ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โจอิจิโร ทัตสึโยชิ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
→ประวัติ: เพิ่มเนื้อหา ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 27: | บรรทัด 27: | ||
เกิดเมื่อวันที่ [[17 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2513]] ที่เมือง[[คูราชิกิ]] [[จังหวัดโอกายามะ]]<ref>[http://boxrec.com/list_bouts.php?human_id=002000&cat=boxer Joichiro Tatsuyoshi], Boxing Record Archive</ref> แต่ต่อมาได้อพยพมาอาศัยและเติบโตที่[[โอซากะ (เมือง)|โอซากะ]] จังหวัดโอซากะ โดยชื่อ โจอิจิโร นั้นมาจากชื่อ ยาบูกิ โจ ตัวละครเอกใน[[มังงะ|หนังสือการ์ตูน]]เรื่อง ''[[Tomorrow's Joe]]'' (โจ สิงห์สังเวียน) โดยพ่อเป็นผู้ให้ตั้งเอง โดยหวังจะให้ลูกชายตนเองเป็นแชมป์โลกเหมือนในการ์ตูน |
เกิดเมื่อวันที่ [[17 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2513]] ที่เมือง[[คูราชิกิ]] [[จังหวัดโอกายามะ]]<ref>[http://boxrec.com/list_bouts.php?human_id=002000&cat=boxer Joichiro Tatsuyoshi], Boxing Record Archive</ref> แต่ต่อมาได้อพยพมาอาศัยและเติบโตที่[[โอซากะ (เมือง)|โอซากะ]] จังหวัดโอซากะ โดยชื่อ โจอิจิโร นั้นมาจากชื่อ ยาบูกิ โจ ตัวละครเอกใน[[มังงะ|หนังสือการ์ตูน]]เรื่อง ''[[Tomorrow's Joe]]'' (โจ สิงห์สังเวียน) โดยพ่อเป็นผู้ให้ตั้งเอง โดยหวังจะให้ลูกชายตนเองเป็นแชมป์โลกเหมือนในการ์ตูน |
||
[[ไฟล์:Tatsuyoshi Joichiro & Sakamoto Junji "Joe, Tomorrow" at Opening Ceremony of the 28th Tokyo International Film Festival (22439511161).jpg|thumb|left|250px|ทัตสึโยชิ (ซ้าย) กับซากาโมโตะ จุนจิ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ''Joe, Tomorrow – 20 years with Joichiro Tatsuyoshi, a Legendary Boxing Champ'' ในพิธีเปิด[[เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว]]ที่ 28 เมื่อปี พ.ศ. 2558]] |
[[ไฟล์:Tatsuyoshi Joichiro & Sakamoto Junji "Joe, Tomorrow" at Opening Ceremony of the 28th Tokyo International Film Festival (22439511161).jpg|thumb|left|250px|ทัตสึโยชิ (ซ้าย) กับซากาโมโตะ จุนจิ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ''Joe, Tomorrow – 20 years with Joichiro Tatsuyoshi, a Legendary Boxing Champ'' ในพิธีเปิด[[เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว]]ที่ 28 เมื่อปี พ.ศ. 2558]] |
||
ทัตสึโยชิเคยเป็นนักมวยญี่ปุ่นที่ชกน้อยครั้งสุดแล้วเป็นแชมป์โลก (ปัจจุบันสถิตินี้ได้ถูกทำลายลงโดย โคเซ ทานากะ ด้วยการชกในเวลา 5 ครั้งในปี พ.ศ. 2558) เมื่อการชกครั้งที่ 8 ก็ได้ขึ้นชิงแชมป์โลก |
ทัตสึโยชิเคยเป็นนักมวยญี่ปุ่นที่ชกน้อยครั้งสุดแล้วเป็นแชมป์โลก (ปัจจุบันสถิตินี้ได้ถูกทำลายลงโดย โคเซ ทานากะ ด้วยการชกในเวลา 5 ครั้งในปี พ.ศ. 2558) เมื่อการชกครั้งที่ 8 ก็ได้ขึ้นชิงแชมป์โลก [[สภามวยโลก|WBC]] รุ่นแบนตั้มเวท กับ เกร็ก ริชาร์ดสัน นักมวยชาวอเมริกัน และเป็นฝ่ายเอาชนะอาร์ทีดีไปได้ในยกที่ 10 แต่หลังจากนั้น โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ก็มีปัญหาทางสุขภาพ เนื่องจาก[[จอตา]]เสีย ต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัวนานถึง 1 ปี และต่อมาก็ป้องกันตำแหน่งกับบิกตอร์ ราบานาเลส นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นแชมป์เฉพาะกาลในรุ่นนี้ และเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอราบานาเลสไปอย่างบอบช้ำ |
||
ต่อมาแก้มือชิงแชมป์เฉพาะกาลรุ่นแบนตั้มเวทที่ว่าง |
ต่อมาแก้มือชิงแชมป์เฉพาะกาล WBC รุ่นแบนตั้มเวทที่ว่าง กับบิกตอร์ นาบานาเรส อีก ก่อนชนะคะแนนไปแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทางสมาคมมวยอาชีพญี่ปุ่น (JBC) ไม่รับรองผลการชก เพราะอาการบาดเจ็บที่จอตา ทัตสึโยชิต้องเดินทางไปชกนอกรอบที่อเมริกา ในปี [[พ.ศ. 2537]] ก่อนจะเดินเรื่องกลับมาชกที่ญี่ปุ่นได้ เพื่อมาชิงแชมป์โลกจริงกับนักมวยเพื่อนร่วมชาติ คือ "ยาซูเอะ ยากูชิจิ" แม้มือซ้ายของทัตสึโยชิหักตั้งแต่ยก 1 แต่ก็กัดฟันสู้พลางถอยพลาง จนครบ 12 ยก เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ ก่อนที่จะเลื่อนรุ่นไปชกในรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทจนติดอันดับรองแชมป์โลกอันดับ 1 WBC รุ่นเดียวกัน ต่อมาทัตสึโยชิได้ขึ้นชิงแชมป์โลกกับดานิเอล ซาราโกซา นักมวยเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทชาวเม็กซิกันผู้มากประสบการณ์ ในต้นปี [[พ.ศ. 2539]] แม้จะได้นับซาราโกซาในยกแรก แต่เมื่อซาราโกซาตั้งตัวได้ติด ก็ได้ชกจนทัตสึโยชิเป็นแผลแตกที่เปลือกตาและตาแทบปิด กรรมการยุติการชกยกที่ 11 ต่อมาแม้จะขอแก้มือกับ ดานิเอล ซาราโกซา อีกแต่ก็แพ้คะแนนเอกฉันท์ ในต้นปี [[พ.ศ. 2540]] |
||
จนกระทั่งปลายปีเดียวกันได้ตัดสินใจชิงแชมป์โลกอีกครั้ง โดยการชกครั้งนี้เป็นการตัดสินชะตาชีวิตบนสังเวียนผ้าใบของทัตสึโยชิ หากแพ้ก็จะแขวนนวมทันที โดยลดรุ่นมาชิงในรุ่นเดิม คือ แบนตั้มเวท กับ [[ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์]] แชมป์โลกชาวไทย โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Judgement" ซึ่งการชกครั้งนี้ศิริมงคลต้องประสบปัญหาการลดน้ำหนักตัวเป็นอย่างมาก ถึงวันชกสภาพร่างกายซูบซีด แก้มตอบ ตากลวงลึกโบ๋ แต่ศิริมงคลก็ยังอดทนกัดฟันแลกหมัดกับทัตสึโยชิและเกือบน็อกทัตสึโยชิได้หลายครั้ง แต่ทัตสึโยชิซึ่งสภาพร่างกายดีกว่าก็เป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอศิริมงคลไปได้ในยกที่ 7 จากนั้นจึงป้องกันตำแหน่งครั้งแรกชนะคะแนน โฆเซ ราฟาเอล โซซา นักมวยชาวอาร์เจนไตน์ แล้วป้องกันครั้งที่สองไปอย่างไม่ประทับใจเพราะเป็นฝ่ายชนะคะแนนโดยเทคนิคยอดมวยชาวอเมริกัน พอลลี อยาลา ไปอย่างน่ากังขา ก่อนที่จะมาเสียแชมป์ให้ [[วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น]] ในปลายปี [[พ.ศ. 2541]] ในการป้องกันครั้งที่สาม |
จนกระทั่งปลายปีเดียวกันได้ตัดสินใจชิงแชมป์โลกอีกครั้ง โดยการชกครั้งนี้เป็นการตัดสินชะตาชีวิตบนสังเวียนผ้าใบของทัตสึโยชิ หากแพ้ก็จะแขวนนวมทันที โดยลดรุ่นมาชิงในรุ่นเดิม คือ แบนตั้มเวท กับ [[ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์]] แชมป์โลกชาวไทย โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Judgement" ซึ่งการชกครั้งนี้ศิริมงคลต้องประสบปัญหาการลดน้ำหนักตัวเป็นอย่างมาก ถึงวันชกสภาพร่างกายซูบซีด แก้มตอบ ตากลวงลึกโบ๋ แต่ศิริมงคลก็ยังอดทนกัดฟันแลกหมัดกับทัตสึโยชิและเกือบน็อกทัตสึโยชิได้หลายครั้ง แต่ทัตสึโยชิซึ่งสภาพร่างกายดีกว่าก็เป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอศิริมงคลไปได้ในยกที่ 7 จากนั้นจึงป้องกันตำแหน่งครั้งแรกชนะคะแนน โฆเซ ราฟาเอล โซซา นักมวยชาวอาร์เจนไตน์ แล้วป้องกันครั้งที่สองไปอย่างไม่ประทับใจเพราะเป็นฝ่ายชนะคะแนนโดยเทคนิคยอดมวยชาวอเมริกัน พอลลี อยาลา ไปอย่างน่ากังขา ก่อนที่จะมาเสียแชมป์ด้วยการแพ้ทีเคโอให้ [[วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น]] ในปลายปี [[พ.ศ. 2541]] ในการป้องกันครั้งที่สาม |
||
ต่อจากนั้นใน[[สิงหาคม|เดือนสิงหาคม]] [[พ.ศ. 2542]] ได้ชกแก้มืออีกครั้งกับ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Chapter" เพราะพ่อของทัตสึโยชิเพิ่งจะเสียชีวิตไปก่อนการชกไม่นาน โดยทัตสึโยชิประกาศสู้ตาย ยอมตายไม่ยอมแพ้ และไม่ว่าชนะหรือแพ้จะเป็นไฟท์สุดท้ายของตน เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการชกครั้งนี้ทัตสึโยชิสวมกางเกงและรองเท้าสีน้ำเงิน ผิดแผกไปจากการชกครั้งก่อน ๆ ที่จะสวมกางเกงและรองเท้าสีขาวล้วนมาโดยตลอด |
ต่อจากนั้นใน[[สิงหาคม|เดือนสิงหาคม]] [[พ.ศ. 2542]] ได้ชกแก้มืออีกครั้งกับ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Chapter" เพราะพ่อของทัตสึโยชิเพิ่งจะเสียชีวิตไปก่อนการชกไม่นาน โดยทัตสึโยชิประกาศสู้ตาย ยอมตายไม่ยอมแพ้ และไม่ว่าชนะหรือแพ้จะเป็นไฟท์สุดท้ายของตน เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการชกครั้งนี้ทัตสึโยชิสวมกางเกงและรองเท้าสีน้ำเงิน ผิดแผกไปจากการชกครั้งก่อน ๆ ที่จะสวมกางเกงและรองเท้าสีขาวล้วนมาโดยตลอด ผลการแข่งขันทัตสึโยชิเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่ 7 |
||
หลังจากแพ้วีระพลและแขวนนวมไปพักใหญ่ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ก็เรียก [[แสน ส.เพลินจิต]] มาชกอุ่นเครื่อง แล้วต่อยหมัดชุดอัดแสนอยู่ข้างเดียว โดยที่หมัดของแสนทำอะไรทัตสึโยชิไม่ได้เลย โดนชกอยู่ข้างเดียวจนยก 6 กรรมการก็จับแสนแพ้ทีเคโอไป ต่อมา ทัตสึโยชิในวัย 38 ปี ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นชกในญี่ปุ่น ได้มาขึ้นชกมวยสากลที่[[เวทีราชดำเนิน]] ชนะน็อก พลังชัย ชูวัฒนะ ยก 2 และต่อมาในวันที่ [[7 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2552]] ทัตสึโยชิได้เดินทางมาชกที่เมืองไทยอีกครั้ง ณ เวทีมวยราชดำเนิน โดยพบกับ [[ซาไก จ๊อกกี้ยิม]] ซึ่งปรากฏว่าไฟท์นี้เกิดการพลิกความคาดหมาย เนื่องจากทัตสึโยชิ ถูกหมัดชุดและหมัดเหวี่ยงของซาไกแพ้ทีเคโอ ( |
หลังจากแพ้วีระพลและแขวนนวมไปพักใหญ่ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ก็เรียก [[แสน ส.เพลินจิต]] มาชกอุ่นเครื่อง แล้วต่อยหมัดชุดอัดแสนอยู่ข้างเดียว โดยที่หมัดของแสนทำอะไรทัตสึโยชิไม่ได้เลย โดนชกอยู่ข้างเดียวจนยก 6 กรรมการก็จับแสนแพ้ทีเคโอไป ต่อมา ทัตสึโยชิในวัย 38 ปี ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นชกในญี่ปุ่น ได้มาขึ้นชกมวยสากลที่[[เวทีราชดำเนิน]] ชนะน็อก พลังชัย ชูวัฒนะ ยก 2 และต่อมาในวันที่ [[7 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2552]] ทัตสึโยชิได้เดินทางมาชกที่เมืองไทยอีกครั้ง ณ เวทีมวยราชดำเนิน โดยพบกับ [[ซาไก จ๊อกกี้ยิม]] ซึ่งปรากฏว่าไฟท์นี้เกิดการพลิกความคาดหมาย เนื่องจากทัตสึโยชิ ถูกหมัดชุดและหมัดเหวี่ยงของซาไกแพ้ทีเคโอ (กรรมการยุติการชก) อย่างสิ้นสภาพไปในยกที่ 7<ref>[http://home.att.ne.jp/yellow/ali/tats-bio.htm Biography of Joichiro Tatsuyoshi {{en}}]</ref> <ref>[http://sport.sanook.com/834358/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%81-%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A/ สุดสลด!!ซาไก จ๊อคกี้ยิม ดวลหมัดดับ จาก[[สนุกดอตคอม]] {{th}}]</ref> |
||
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของทัตสึโยชิ ในชื่อ ''"Joe, Tomorrow – 20 years with Joichiro Tatsuyoshi, a Legendary Boxing Champ"'' กำกับโดย ซากาโมโตะ จุนจิ โดยเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 28 ที่กรุงโตเกียว โดยมีเนื้อหาเริ่มตั้งแต่ที่ทัตสึโยชิชนะบิกตอร์ นาบานาเรส ได้แชมป์เฉพาะกาล จากนั้นจึงประสบกับปัญหาต่าง ๆ รวมถึงชีวิตครอบครัวอีกด้วย เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 20 ปี<ref>{{cite web|title=ญี่ปุ่นเปิดตัวหนังสารคดีตามติดชีวิต20ปี "โจ ทัตสึโยชิ" คู่ปรับ "วีระพล-ศิริมงคล-แสน"|url=http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1446112241|date=2015-10-30|accessdate=2016-10-25|work=มติชน}}</ref> |
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของทัตสึโยชิ ในชื่อ ''"Joe, Tomorrow – 20 years with Joichiro Tatsuyoshi, a Legendary Boxing Champ"'' กำกับโดย ซากาโมโตะ จุนจิ โดยเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 28 ที่กรุงโตเกียว โดยมีเนื้อหาเริ่มตั้งแต่ที่ทัตสึโยชิชนะบิกตอร์ นาบานาเรส ได้แชมป์เฉพาะกาล จากนั้นจึงประสบกับปัญหาต่าง ๆ รวมถึงชีวิตครอบครัวอีกด้วย เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 20 ปี<ref>{{cite web|title=ญี่ปุ่นเปิดตัวหนังสารคดีตามติดชีวิต20ปี "โจ ทัตสึโยชิ" คู่ปรับ "วีระพล-ศิริมงคล-แสน"|url=http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1446112241|date=2015-10-30|accessdate=2016-10-25|work=มติชน}}</ref> |
||
โจอิจิโร ทัตสึโยชิ เป็นนักมวยที่มีมาดกวน โดยมักจะทำทีท่าว่าไม่ยี่หระกับคู่ต่อสู้ นั่นเป็นเพราะตัวเขาเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ |
โจอิจิโร ทัตสึโยชิ เป็นนักมวยที่มีมาดกวน โดยมักจะทำทีท่าว่าไม่ยี่หระกับคู่ต่อสู้ นั่นเป็นเพราะตัวเขาเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้เป็นแฟนมวยและไม่ใช่แฟนมวยชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์นักกีฬาชาวญี่ปุ่นก็ว่าได้ ไม่ใช่เพราะฝีมือ แต่เป็นเพราะชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้มาตลอด เหมือนตัวละครในการ์ตูน โดยมีพ่อเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง แม้จะประสบปัญหาเรื่องสายตามาโดยตลอดก็ตาม แต่ก็ไม่ละทิ้งความหวัง พยายามกลับมาเป็นแชมป์โลกให้ได้หลายครั้ง |
||
== เกียรติประวัติ == |
== เกียรติประวัติ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:37, 24 พฤศจิกายน 2563
โจอิจิโร ทัตสึโยชิ | |
---|---|
ชื่อจริง | โจอิจิโร ทัตสึโยชิ |
ฉายา | 浪速のジョー Ninawa No Joe |
รุ่น | แบนตั้มเวท ซูเปอร์แบนตั้มเวท ซูเปอร์ฟลายเวท |
ส่วนสูง | 163 เซนติเมตร |
เกิด | 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 คูราชิกิ จังหวัดโอกายามะ |
ชกทั้งหมด | 26 |
ชนะ | 19 |
ชนะน็อก | 13 |
แพ้ | 6 |
เสมอ | 1 |
ผู้จัดการ | อากิฮิโกะ ฮนดะ |
ค่ายมวย | โอซากะ เทเก็งยิม |
โจอิจิโร ทัตสึโยชิ (ญี่ปุ่น: 辰吉丈一郎; โรมาจิ: Tatsuyoshi Jo'ichirō) อดีตแชมป์โลก WBC รุ่นแบนตั้มเวท 2 สมัย ชาวญี่ปุ่น
ประวัติ
เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 ที่เมืองคูราชิกิ จังหวัดโอกายามะ[1] แต่ต่อมาได้อพยพมาอาศัยและเติบโตที่โอซากะ จังหวัดโอซากะ โดยชื่อ โจอิจิโร นั้นมาจากชื่อ ยาบูกิ โจ ตัวละครเอกในหนังสือการ์ตูนเรื่อง Tomorrow's Joe (โจ สิงห์สังเวียน) โดยพ่อเป็นผู้ให้ตั้งเอง โดยหวังจะให้ลูกชายตนเองเป็นแชมป์โลกเหมือนในการ์ตูน
ทัตสึโยชิเคยเป็นนักมวยญี่ปุ่นที่ชกน้อยครั้งสุดแล้วเป็นแชมป์โลก (ปัจจุบันสถิตินี้ได้ถูกทำลายลงโดย โคเซ ทานากะ ด้วยการชกในเวลา 5 ครั้งในปี พ.ศ. 2558) เมื่อการชกครั้งที่ 8 ก็ได้ขึ้นชิงแชมป์โลก WBC รุ่นแบนตั้มเวท กับ เกร็ก ริชาร์ดสัน นักมวยชาวอเมริกัน และเป็นฝ่ายเอาชนะอาร์ทีดีไปได้ในยกที่ 10 แต่หลังจากนั้น โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ก็มีปัญหาทางสุขภาพ เนื่องจากจอตาเสีย ต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัวนานถึง 1 ปี และต่อมาก็ป้องกันตำแหน่งกับบิกตอร์ ราบานาเลส นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นแชมป์เฉพาะกาลในรุ่นนี้ และเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอราบานาเลสไปอย่างบอบช้ำ
ต่อมาแก้มือชิงแชมป์เฉพาะกาล WBC รุ่นแบนตั้มเวทที่ว่าง กับบิกตอร์ นาบานาเรส อีก ก่อนชนะคะแนนไปแบบไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทางสมาคมมวยอาชีพญี่ปุ่น (JBC) ไม่รับรองผลการชก เพราะอาการบาดเจ็บที่จอตา ทัตสึโยชิต้องเดินทางไปชกนอกรอบที่อเมริกา ในปี พ.ศ. 2537 ก่อนจะเดินเรื่องกลับมาชกที่ญี่ปุ่นได้ เพื่อมาชิงแชมป์โลกจริงกับนักมวยเพื่อนร่วมชาติ คือ "ยาซูเอะ ยากูชิจิ" แม้มือซ้ายของทัตสึโยชิหักตั้งแต่ยก 1 แต่ก็กัดฟันสู้พลางถอยพลาง จนครบ 12 ยก เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ ก่อนที่จะเลื่อนรุ่นไปชกในรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทจนติดอันดับรองแชมป์โลกอันดับ 1 WBC รุ่นเดียวกัน ต่อมาทัตสึโยชิได้ขึ้นชิงแชมป์โลกกับดานิเอล ซาราโกซา นักมวยเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวทชาวเม็กซิกันผู้มากประสบการณ์ ในต้นปี พ.ศ. 2539 แม้จะได้นับซาราโกซาในยกแรก แต่เมื่อซาราโกซาตั้งตัวได้ติด ก็ได้ชกจนทัตสึโยชิเป็นแผลแตกที่เปลือกตาและตาแทบปิด กรรมการยุติการชกยกที่ 11 ต่อมาแม้จะขอแก้มือกับ ดานิเอล ซาราโกซา อีกแต่ก็แพ้คะแนนเอกฉันท์ ในต้นปี พ.ศ. 2540
จนกระทั่งปลายปีเดียวกันได้ตัดสินใจชิงแชมป์โลกอีกครั้ง โดยการชกครั้งนี้เป็นการตัดสินชะตาชีวิตบนสังเวียนผ้าใบของทัตสึโยชิ หากแพ้ก็จะแขวนนวมทันที โดยลดรุ่นมาชิงในรุ่นเดิม คือ แบนตั้มเวท กับ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ แชมป์โลกชาวไทย โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Judgement" ซึ่งการชกครั้งนี้ศิริมงคลต้องประสบปัญหาการลดน้ำหนักตัวเป็นอย่างมาก ถึงวันชกสภาพร่างกายซูบซีด แก้มตอบ ตากลวงลึกโบ๋ แต่ศิริมงคลก็ยังอดทนกัดฟันแลกหมัดกับทัตสึโยชิและเกือบน็อกทัตสึโยชิได้หลายครั้ง แต่ทัตสึโยชิซึ่งสภาพร่างกายดีกว่าก็เป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอศิริมงคลไปได้ในยกที่ 7 จากนั้นจึงป้องกันตำแหน่งครั้งแรกชนะคะแนน โฆเซ ราฟาเอล โซซา นักมวยชาวอาร์เจนไตน์ แล้วป้องกันครั้งที่สองไปอย่างไม่ประทับใจเพราะเป็นฝ่ายชนะคะแนนโดยเทคนิคยอดมวยชาวอเมริกัน พอลลี อยาลา ไปอย่างน่ากังขา ก่อนที่จะมาเสียแชมป์ด้วยการแพ้ทีเคโอให้ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น ในปลายปี พ.ศ. 2541 ในการป้องกันครั้งที่สาม
ต่อจากนั้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2542 ได้ชกแก้มืออีกครั้งกับ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น โดยใช้ชื่อศึกครั้งนี้ว่า "Final Chapter" เพราะพ่อของทัตสึโยชิเพิ่งจะเสียชีวิตไปก่อนการชกไม่นาน โดยทัตสึโยชิประกาศสู้ตาย ยอมตายไม่ยอมแพ้ และไม่ว่าชนะหรือแพ้จะเป็นไฟท์สุดท้ายของตน เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการชกครั้งนี้ทัตสึโยชิสวมกางเกงและรองเท้าสีน้ำเงิน ผิดแผกไปจากการชกครั้งก่อน ๆ ที่จะสวมกางเกงและรองเท้าสีขาวล้วนมาโดยตลอด ผลการแข่งขันทัตสึโยชิเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่ 7
หลังจากแพ้วีระพลและแขวนนวมไปพักใหญ่ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ก็เรียก แสน ส.เพลินจิต มาชกอุ่นเครื่อง แล้วต่อยหมัดชุดอัดแสนอยู่ข้างเดียว โดยที่หมัดของแสนทำอะไรทัตสึโยชิไม่ได้เลย โดนชกอยู่ข้างเดียวจนยก 6 กรรมการก็จับแสนแพ้ทีเคโอไป ต่อมา ทัตสึโยชิในวัย 38 ปี ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นชกในญี่ปุ่น ได้มาขึ้นชกมวยสากลที่เวทีราชดำเนิน ชนะน็อก พลังชัย ชูวัฒนะ ยก 2 และต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552 ทัตสึโยชิได้เดินทางมาชกที่เมืองไทยอีกครั้ง ณ เวทีมวยราชดำเนิน โดยพบกับ ซาไก จ๊อกกี้ยิม ซึ่งปรากฏว่าไฟท์นี้เกิดการพลิกความคาดหมาย เนื่องจากทัตสึโยชิ ถูกหมัดชุดและหมัดเหวี่ยงของซาไกแพ้ทีเคโอ (กรรมการยุติการชก) อย่างสิ้นสภาพไปในยกที่ 7[2] [3]
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของทัตสึโยชิ ในชื่อ "Joe, Tomorrow – 20 years with Joichiro Tatsuyoshi, a Legendary Boxing Champ" กำกับโดย ซากาโมโตะ จุนจิ โดยเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 28 ที่กรุงโตเกียว โดยมีเนื้อหาเริ่มตั้งแต่ที่ทัตสึโยชิชนะบิกตอร์ นาบานาเรส ได้แชมป์เฉพาะกาล จากนั้นจึงประสบกับปัญหาต่าง ๆ รวมถึงชีวิตครอบครัวอีกด้วย เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 20 ปี[4]
โจอิจิโร ทัตสึโยชิ เป็นนักมวยที่มีมาดกวน โดยมักจะทำทีท่าว่าไม่ยี่หระกับคู่ต่อสู้ นั่นเป็นเพราะตัวเขาเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้เป็นแฟนมวยและไม่ใช่แฟนมวยชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์นักกีฬาชาวญี่ปุ่นก็ว่าได้ ไม่ใช่เพราะฝีมือ แต่เป็นเพราะชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้มาตลอด เหมือนตัวละครในการ์ตูน โดยมีพ่อเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง แม้จะประสบปัญหาเรื่องสายตามาโดยตลอดก็ตาม แต่ก็ไม่ละทิ้งความหวัง พยายามกลับมาเป็นแชมป์โลกให้ได้หลายครั้ง
เกียรติประวัติ
- แชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท WBC
- ชิง 19 กันยายน 2534 ชนะอาร์ทีดี ยกที่ 10 เกรก ริชาร์ดสัน ที่ ญี่ปุ่น
- เสียแชมป์ 17 กันยายน 2535 แพ้ทีเคโอ บิกตอร์ ราบานาเลส ยกที่ 9 ที่ ญี่ปุ่น
- แชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท WBC (เฉพาะกาล)
- ชิง 22 กรกฎาคม 2536 ชนะคะแนน บิกตอร์ ราบานาเลส ที่ ญี่ปุ่น
- แชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท WBC
- ชิง 22 พฤศจิกายน 2540 ชนะทีเคโอ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ยกที่ 7 ที่ ญี่ปุ่น
- ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 8 มีนาคม 2541 ชนะคะแนน โฆเซ ราฟาเอล โซซา ที่ ญี่ปุ่น
- ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2, 23 สิงหาคม 2541 ชนะคะแนนโดยเทคนิคยกที่ 6 พอลลี อยาลา ที่ ญี่ปุ่น
- เสียแชมป์ 29 ธันวาคม 2541 แพ้ทีเคโอ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น ยกที่ 6 ที่ ญี่ปุ่น
- เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ
- ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท WBC 4 ธันวาคม 2537 แพ้คะแนน ยาซูเอะ ยากูชิจิ ที่ ญี่ปุ่น
- ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท WBC เมื่อ 3 มีนาคม 2539 แพ้ทีเคโอ ดานิเอล ซาราโกซา ยกที่ 11 ที่ ญี่ปุ่น
- ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท WBC เมื่อ 14 เมษายน 2540 แพ้คะแนน ดานิเอล ซาราโกซา ที่ ญี่ปุ่น
- ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท WBC เมื่อ 29 สิงหาคม 2542 แพ้ทีเคโอ วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น ยกที่ 7 ที่ ญี่ปุ่น
อ้างอิง
- ↑ Joichiro Tatsuyoshi, Boxing Record Archive
- ↑ Biography of Joichiro Tatsuyoshi (อังกฤษ)
- ↑ สุดสลด!!ซาไก จ๊อคกี้ยิม ดวลหมัดดับ จากสนุกดอตคอม (ไทย)
- ↑ "ญี่ปุ่นเปิดตัวหนังสารคดีตามติดชีวิต20ปี "โจ ทัตสึโยชิ" คู่ปรับ "วีระพล-ศิริมงคล-แสน"". มติชน. 2015-10-30. สืบค้นเมื่อ 2016-10-25.