ข้ามไปเนื้อหา

หญ้าหนวดแมว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หญ้าหนวดแมว
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
หมวด: Magnoliophyta
ชั้น: Magnoliopsida
อันดับ: Lamiales
วงศ์: Lamiaceae
เผ่า: Ocimeae
สกุล: Orthosiphon
สปีชีส์: O.aristatus
ชื่อทวินาม
Orthosiphon aristatus
(Blume) Miq.

หญ้าหนวดแมว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Orthosiphon aristatus; ชื่อพ้อง: O. grandiflorus Bold, O. stamineus Benth.) หรือ พยับเมฆ (กรุงเทพฯ), อีตู่ดง (เพชรบูรณ์), บางรัก (ประจวบคีรีขันธ์) อยู่ในวงศ์ Lamiaceae (Labiatae)[1] ซึ่งเป็นพืชที่จัดอยู่ในพวกเดียวกับกะเพราและโหระพา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์[2]

[แก้]

หญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นสี่เหลียม มีสีน้ำตาล ใบเดี่ยวเรียงตัวแบบตรงข้ามสลับตั้งฉาก (decussate) รูปร่างใบแบบ รูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ช่อดอกแบบกระจุก ปลายยอดคล้ายฉัตร ออกบริเวณปลายยอด และปลายกิ่ง สมบูรณ์เพศ สมมาตรด้านข้าง กลีบดอกมีสีขาว และสีม่วง เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นรูปปากเปิด

การขยายพันธุ์

[แก้]

สรรพคุณทางยา[1]

[แก้]
  • ราก : ขับปัสสาวะ
  • ต้น : ขับปัสสาวะ โรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบ

วิธีการใช้[1][4]

[แก้]
  • ยอดอ่อนนำมาหั่นตากให้แห้ง ใช้ ประมาณ 2 กรัม ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว
  • ต้น สด ใช้ประมาณ 90-120 กรัม แห้ง ใช้ประมาณ 40-50 กรัม ชงกับน้ำ 1 แก้ว วันละ 3 ครัง ก่อนอาหาร

ข้อควรระวัง

[แก้]
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต ห้ามรับประทาน เนื่องจากในหญ้าหนวดแมวมี โพแทสเซียมสูงมากถ้าไตไม่ปกติ จะไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกมาได้ ทำให้เกิดโทษกับร่างกาย[1]
  • ไม่ควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง และควรใช้ใบอ่อน เพราะใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจทำให้มีฤทธิ์กดหัวใจ[5]
  • ควรใช้ใบตากแห้ง เพราะใบสดจะทำให้มีอาการคลื่นไส้และหัวใจสั่น[5]
  • ไม่ควรใช้หญ้าหนวดแมวร่วมกับแอสไพริน เพราะสารจากหญ้าหนวดแมวจะทำให้ยาจำพวกแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น[5]

สารเคมี

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด". www.rspg.or.th.
  2. "หญ้าหนวดแมว". ฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชสวน.
  3. สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดอ่างทอง https://www.opsmoac.go.th/angthong-article_prov-preview-431391791815
  4. "หญ้าหนวดแมว : ขับปัสสาวะ". ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน.
  5. 5.0 5.1 5.2 https://www.thaihealth.or.th/ระวัง-ดื่มน้ำไม่สะอาดเส/