หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระตื้อ อจลธมฺโม

(ตื้อ อจลธมฺโม)
ชื่ออื่นหลวงปู่ตื้อ
ส่วนบุคคล
เกิด3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2431 (86 ปี)
มรณภาพ19 กรกฎาคม พ.ศ. 2517
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดป่าอรัญญวิเวก จังหวัดนครพนม
อุปสมบทมหานิกาย พ.ศ. 2452 — พ.ศ. 2471
(19 ปี)
ธรรมยุติกนิกาย พ.ศ. 2471
พรรษามหานิกาย 19 พรรษา
ธรรมยุติกนิกาย 46 พรรษา
ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าอรัญญวิเวก

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นพระภิกษุสายพระป่าในประเทศไทย

ประวัติ[แก้]

ชาติกำเนิด[แก้]

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2431 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลบ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นบุตรของนายปา และนางปัตต์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวมทั้งหมด 7 คน หลวงปู่ตื้อ เป็นลูกคนที่ 5 ในญาติทั้งหมดของหลวงปู่ตื้อ นับเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกับวัดมาก มีความฝักใฝ่ต่อพระพุทธศาสนา ถ้าลองสังเกตให้ดี ในบรรดาญาติของท่าน ถ้าเป็นชายล้วน แต่ก็มาบวชเป็นพระภิกษุ แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ยอมสละบ้านเรือน มาบวชชีพราหมณ์จนหมด

อุปสมบท[แก้]

ก่อนที่หลวงปู่ตื้อจะบวช ได้มีนิมิตมาบอกท่านมากมาย เช่น ในคืนก่อนที่ท่านจะบวช ท่านได้ฝันถึงชีปะขาว มาถึง 2 คน และท่านฝันอีกว่า ท่านได้เห็นพระภิกษุที่น่าเลื่อมใสอีก 2 รูป ท่านคิดว่าเป็นผู้วิเศษ จึงได้เข้าไปกราบนมัสการ และนิมิตครั้งสุดท้าย มีพระภิกษุท่านได้เข้ามาพูดกับท่านว่า หนูน้อย เจ้ามีกำลังแข็งแรงมาก เท่านั้น พระท่านก็หายไป ท่านก็มีความมั่นใจ เพราะท่านเชื่อว่า วันนี้จะมีเรื่องดี ที่ท่านจะได้บวชตามใจปรารถนา จะได้มีการประพฤติธรรมอย่างจริงจัง และปู่ของท่านก็อยากให้ท่านบวชเป็นพระภิกษุมานานแล้ว ท่านจึงตอบรับคำปู่ทันที และได้เข้ารับพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2452 บวชได้ 19 พรรษา ก็ญัตติใหม่ในธรรมยุติกนิกายเมื่อปี พ.ศ. 2471 หลังจากบวชได้ 7 วัน หลวงปู่สิม ก็เข้ามาถามท่านว่า จะสึกไหม ท่านก็บอกว่า รอออกพรรษาก่อน พอถึงช่วงออกพรรษา หลวงปู่สิม ก็ถามอีกว่า จะสึกไหม ท่านก็คิดในใจว่า บวชเพียง 1 พรรษา นั้นยังเรียนพระธรรมไม่ค่อยเพียงพอ ท่านก็บอกว่า ท่านจะบวชไปเรื่อย ๆ ก่อน


ศึกษาธรรม[แก้]

หลวงปู่ตื้อ ได้เริ่มเรียนศึกษาคำภีร์ มูลกัจจายน์ ในสมัยนั้น โดยมีพระอาจารย์คาน เป็นเจ้าสำนัก หลังจากออกพรรษาได้เพียง 1 พรรษา ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาพระธรรม ที่ วัดโพธิชัย ตำบลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลวงปู่ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่รวมระยะเวลา 4 ปี ก็จบหลักสูตรมูลกัจจายน์ จึงได้รับฉายาว่า นักปราชญ์ ด้วยความที่ท่านเป็นคนที่ใฝ่ในการเรียนรู้ อยู่ในสายเลือด ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาต่อไป หลวงปู่ท่านได้เปลี่ยนใจปฏิบัติออกธุดงค์ ปฏิบัติกรรมฐาน เพราะมันเป็นกริยาของท่านอยู่แล้ว และต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปประเทศลาว ก็ขยันเดินทางไปศึกษาพระธรรมต่อ ไม่มีวันหยุด และก็ได้ไปหลวงพระบาง และไปเจอชีปะขาวไปดูสมบัติในถ้ำ ชีปะขาวก็สอนว่า ถ้าคนเราพยายามทำสิ่งที่เราต้องกัน สิ่งนั้นจะมาเร็ว และก็ได้เดินทางไปยังประเทศพม่า และก็ได้ไปศึกษาวิชาอาคมกับพระเถระในพม่า และก็ได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย

มรณภาพ[แก้]

ต่อมาท่านก็มีอาการอาพาธ และถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมสิริอายุได้ 86 ปี บวชในมหานิกาย 19 พรรษา ธรรมยุตได้ 46 พรรษา

ศิษย์องค์สำคัญ[แก้]

  • พระครูอุดมศีลวัฒน์ พระอาจารย์อุดม ญาณรโต. วัดป่าสถิตย์ธรรมวนาราม อำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย
  • พระโสภณวิสุทธิคุณ พระอาจารย์บุญเพ็ง กปฺปโก วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
  • พระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  • พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปญฺโญ วัดใหม่บ้านตาล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
  • พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป วัดอรัญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  • พระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม วัดเขาพุนก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
  • พระอาจารย์ประยุทธ ธมฺมยุตโต วังป่าผาลาด อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี (ขุนโจรอิสไมล์แอ)
  • หลวงปู่ลุน​ สุธมฺโม​ วัดยอดแก้ว​ อำเภออากาศ​อำนวย​ จังหวัดสกลนคร

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]