ข้ามไปเนื้อหา

โรงละครดอลบี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ด้านหน้าโรงละครดอลบี

โรงละครดอลบี (อังกฤษ: Dolby Theatre) เดิมชื่อ โรงละครโกดัก (อังกฤษ: Kodak Theatre) เป็นโรงละครที่ตั้งอยู่บริเวณฮอลลีวูดบูเลอวาร์ด ในฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเปิดบริการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 โดยรองรับคนได้สูงสุด 3,332 ที่นั่ง และมีเวทีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐ

โรงละครแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์โดยเฉพาะ[1] แต่ในความเป็นจริงก็ยังใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและงานประเภทอื่น ๆ ด้วย

ประวัติ

[แก้]

เดิมโรงละครแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากอีสต์แมนโกดัก โดยบริษัทได้ตกลงเซ็นสัญญาจ่ายเงินจำนวน 75 ล้านดอลลาร์เป็นระยะเวลา 20 ปี เพื่อสิทธิในการใช้ชื่อบริษัทเป็นชื่อโรงละคร[2] แต่ต่อมาในช่วงต้นปี ค.ศ. 2012 บริษัทได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย เป็นผลให้สิทธิในการใช้ชื่อดังกล่าวต้องถูกเพิกถอนไป[3] ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ฮอลลีวูดแอนด์ไฮแลนด์เซนเตอร์ (Hollywood and Highland Center) เป็นการชั่วคราว[4][5]

และหลังจากนั้นไม่นาน ดอลบีได้เข้ามาเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 20 ปี เพื่อสิทธิในการใช้ชื่อโรงละคร จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโรงละครดอลบี (Dolby Theatre) แบบในปัจจุบันเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2012[6] จากนั้นทางดอลบีก็ได้ทำการปรับปรุงระบบเสียงของโรงละครใหม่โดยใช้เทคโนโลยีดอลบี แอทมอส และยังได้วางแผนทำการปรับปรุงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงละครเพิ่ม[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. John Calhoun (April 1, 2002). "A Kodak Moment". Live Design Online. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 27, 2012.
  2. "OSCAR THEATER COST KODAK $75 MILLION". Daily Press. March 31, 2002.
  3. "ปิดตำนาน โกดัก เธียเตอร์". ไทยพีบีเอส. 5 กุมภาพันธ์ 2555.
  4. Finke, Nikki (May 1, 2012). "Kodak Theatre – Oscars Keeps Home At Hollywood & Highland In Newly Named Dolby Theatre". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 4, 2012.
  5. Higgins, Kat. "Goodbye Kodak: New Name For The Home Of The Oscars". Sky News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 28, 2012.
  6. "Oscars' home renamed Dolby Theatre". CBS News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 2, 2012.
  7. "Introducing the Dolby Theatre". Dolby. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 30, 2017.