ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดอน โจวันนี"
ล แทนที่ ‘(?mi)\{\{Link GA\|.+?\}\}\n?’ ด้วย ‘’: เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้วิกิสนเทศ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{อุปรากรโดย |
{{อุปรากรโดยโมทซาร์ท}} |
||
[[ไฟล์:Lorenzo_da_Ponte.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|ดาปอนเต้]] |
[[ไฟล์:Lorenzo_da_Ponte.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|ดาปอนเต้]] |
||
'''ดอน |
'''ดอน โจวันนี''' (Don Giovanni, KV 527) เป็น[[อุปรากร]]ตะวันตกซึ่งประพันธ์บทโดย [[ลอเร็นโซ ดาปอนเต้]] (Lorenzo da Ponte) เป็นภาษาอิตาเลียน และประพันธ์ดนตรีโดย [[ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท]] (Wolfgang Amadeus Mozart) ดอนโจวันนี เป็นอุปรากรตลกที่แฝงไปด้วยความมืดโดยมีทั้งหมดสององก์และเปิดแสดงครั้งแรกที่กรุง[[ปราก]]ใน พ.ศ. 2330 |
||
== ตัวละคร == |
== ตัวละคร == |
||
* ''ดอน |
* ''ดอน โจวันนี'' (Don Giovanni - ''Bass Baritone'' หรือ ''Baritone'') หนุ่มชนชั้นสูงผู้เต็มไปด้วยความยโสและเจ้าชู้ |
||
* ''เลโปเรลโล่'' (Leporello - ''Bass'') หนุ่มรับใช้ของดอน |
* ''เลโปเรลโล่'' (Leporello - ''Bass'') หนุ่มรับใช้ของดอน โจวันนี |
||
* ''ดอน เปโดร'' (Don Pedro, il Commendatore - ''Bass'') ทหารระดับสูงผู้มีชื่อเสียง |
* ''ดอน เปโดร'' (Don Pedro, il Commendatore - ''Bass'') ทหารระดับสูงผู้มีชื่อเสียง |
||
* ''ดอนน่า อันนา'' (Donna Anna - ''Soprano'') ลูกสาวของดอนเปโดร |
* ''ดอนน่า อันนา'' (Donna Anna - ''Soprano'') ลูกสาวของดอนเปโดร |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
== เนื้อเรื่องย่อ == |
== เนื้อเรื่องย่อ == |
||
ดอน |
ดอน โจวันนีเป็นอุปรากรที่แต่งจากตำนานของ [[ดอน ฆวน]] หนุ่มนักรักชาว[[สเปน]] อุปรากรเรื่องนี้กล่าวถึงจุดจบอันน่าสะพรึงกลัวของดอน ฆวน หรือ ดอนโจวันนีในภาษาอิตาลี ผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้หญิงสาวที่หมายปองมาเชยชมแม้จะต้องสังหารใครก็ตามที่ขวางทาง |
||
สถานที่: เมือง[[เซบียา|เซบีญ่า]] ประเทศ[[สเปน]] ในคริสต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด |
สถานที่: เมือง[[เซบียา|เซบีญ่า]] ประเทศ[[สเปน]] ในคริสต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด |
||
=== องก์ที่หนึ่ง === |
=== องก์ที่หนึ่ง === |
||
โจวันนีแอบเข้าไปในบ้านของอันนาเพื่อที่จะลักหลับนาง แต่นางกลับไหวตัวทันเรียกให้คนมาช่วย โจวันนีวิ่งหนีมาพบเปโดรที่สวน เปโดรพยายามที่จะจับตัวโจวันนีแต่โดนโจวันนีสังหารก่อนที่จะหลบหนีไป อันนาและคู่หมั้นของนางจึงสาบานที่จะล้างแค้นให้พ่อของนาง |
|||
โจวันนีหนีมาถึงจตุรัสแห่งหนึ่งและได้เข้าไปเกี้ยวพาราสีกับหญิงที่พบ แต่เมื่อเห็นหน้าจะๆ จึงพบว่าเป็นเอลวิร่าคนรักเก่าที่เพิ่งทิ้งมา เอลวิร่าพยายามที่จะจัดการกับโจวันนีแต่โจวันนีเอาตัวของเลโปเรลโล่มาบังและหลบหนีไป เลปโปเรลโล่จึงบอกให้นางทำใจเนื่องจากนางเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงนับพันของโจวันนี เอลวิร่าโกรธมากเมื่อได้ยิน และมุ่งมั่นที่จะชำระแค้นนี้ |
|||
โจวันนีหนีต่อมาจนถึงงานแต่งงานหนึ่ง เมื่อพบเจ้าสาวโจวันนีก็ได้หมายปองนางจึงบอกจะจัดงานที่ปราสาทให้และให้เลโปเรลโล่พามาเซตโต้ผู้เป็นเจ้าบ่าวพร้อมทั้งคนอื่นๆล่วงหน้าไปที่ปราสาทก่อน เหลือเพียงเจ้าสาวเซอร์ลิน่าอยู่แต่ผู้เดียว โจวันนีจึงเข้าไปเกี้ยวพาราสีนางโดยออกอุบายต่างๆนานา แต่ทันใดนั้น เอลวิร่าก็เข้ามาขัดขวางและปรามไม่ให้เซอร์ลิน่าตกหลุมพรางจองโจวันนี ไม่นานหลังจากนั้นอันนากับออตตาวิโอก็วิ่งตามมาพบกับทั้งสาม โดยที่โจวันนีกำลังพยายามแก้ตัวกับเซอร์ลิน่าและหาว่านางเอลวิร่านั้นสติฟั่นเฟือน พออันนาเริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าโจวันนีอาจจะเป็นผู้ที่สังหารพ่อของเธอโจวันนีก็ไหวตัวทันและก็หลบหนีไป |
|||
โจวันนีมาพบกับเลโปเรลโล่ซึ่งบอกเค้าว่าเซอร์ลิน่ากับเอลวิร่าเกือบทำให้งานที่ปราสาทล่ม แต่โจวันนีบอกไม่ต้องห่วงและให้จัดงานฉลองอย่างเต็มที่ ระหว่างทางกลับ ดอนไปพบกับเซอร์ลิน่าและพยายามจะเกี้ยวนางอีกครั้ง แต่มาเซตโตซึ่งแอบอยู่ก็โผล่มา โจวันนีจึงปล่อยนางคืนให้กับเจ้าบ่าว และพาทั้งสองไปยังงานฉลองโดยโจวันนีพยายามที่จะจีบเซอร์ลิน่าอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น อันนา เอลวิร่า และออตตาวิโอก็โผล่เข้ามาเพื่อที่จะจัดการกับโจวันนีซึ่งก็เกือบถูกจับได้แต่ก็หลบหนีไปได้ทัน |
|||
=== องก์ที่สอง === |
=== องก์ที่สอง === |
||
[[ไฟล์:Max Slevogt Francisco d'Andrade as Don Giovanni.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|ดอน |
[[ไฟล์:Max Slevogt Francisco d'Andrade as Don Giovanni.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|ดอน โจวันนีขณะกำลังออกปากเชิญรูปปั้นดอน เปโดรไปทานอาหารค่ำ โดยมีเลโปเรลโล่หลบอยู่ด้านหลัง]] |
||
เลโปเรลโล่ซึ่งเกือบถูกจับได้ด้วยพยายามที่จะลาออกจากการเป็นหนุ่มรับใช้ แต่ |
เลโปเรลโล่ซึ่งเกือบถูกจับได้ด้วยพยายามที่จะลาออกจากการเป็นหนุ่มรับใช้ แต่โจวันนีก็เอาเงินฟาดหัวให้เขาอยู่ต่อ หลังจากนั้นโจวันนีก็เปลี่ยนชุดกับเลปโปเรลโล่โดยให้หนุ่มรับใช้ปลอมตัวเป็นเขาเพื่อที่จะล่อนางเอลวิร่าออกมาเพื่อที่เขาเองจะได้เข้าไปเกี้ยวสาวใช้ของเอลวิร่า ขณะกำลังจีบนางอยู่โจวันนีซึ่งก็พบกับกลุ่มของมาเซตโต้ที่จะมาจัดการกับโจวันนีด้วยความหึงหวงนางเซอร์ลิน่า โจวันนีอยู่ในชุดเลปโปเรลโลจึงได้ใช้อุบายลอบทำร้ายมาเซตโต้และหนีไปอีกครั้ง เซอร์ลิน่ามาพบเข้าจึงเข้าไปดูแลสามีของนาง |
||
ขณะที่เลโปเรลโล่กำลังอยู่กับเอลวิร่า เขาก็ต้องพบกับออตตาวิโอและอันนาผู้คิดว่าเขาคือ |
ขณะที่เลโปเรลโล่กำลังอยู่กับเอลวิร่า เขาก็ต้องพบกับออตตาวิโอและอันนาผู้คิดว่าเขาคือโจวันนีจึงพยายามที่จะฆ่า เอลวิร่าซึ่งยังรักโจวันนีอยู่เข้าไปปกป้อง เลโปเรลโล่จึงอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและหนีไป เลโปเรลโล่มาพบกับโจวันนี ณ สุสานแห่งนึง และพบกับรูปปั้นทหารที่มีลักษณะคล้ายเปโดรซึ่งพยายามเตือนโจวันนี โจวันนีคิดเป็นเรื่องขบขันที่พบรูปปั้นพูดได้จึงเอ่ยปากชวนรูปปั้นนั้นไปทานอาหารเย็นด้วย |
||
ที่ปราสาทของ |
ที่ปราสาทของโจวันนี เขากำลังรื่นเริงกับอาหารเย็นอยู่ โดยมีวงดนตรีเล่นเพลงของ[[โมสาร์ท]]ประกอบด้วย เอลวิร่าเข้ามาหาโจวันนีและพยายามบอกให้โจวันนีเลิกนิสัยเสียของเขา โจวันนีไล่นางอยู่ แต่ในขณะกำลังออกนางก็ตกใจร้องลั่น เลโปเรลโล่ออกไปดูและวิ่งตกใจกลับมาเช่นกัน ทันใดนั้นรูปปั้นเปโดรก็พังประตูเข้ามาบอกว่ามาตามที่นัดไว้ เขาบอกให้โจวันนีเลิกนิสัยของเขาเสีย แต่โจวันนีปฏิเสธ รูปปั้นจึงจมลงไปสู่นรกแล้วก็ลากตัวโจวันนีซึ่งจับมือเขาอยู่ตามลงไปด้วย กลุ่มคนทั้งห้าที่แค้นโจวันนีตามเข้ามาเพื่อที่จะฆ่าเขาแต่ก็พบว่าเขาได้พบจุดจบไปเรียบร้อยแล้ว |
||
ตอนจบของเรื่อง ออตตาวิโอก็จะแต่งงานกับอันนา เอลวิร่าจะไปอาศัยอยู่ที่คอนแวนต์ และเซอร์ลินากับมาเซตโต้ก็จะกลับบ้าน ตอนจบอุปรากรเรื่องนี้ก็ฝากข้อคิดว่าคนชั่วก็พบจุดจบที่เลวร้ายไม่ต่างกับสิ่งที่เขาได้ทำมา |
ตอนจบของเรื่อง ออตตาวิโอก็จะแต่งงานกับอันนา เอลวิร่าจะไปอาศัยอยู่ที่คอนแวนต์ และเซอร์ลินากับมาเซตโต้ก็จะกลับบ้าน ตอนจบอุปรากรเรื่องนี้ก็ฝากข้อคิดว่าคนชั่วก็พบจุดจบที่เลวร้ายไม่ต่างกับสิ่งที่เขาได้ทำมา |
||
== การแสดง == |
== การแสดง == |
||
อุปรากรดอน |
อุปรากรดอน โจวันนี แสดงครั้งแรกที่โรงละคร Stavovské divadlo ในกรุง[[ปราก]] ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2330 ในชื่อ ''Il Dissoluto Punito ossia il Don Giovanni Dramma giocoso in due atti'' โดยมี Luigi Bassi รับบทเป็นดอน โจวันนี และ Giuseppe Lolli เป็นดอน เปโดร การแสดงครั้งแรกนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง |
||
ต่อมาโมตสาร์ตได้ประพันธ์ดนตรีเพิ่มอีกสามท่อนและนำออกแสดงเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2331 ที่กรุง[[เวียนนา]] โดยมี Francesco Albertarelli รับบทเป็นดอน |
ต่อมาโมตสาร์ตได้ประพันธ์ดนตรีเพิ่มอีกสามท่อนและนำออกแสดงเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2331 ที่กรุง[[เวียนนา]] โดยมี Francesco Albertarelli รับบทเป็นดอน โจวันนี และ Francesco Busani เป็นดอน เปโดร แม้จะได้รับคำชมจากจักพรรดิโจเซฟแต่การแสดงไม่ค่อยถูกอรรถรสชาวเวียนนาเท่ากับที่ปราก ทำให้อุปรากรดอน โจวันนีเล่นที่เวียนนาได้เพียงสิบห้าครั้งในปีนั้นและกว่าจะถูกนำมาเล่นอีกทีก็หลังจากที่โม้ตสาร์ตได้เสียชีวิตลงแล้ว |
||
ปัจจุบันดอน |
ปัจจุบันดอน โจวันนีได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอุปรากรที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีการจัดแสดงอุปรากรเรื่องนี้บ่อยที่สุดเป็นอันดับที่เจ็ด<ref>http://www.operaamerica.org/audiences/learningcenter/cornerstones/operalist2.html#don</ref> ซึ่งการแสดงอุปรากรเรื่องนี้ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาโดยทั่วไปประมาณสองชั่วโมงครึ่ง |
||
นอกจากนี้ ดอน |
นอกจากนี้ ดอน โจวันนี ยังได้รับการดัดแปลงเป็น[[ภาพยนตร์]]ในปี พ.ศ. 2522 กำกับภาพยนตร์โดย Joseph Losey |
||
== ดนตรี == |
== ดนตรี == |
||
[[ไฟล์:Wolfgang-amadeus-mozart_1.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|โมสาร์ต]] |
[[ไฟล์:Wolfgang-amadeus-mozart_1.jpg|thumb|200pxthumb|200px|right|โมสาร์ต]] |
||
ดอน |
ดอน โจวันนีสามารถเล่นได้ด้วยวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: [[ไวโอลิน]] [[วิโอลา]] [[เชลโล]] [[ดับเบิลเบส|เบส]] [[ฮาร์ปซิคอร์ด|บาสโซคอนทินิวโอ]] [[ฟลุต|ขลุ่ย]] [[คลาริเน็ต]] [[โอโบ]] [[บาสซูน]] [[ฮอร์น|แตร]] [[ทรัมเป็ต]] [[ทรอมโบน]] และ[[ทิมปะนี]] โดยมี[[มานโดลิน]]เป็นเครื่องดนตรีประกอบการแสดงฉากที่โจวันนีกำลังเกี้ยวสาวใช้ของนางเอลวิร่าอยู่ด้วย |
||
เพลงในอุปรากรที่คุ้นหู ได้แก่ |
เพลงในอุปรากรที่คุ้นหู ได้แก่ |
||
* ''Overture'' [[เพลงโหมโรง]]ของอุปรากร |
* ''Overture'' [[เพลงโหมโรง]]ของอุปรากร |
||
* ''Là ci darem la mano'' เพลงเกี้ยวพาราสีระหว่าง |
* ''Là ci darem la mano'' เพลงเกี้ยวพาราสีระหว่างโจวันนีกับเซอร์ลินา |
||
* ''Don Giovanni, a cenar teco m'invitasti'' เพลงตอนที่รูปปั้นของเปโดรพังประตูเข้ามาหา |
* ''Don Giovanni, a cenar teco m'invitasti'' เพลงตอนที่รูปปั้นของเปโดรพังประตูเข้ามาหาโจวันนี |
||
== อะมาเดอุส == |
== อะมาเดอุส == |
||
อุปรากรเรื่องนี้อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง[[อะมาเดอุส]]ตอนนี้หุ่นยักษ์พังกำแพงเข้ามาในเวทีอุปรากร ซึ่งซาลิเอรี่กล่าวว่านั่นคือพ่อของโมสาร์ท ถึงแม้เรื่องนี้จะแต่งขึ้นในปีเดียวกับที่พ่อของเขาเสียก็เป็นไปได้ยากที่เรื่องนี้จะเป็นจรืงเนื่องจากเรื่องของรูปปั้นตามล้างแค้นนี้ได้ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173 โดยกวี เทียร์โซ เด โมลิน่า ชื่อเรื่องว่า ''ชายจอมลวงแห่งเซบีญ่าและแขกผู้เป็นหิน'' (''El burlador de Sevilla y convidado de piedra'') ทั้งนี้ ยังมีการลืออีกว่า ดา ปอนเต้ ได้ลอกเนื้อร้องส่วนหนึ่งมาจาก |
อุปรากรเรื่องนี้อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง[[อะมาเดอุส]]ตอนนี้หุ่นยักษ์พังกำแพงเข้ามาในเวทีอุปรากร ซึ่งซาลิเอรี่กล่าวว่านั่นคือพ่อของโมสาร์ท ถึงแม้เรื่องนี้จะแต่งขึ้นในปีเดียวกับที่พ่อของเขาเสียก็เป็นไปได้ยากที่เรื่องนี้จะเป็นจรืงเนื่องจากเรื่องของรูปปั้นตามล้างแค้นนี้ได้ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173 โดยกวี เทียร์โซ เด โมลิน่า ชื่อเรื่องว่า ''ชายจอมลวงแห่งเซบีญ่าและแขกผู้เป็นหิน'' (''El burlador de Sevilla y convidado de piedra'') ทั้งนี้ ยังมีการลืออีกว่า ดา ปอนเต้ ได้ลอกเนื้อร้องส่วนหนึ่งมาจาก โจวันนี แบร์ตาตี ซึ่งมีโอเปร่าเรื่องเดียวกันออกแสดงก่อนเขาไม่นาน อย่างไรก็ดี ยังมีความเป็นไปได้ที่ดนตรีที่ค่อนข้างมืดในเรื่องนี้อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากการจากไปของบิดาของโมสาร์ท |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 68: | บรรทัด 68: | ||
{{workinyr|1787}} |
{{workinyr|1787}} |
||
[[หมวดหมู่:อุปรากรโดย |
[[หมวดหมู่:อุปรากรโดยว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท]] |
||
[[หมวดหมู่:อุปรากรภาษาอิตาลี]] |
[[หมวดหมู่:อุปรากรภาษาอิตาลี]] |
||
[[หมวดหมู่:อุปรากรคริสต์ทศวรรษ 1780]] |
[[หมวดหมู่:อุปรากรคริสต์ทศวรรษ 1780]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:21, 8 กันยายน 2561
ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท |
---|
ดอน โจวันนี (Don Giovanni, KV 527) เป็นอุปรากรตะวันตกซึ่งประพันธ์บทโดย ลอเร็นโซ ดาปอนเต้ (Lorenzo da Ponte) เป็นภาษาอิตาเลียน และประพันธ์ดนตรีโดย ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมทซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ดอนโจวันนี เป็นอุปรากรตลกที่แฝงไปด้วยความมืดโดยมีทั้งหมดสององก์และเปิดแสดงครั้งแรกที่กรุงปรากใน พ.ศ. 2330
ตัวละคร
- ดอน โจวันนี (Don Giovanni - Bass Baritone หรือ Baritone) หนุ่มชนชั้นสูงผู้เต็มไปด้วยความยโสและเจ้าชู้
- เลโปเรลโล่ (Leporello - Bass) หนุ่มรับใช้ของดอน โจวันนี
- ดอน เปโดร (Don Pedro, il Commendatore - Bass) ทหารระดับสูงผู้มีชื่อเสียง
- ดอนน่า อันนา (Donna Anna - Soprano) ลูกสาวของดอนเปโดร
- ดอน ออตตาวิโอ (Don Ottavio - Tenor) คู่หมั้นของดอนน่า อันนา
- ดอนน่า เอลวิร่า (Donna Elvira - Soprano) หนึ่งในคนรักเก่าของดอน โจวานนี่
- มาเซตโต้ (Masetto - Bass) หนุ่มพื้นบ้าน
- เซอร์ลิน่า (Zerlina - Soprano) คู่หมั้นของมาเซตโต้
นอกจากนี้ยังมีชาวนา คนรับใช้ นักดนตรี และหญิงชาวบ้าน ซึ่งเป็นคอรัสในเรื่องอีกด้วย
เนื้อเรื่องย่อ
ดอน โจวันนีเป็นอุปรากรที่แต่งจากตำนานของ ดอน ฆวน หนุ่มนักรักชาวสเปน อุปรากรเรื่องนี้กล่าวถึงจุดจบอันน่าสะพรึงกลัวของดอน ฆวน หรือ ดอนโจวันนีในภาษาอิตาลี ผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้หญิงสาวที่หมายปองมาเชยชมแม้จะต้องสังหารใครก็ตามที่ขวางทาง
สถานที่: เมืองเซบีญ่า ประเทศสเปน ในคริสต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด
องก์ที่หนึ่ง
โจวันนีแอบเข้าไปในบ้านของอันนาเพื่อที่จะลักหลับนาง แต่นางกลับไหวตัวทันเรียกให้คนมาช่วย โจวันนีวิ่งหนีมาพบเปโดรที่สวน เปโดรพยายามที่จะจับตัวโจวันนีแต่โดนโจวันนีสังหารก่อนที่จะหลบหนีไป อันนาและคู่หมั้นของนางจึงสาบานที่จะล้างแค้นให้พ่อของนาง
โจวันนีหนีมาถึงจตุรัสแห่งหนึ่งและได้เข้าไปเกี้ยวพาราสีกับหญิงที่พบ แต่เมื่อเห็นหน้าจะๆ จึงพบว่าเป็นเอลวิร่าคนรักเก่าที่เพิ่งทิ้งมา เอลวิร่าพยายามที่จะจัดการกับโจวันนีแต่โจวันนีเอาตัวของเลโปเรลโล่มาบังและหลบหนีไป เลปโปเรลโล่จึงบอกให้นางทำใจเนื่องจากนางเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงนับพันของโจวันนี เอลวิร่าโกรธมากเมื่อได้ยิน และมุ่งมั่นที่จะชำระแค้นนี้
โจวันนีหนีต่อมาจนถึงงานแต่งงานหนึ่ง เมื่อพบเจ้าสาวโจวันนีก็ได้หมายปองนางจึงบอกจะจัดงานที่ปราสาทให้และให้เลโปเรลโล่พามาเซตโต้ผู้เป็นเจ้าบ่าวพร้อมทั้งคนอื่นๆล่วงหน้าไปที่ปราสาทก่อน เหลือเพียงเจ้าสาวเซอร์ลิน่าอยู่แต่ผู้เดียว โจวันนีจึงเข้าไปเกี้ยวพาราสีนางโดยออกอุบายต่างๆนานา แต่ทันใดนั้น เอลวิร่าก็เข้ามาขัดขวางและปรามไม่ให้เซอร์ลิน่าตกหลุมพรางจองโจวันนี ไม่นานหลังจากนั้นอันนากับออตตาวิโอก็วิ่งตามมาพบกับทั้งสาม โดยที่โจวันนีกำลังพยายามแก้ตัวกับเซอร์ลิน่าและหาว่านางเอลวิร่านั้นสติฟั่นเฟือน พออันนาเริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าโจวันนีอาจจะเป็นผู้ที่สังหารพ่อของเธอโจวันนีก็ไหวตัวทันและก็หลบหนีไป
โจวันนีมาพบกับเลโปเรลโล่ซึ่งบอกเค้าว่าเซอร์ลิน่ากับเอลวิร่าเกือบทำให้งานที่ปราสาทล่ม แต่โจวันนีบอกไม่ต้องห่วงและให้จัดงานฉลองอย่างเต็มที่ ระหว่างทางกลับ ดอนไปพบกับเซอร์ลิน่าและพยายามจะเกี้ยวนางอีกครั้ง แต่มาเซตโตซึ่งแอบอยู่ก็โผล่มา โจวันนีจึงปล่อยนางคืนให้กับเจ้าบ่าว และพาทั้งสองไปยังงานฉลองโดยโจวันนีพยายามที่จะจีบเซอร์ลิน่าอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น อันนา เอลวิร่า และออตตาวิโอก็โผล่เข้ามาเพื่อที่จะจัดการกับโจวันนีซึ่งก็เกือบถูกจับได้แต่ก็หลบหนีไปได้ทัน
องก์ที่สอง
เลโปเรลโล่ซึ่งเกือบถูกจับได้ด้วยพยายามที่จะลาออกจากการเป็นหนุ่มรับใช้ แต่โจวันนีก็เอาเงินฟาดหัวให้เขาอยู่ต่อ หลังจากนั้นโจวันนีก็เปลี่ยนชุดกับเลปโปเรลโล่โดยให้หนุ่มรับใช้ปลอมตัวเป็นเขาเพื่อที่จะล่อนางเอลวิร่าออกมาเพื่อที่เขาเองจะได้เข้าไปเกี้ยวสาวใช้ของเอลวิร่า ขณะกำลังจีบนางอยู่โจวันนีซึ่งก็พบกับกลุ่มของมาเซตโต้ที่จะมาจัดการกับโจวันนีด้วยความหึงหวงนางเซอร์ลิน่า โจวันนีอยู่ในชุดเลปโปเรลโลจึงได้ใช้อุบายลอบทำร้ายมาเซตโต้และหนีไปอีกครั้ง เซอร์ลิน่ามาพบเข้าจึงเข้าไปดูแลสามีของนาง
ขณะที่เลโปเรลโล่กำลังอยู่กับเอลวิร่า เขาก็ต้องพบกับออตตาวิโอและอันนาผู้คิดว่าเขาคือโจวันนีจึงพยายามที่จะฆ่า เอลวิร่าซึ่งยังรักโจวันนีอยู่เข้าไปปกป้อง เลโปเรลโล่จึงอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและหนีไป เลโปเรลโล่มาพบกับโจวันนี ณ สุสานแห่งนึง และพบกับรูปปั้นทหารที่มีลักษณะคล้ายเปโดรซึ่งพยายามเตือนโจวันนี โจวันนีคิดเป็นเรื่องขบขันที่พบรูปปั้นพูดได้จึงเอ่ยปากชวนรูปปั้นนั้นไปทานอาหารเย็นด้วย
ที่ปราสาทของโจวันนี เขากำลังรื่นเริงกับอาหารเย็นอยู่ โดยมีวงดนตรีเล่นเพลงของโมสาร์ทประกอบด้วย เอลวิร่าเข้ามาหาโจวันนีและพยายามบอกให้โจวันนีเลิกนิสัยเสียของเขา โจวันนีไล่นางอยู่ แต่ในขณะกำลังออกนางก็ตกใจร้องลั่น เลโปเรลโล่ออกไปดูและวิ่งตกใจกลับมาเช่นกัน ทันใดนั้นรูปปั้นเปโดรก็พังประตูเข้ามาบอกว่ามาตามที่นัดไว้ เขาบอกให้โจวันนีเลิกนิสัยของเขาเสีย แต่โจวันนีปฏิเสธ รูปปั้นจึงจมลงไปสู่นรกแล้วก็ลากตัวโจวันนีซึ่งจับมือเขาอยู่ตามลงไปด้วย กลุ่มคนทั้งห้าที่แค้นโจวันนีตามเข้ามาเพื่อที่จะฆ่าเขาแต่ก็พบว่าเขาได้พบจุดจบไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนจบของเรื่อง ออตตาวิโอก็จะแต่งงานกับอันนา เอลวิร่าจะไปอาศัยอยู่ที่คอนแวนต์ และเซอร์ลินากับมาเซตโต้ก็จะกลับบ้าน ตอนจบอุปรากรเรื่องนี้ก็ฝากข้อคิดว่าคนชั่วก็พบจุดจบที่เลวร้ายไม่ต่างกับสิ่งที่เขาได้ทำมา
การแสดง
อุปรากรดอน โจวันนี แสดงครั้งแรกที่โรงละคร Stavovské divadlo ในกรุงปราก ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2330 ในชื่อ Il Dissoluto Punito ossia il Don Giovanni Dramma giocoso in due atti โดยมี Luigi Bassi รับบทเป็นดอน โจวันนี และ Giuseppe Lolli เป็นดอน เปโดร การแสดงครั้งแรกนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
ต่อมาโมตสาร์ตได้ประพันธ์ดนตรีเพิ่มอีกสามท่อนและนำออกแสดงเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2331 ที่กรุงเวียนนา โดยมี Francesco Albertarelli รับบทเป็นดอน โจวันนี และ Francesco Busani เป็นดอน เปโดร แม้จะได้รับคำชมจากจักพรรดิโจเซฟแต่การแสดงไม่ค่อยถูกอรรถรสชาวเวียนนาเท่ากับที่ปราก ทำให้อุปรากรดอน โจวันนีเล่นที่เวียนนาได้เพียงสิบห้าครั้งในปีนั้นและกว่าจะถูกนำมาเล่นอีกทีก็หลังจากที่โม้ตสาร์ตได้เสียชีวิตลงแล้ว
ปัจจุบันดอน โจวันนีได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอุปรากรที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีการจัดแสดงอุปรากรเรื่องนี้บ่อยที่สุดเป็นอันดับที่เจ็ด[1] ซึ่งการแสดงอุปรากรเรื่องนี้ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาโดยทั่วไปประมาณสองชั่วโมงครึ่ง
นอกจากนี้ ดอน โจวันนี ยังได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2522 กำกับภาพยนตร์โดย Joseph Losey
ดนตรี
ดอน โจวันนีสามารถเล่นได้ด้วยวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: ไวโอลิน วิโอลา เชลโล เบส บาสโซคอนทินิวโอ ขลุ่ย คลาริเน็ต โอโบ บาสซูน แตร ทรัมเป็ต ทรอมโบน และทิมปะนี โดยมีมานโดลินเป็นเครื่องดนตรีประกอบการแสดงฉากที่โจวันนีกำลังเกี้ยวสาวใช้ของนางเอลวิร่าอยู่ด้วย
เพลงในอุปรากรที่คุ้นหู ได้แก่
- Overture เพลงโหมโรงของอุปรากร
- Là ci darem la mano เพลงเกี้ยวพาราสีระหว่างโจวันนีกับเซอร์ลินา
- Don Giovanni, a cenar teco m'invitasti เพลงตอนที่รูปปั้นของเปโดรพังประตูเข้ามาหาโจวันนี
อะมาเดอุส
อุปรากรเรื่องนี้อยู่ในภาพยนตร์เรื่องอะมาเดอุสตอนนี้หุ่นยักษ์พังกำแพงเข้ามาในเวทีอุปรากร ซึ่งซาลิเอรี่กล่าวว่านั่นคือพ่อของโมสาร์ท ถึงแม้เรื่องนี้จะแต่งขึ้นในปีเดียวกับที่พ่อของเขาเสียก็เป็นไปได้ยากที่เรื่องนี้จะเป็นจรืงเนื่องจากเรื่องของรูปปั้นตามล้างแค้นนี้ได้ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173 โดยกวี เทียร์โซ เด โมลิน่า ชื่อเรื่องว่า ชายจอมลวงแห่งเซบีญ่าและแขกผู้เป็นหิน (El burlador de Sevilla y convidado de piedra) ทั้งนี้ ยังมีการลืออีกว่า ดา ปอนเต้ ได้ลอกเนื้อร้องส่วนหนึ่งมาจาก โจวันนี แบร์ตาตี ซึ่งมีโอเปร่าเรื่องเดียวกันออกแสดงก่อนเขาไม่นาน อย่างไรก็ดี ยังมีความเป็นไปได้ที่ดนตรีที่ค่อนข้างมืดในเรื่องนี้อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากการจากไปของบิดาของโมสาร์ท