeus, 1758) in Hungary from 1800th until 2007, based on a literature survey" (PDF). North-Western Journal of Zoology. Vol. 5 no. 2. pp. 386–405. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ October 4, 2012. {{cite news}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |deadurl= ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=) (help)
  5. Lekagul, B. & McNeely, J. Mammals of Thailand, Darnsutha Press; Second edition edition (January 1, 1988), ISBN 974-86806-1-4
  6. 6.0 6.1 MEET THE JACKALS, "Animal Planet Sunday Showcase" สารคดีทางแอนิมอลพลาเน็ต. ทางทรูวิชั่นส์: อาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2556
  7. หน้า 55-56, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน (กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543) โดย กองทุนสัตว์ป่าโลก ISBN 974-87081-5-2
  8. 8.0 8.1 Lekagul, B. & McNeely, J. Mammals of Thailand, Darnsutha Press; Second edition edition (January 1, 1988), ISBN 974-86806-1-4.
  9. หมาบางแก้ว โดย สันต์ นาคะสุวรรณ 88 หน้า, (สำนักพิมพ์ฐานเกษตรกรรม, กรุงเทพฯ 2548) ISBN 9789749098806

แหล่งข้อมูลอื่น

  • ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Canis aureus ที่วิกิสปีชีส์