ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กล้ามเนื้อโครงร่าง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Gta2123 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยแอปสำหรับแอนดรอยด์
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{ต้องการอ้างอิง}}


[[ไฟล์:Skeletal muscle.jpg|300px|right|thumbnail|การจัดลำดับของกล้ามเนื้อโครงร่าง]]
[[ไฟล์:Skeletal muscle.jpg|300px|right|thumbnail|การจัดลำดับของกล้ามเนื้อโครงร่างใหญ่เท่าตัว]]
'''กล้ามเนื้อโครงร่าง''' ({{lang-en|skeletal muscle}}) เป็น[[กล้ามเนื้อลาย (แก้ความกำกวม)|กล้ามเนื้อลาย]]ชนิดหนึ่งซึ่งมักมีส่วนยึดติดกับ[[กระดูก]] กล้ามเนื้อโครงร่างเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้สำหรับทำให้เกิดการเคลื่อนไหว โดยสร้างแรงกระทำกับกระดูกและ[[ข้อ]]ผ่าน[[การหดตัวของกล้ามเนื้อ]] โดยทั่วไปจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุม (ผ่านการกระตุ้นเส้นประสาทโซมาติก) อย่างไรก็ดี กล้ามเนื้อโครงร่างสามารถหดตัวนอกเหนือการควบคุมได้ผ่าน[[รีเฟลกซ์]]
'''กล้ามเนื้อโครงร่างกายมนุษย์​คนขยายใหญ่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด''' ({{lang-en|skeletal muscle}}) เป็น[[กล้ามเนื้อลาย (แก้ความกำกวม)|กล้ามเนื้อลาย]]ชนิดหนึ่งซึ่งมักมีส่วนยึดติดกับ[[กระดูก]] กล้ามเนื้อโครงร่างเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้สำหรับทำให้เกิดการเคลื่อนไหว โดยสร้างแรงกระทำกับกระดูกและ[[ข้อ]]ผ่าน[[การหดตัวของกล้ามเนื้อ]] โดยทั่วไปจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุม (ผ่านการกระตุ้นเส้นประสาทโซมาติก) อย่างไรก็ดี กล้ามเนื้อโครงร่างสามารถหดตัวนอกเหนือการควบคุมได้ผ่าน[[รีเฟลกซ์]]


เซลล์กล้ามเนื้อ (บางครั้งเรียกว่า ใยกล้ามเนื้อ) มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว หนึ่ง[[เซลล์ (ชีววิทยา)|เซลล์]]มีหลาย[[นิวเคลียส]] นิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อนี้อยู่ที่ส่วนริมเซลล์ ใต้[[เยื่อหุ้มเซลล์]] เพื่อให้ตรงกลางเซลล์มีที่ว่างสำหรับ [[myofibril]] (ในทางกลับกัน หากนิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อโครงร่างไปอยู่ตรงกลางเซลล์ จะถือว่าเป็นภาวะทาง[[พยาธิวิทยา]]ที่เรียกว่า [[centronuclear myopathy]])
เซลล์กล้ามเนื้อ (บางครั้งเรียกว่า ใยกล้ามเนื้อ) มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว หนึ่ง[[เซลล์ (ชีววิทยา)|เซลล์]]มีหลาย[[นิวเคลียส]] นิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อนี้อยู่ที่ส่วนริมเซลล์ ใต้[[เยื่อหุ้มเซลล์]] เพื่อให้ตรงกลางเซลล์มีที่ว่างสำหรับ [[myofibril]] (ในทางกลับกัน หากนิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อโครงร่างไปอยู่ตรงกลางเซลล์ จะถือว่าเป็นภาวะทาง[[พยาธิวิทยา]]ที่เรียกว่า [[centronuclear myopathy]])
บรรทัด 10: บรรทัด 10:
กล้ามเนื้อโครงร่างจะมีปลายข้างหนึ่ง (จุดเกาะต้น) เกาะติดกับกระดูกส่วนที่ใกล้กับแกนกลางร่างกายมากกว่าและมักเป็นกระดูกที่ค่อนข้างยึดแน่น และปลายอีกข้างหนึ่ง (จุดเกาะปลาย) เกาะข้ามข้อไปยังกระดูกอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากแกนกลางร่างกายมากกว่า การหดตัวของกล้ามเนื้อโครงร่างจะทำให้กระดูกหมุนตามข้อ เช่น กล้ามเนื้อที่ชื่อว่า [[biceps brachii]] มีจุดเกาะต้นอยู่ที่[[กระดูกสะบัก]] และมีจุดเกาะปลายอยู่ที่[[กระดูกเรเดียส]] (ส่วนหนึ่งของแขนท่อนล่าง) เมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัว จะทำให้เกิดการงอแขนที่[[ข้อศอก]] เป็นต้น
กล้ามเนื้อโครงร่างจะมีปลายข้างหนึ่ง (จุดเกาะต้น) เกาะติดกับกระดูกส่วนที่ใกล้กับแกนกลางร่างกายมากกว่าและมักเป็นกระดูกที่ค่อนข้างยึดแน่น และปลายอีกข้างหนึ่ง (จุดเกาะปลาย) เกาะข้ามข้อไปยังกระดูกอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากแกนกลางร่างกายมากกว่า การหดตัวของกล้ามเนื้อโครงร่างจะทำให้กระดูกหมุนตามข้อ เช่น กล้ามเนื้อที่ชื่อว่า [[biceps brachii]] มีจุดเกาะต้นอยู่ที่[[กระดูกสะบัก]] และมีจุดเกาะปลายอยู่ที่[[กระดูกเรเดียส]] (ส่วนหนึ่งของแขนท่อนล่าง) เมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัว จะทำให้เกิดการงอแขนที่[[ข้อศอก]] เป็นต้น


การแบ่งประเภทของกล้ามเนื้อโครงร่างนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน วิธีหนึ่งคือแบ่งตาม[[โปรตีน]]ที่มีอยู่ใน [[myosin]] วิธีนี้จะทำให้ได้กล้ามเนื้อโครงร่างสองชนิด คือ ชนิดที่หนึ่ง (Type I) และชนิดที่สอง (Type II) กล้ามเนื้อ Type I จะมีสีออกแดง มีความทนมากและทำงานได้นานก่อนจะล้าเนื่องจากใช้พลังงานจากกระบวนการ [[oxidative metabolism]] ส่วนกล้ามเนื้อ Type II จะมีสีออกขาว ใช้สำหรับการทำงานที่ต้องการความเร็วและกำลังมากในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะล้าไป กล้ามเนื้อชนิดนี้ใช้พลังงานจากทั้งกระบวน oxidative metabolism และ [[anaerobic metabolism]] ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยแต่ละชนิด
การแบ่งประเภทของกล้ามเนื้อโครงร่างนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน วิธีหนึ่งคือแบ่งตามเพิ่ม[[โปรตีน]]ที่มีอยู่ในในร่างกายทำให้โปรตีนเป็นกล้ามเนื้อ​มัดทั้งตัว [[myosin]] วิธีนี้จะทำให้ได้กล้ามเนื้อโครงร่างกายใหญ่ชนิดนี้ คือ ชนิดที่หนึ่ง (Type I) และชนิดที่สอง (Type II) กล้ามเนื้อ Type I จะมีสีออกแดง มีความทนมากและทำงานได้นานก่อนจะล้าเนื่องจากใช้พลังงานจากกระบวนการ [[oxidative metabolism]] ส่วนกล้ามเนื้อ Type II จะมีสีออกขาว ใช้สำหรับการทำงานที่ต้องการความเร็วและกำลังมากในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะไม่ล้าไป กล้ามเนื้อชนิดต่างๆใช้พลังงานจากทั้งกระบวน oxidative metabolism และ [[anaerobic metabolism]] ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยแต่ละชนิด


{{ระบบกล้ามเนื้อ}}
{{ระบบกล้ามเนื้อ}}ขยายใหญ่ไม่หดตัว


[[หมวดหมู่:ระบบกล้ามเนื้อ|*]]
[[หมวดหมู่:ระบบกล้ามเนื้อ|*]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:55, 2 กรกฎาคม 2562

การจัดลำดับของกล้ามเนื้อโครงร่างใหญ่เท่าตัว

กล้ามเนื้อโครงร่างกายมนุษย์​คนขยายใหญ่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด (อังกฤษ: skeletal muscle) เป็นกล้ามเนื้อลายชนิดหนึ่งซึ่งมักมีส่วนยึดติดกับกระดูก กล้ามเนื้อโครงร่างเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้สำหรับทำให้เกิดการเคลื่อนไหว โดยสร้างแรงกระทำกับกระดูกและข้อผ่านการหดตัวของกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุม (ผ่านการกระตุ้นเส้นประสาทโซมาติก) อย่างไรก็ดี กล้ามเนื้อโครงร่างสามารถหดตัวนอกเหนือการควบคุมได้ผ่านรีเฟลกซ์

เซลล์กล้ามเนื้อ (บางครั้งเรียกว่า ใยกล้ามเนื้อ) มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว หนึ่งเซลล์มีหลายนิวเคลียส นิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อนี้อยู่ที่ส่วนริมเซลล์ ใต้เยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อให้ตรงกลางเซลล์มีที่ว่างสำหรับ myofibril (ในทางกลับกัน หากนิวเคลียสของเซลล์กล้ามเนื้อโครงร่างไปอยู่ตรงกลางเซลล์ จะถือว่าเป็นภาวะทางพยาธิวิทยาที่เรียกว่า centronuclear myopathy)

กล้ามเนื้อโครงร่างจะมีปลายข้างหนึ่ง (จุดเกาะต้น) เกาะติดกับกระดูกส่วนที่ใกล้กับแกนกลางร่างกายมากกว่าและมักเป็นกระดูกที่ค่อนข้างยึดแน่น และปลายอีกข้างหนึ่ง (จุดเกาะปลาย) เกาะข้ามข้อไปยังกระดูกอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ห่างจากแกนกลางร่างกายมากกว่า การหดตัวของกล้ามเนื้อโครงร่างจะทำให้กระดูกหมุนตามข้อ เช่น กล้ามเนื้อที่ชื่อว่า biceps brachii มีจุดเกาะต้นอยู่ที่กระดูกสะบัก และมีจุดเกาะปลายอยู่ที่กระดูกเรเดียส (ส่วนหนึ่งของแขนท่อนล่าง) เมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัว จะทำให้เกิดการงอแขนที่ข้อศอก เป็นต้น

การแบ่งประเภทของกล้ามเนื้อโครงร่างนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน วิธีหนึ่งคือแบ่งตามเพิ่มโปรตีนที่มีอยู่ในในร่างกายทำให้โปรตีนเป็นกล้ามเนื้อ​มัดทั้งตัว myosin วิธีนี้จะทำให้ได้กล้ามเนื้อโครงร่างกายใหญ่ชนิดนี้ คือ ชนิดที่หนึ่ง (Type I) และชนิดที่สอง (Type II) กล้ามเนื้อ Type I จะมีสีออกแดง มีความทนมากและทำงานได้นานก่อนจะล้าเนื่องจากใช้พลังงานจากกระบวนการ oxidative metabolism ส่วนกล้ามเนื้อ Type II จะมีสีออกขาว ใช้สำหรับการทำงานที่ต้องการความเร็วและกำลังมากในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะไม่ล้าไป กล้ามเนื้อชนิดต่างๆใช้พลังงานจากทั้งกระบวน oxidative metabolism และ anaerobic metabolism ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยแต่ละชนิด

ขยายใหญ่ไม่หดตัว