ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศักยะงาน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ไฟล์:Action potential vert.png|thumb|300px|การเกิดกระแสประสาท]] |
[[ไฟล์:Action potential vert.png|thumb|300px|การเกิดกระแสประสาท]] |
||
ในวิชา[[สรีรวิทยา]] '''ศักยะงาน''' ({{lang-en|action potential}}) เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ๆ ซึ่งศักย์เยื่อหุ้มเซลล์ไฟฟ้าของเซลล์เพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็ว ตามด้วยแนววิถีต่อเนื่อง ศักยะงานเกิดขึ้นใน[[เซลล์ (ชีววิทยา)|เซลล์]]สัตว์หลายชนิด เรียกว่า เซลล์ที่เร้าได้ (excitable cell) ซึ่งรวมถึง[[เซลล์ประสาท]] [[เซลล์กล้ามเนื้อ]] และ[[เซลล์เลี้ยงภายใน]] (endocrine cell) เช่นเดียวกับเซลล์พืชบางเซลล์ ในเซลล์ประสาท ศักยะงานมีบทบาทศูนย์กลางในการสื่อสารเซลล์ต่อเซลล์ ส่วนในเซลล์ประเภทอื่น หน้าที่หลักของศักยงาน คือ กระตุ้นกระบวนการภายในเซลล์ ตัวอย่างเช่น ในเซลล์กล้ามเนื้อ ศักยะงานเป็ยขั้นแรกในชุดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การหดตัว ในเซลล์บีตาของ[[ตับอ่อน]] ศักยะงานทำให้เกิดการหลั่ง[[อินซูลิน]] ศักยะงานในเซลล์ประสาทยังรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "กระแสประสาท" หรือ "พลังประสาท" (nerve impulse) หรือ spike |
ในวิชา[[สรีรวิทยา]] '''ศักยะงาน'''<ref>ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน สาขาแพทย์ศาสตร์ 6 ส.ค. 2544</ref> ({{lang-en|action potential}}) เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ๆ ซึ่งศักย์เยื่อหุ้มเซลล์ไฟฟ้าของเซลล์เพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็ว ตามด้วยแนววิถีต่อเนื่อง ศักยะงานเกิดขึ้นใน[[เซลล์ (ชีววิทยา)|เซลล์]]สัตว์หลายชนิด เรียกว่า เซลล์ที่เร้าได้ (excitable cell) ซึ่งรวมถึง[[เซลล์ประสาท]] [[เซลล์กล้ามเนื้อ]] และ[[เซลล์เลี้ยงภายใน]] (endocrine cell) เช่นเดียวกับเซลล์พืชบางเซลล์ ในเซลล์ประสาท ศักยะงานมีบทบาทศูนย์กลางในการสื่อสารเซลล์ต่อเซลล์ ส่วนในเซลล์ประเภทอื่น หน้าที่หลักของศักยงาน คือ กระตุ้นกระบวนการภายในเซลล์ ตัวอย่างเช่น ในเซลล์กล้ามเนื้อ ศักยะงานเป็ยขั้นแรกในชุดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การหดตัว ในเซลล์บีตาของ[[ตับอ่อน]] ศักยะงานทำให้เกิดการหลั่ง[[อินซูลิน]] ศักยะงานในเซลล์ประสาทยังรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "กระแสประสาท" หรือ "พลังประสาท" (nerve impulse) หรือ spike |
||
== กฎ All-or-None == |
== กฎ All-or-None == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:18, 28 กุมภาพันธ์ 2556
ในวิชาสรีรวิทยา ศักยะงาน[1] (อังกฤษ: action potential) เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ๆ ซึ่งศักย์เยื่อหุ้มเซลล์ไฟฟ้าของเซลล์เพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็ว ตามด้วยแนววิถีต่อเนื่อง ศักยะงานเกิดขึ้นในเซลล์สัตว์หลายชนิด เรียกว่า เซลล์ที่เร้าได้ (excitable cell) ซึ่งรวมถึงเซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อ และเซลล์เลี้ยงภายใน (endocrine cell) เช่นเดียวกับเซลล์พืชบางเซลล์ ในเซลล์ประสาท ศักยะงานมีบทบาทศูนย์กลางในการสื่อสารเซลล์ต่อเซลล์ ส่วนในเซลล์ประเภทอื่น หน้าที่หลักของศักยงาน คือ กระตุ้นกระบวนการภายในเซลล์ ตัวอย่างเช่น ในเซลล์กล้ามเนื้อ ศักยะงานเป็ยขั้นแรกในชุดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การหดตัว ในเซลล์บีตาของตับอ่อน ศักยะงานทำให้เกิดการหลั่งอินซูลิน ศักยะงานในเซลล์ประสาทยังรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "กระแสประสาท" หรือ "พลังประสาท" (nerve impulse) หรือ spike
กฎ All-or-None
เมื่อเซลล์ประสาทถูกกระตุ้น ก็จะเกิดการตอบสนองคือเกิดการเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ของเยื่อหุ้มเซลล์ขึ้น การตอบสนองของเยื่อหุ้มเซลล์นั้นมี 2 ลักษณะ คือ เกิดกระแสประสาทเมื่อแรงกระตุ้นถึงจุด threshold หรือไม่เกิดกระแสประสาทเมื่อแรงกระตุ้นไม่ถึงจุด threshold ลักษณะการตอบสนองเช่นนี้เรียกว่า all or none[2]
การถ่ายทอดกระแสประสาท
กระแสประสาทที่เกิดขึ้นจะถูกเหนี่ยวนำผ่านใยประสาทหรือแอกซอน (axon) จากเซลล์หนึ่ง เข้าสู่เดนไดรต์ของเซลล์ประสาทอีกเซลล์หนึ่ง โดยความเร็วของการถ่ายทอดสัญญาณประสาท[3]นั้นขึ้นอยู่กับ
- เยื่อไมอีลิน (myelin sheath) กระแสประสาทจะถูกถ่ายทอดบนเซลล์ประสาทที่มีเยื่อไมอีลินหุ้มได้เร็วกว่าเซลล์ประสาทที่ไม่มีเยื่อไมอีลินหุ้ม
- Node of Ranvier ถ้าห่างมากกระแสประสาทจะเคลื่อนที่เร็ว
- เส้นผ่านศูนย์กลาง เซลล์ประสาทที่มีขนาดใหญ่จะสามารถถ่ายทอดสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าเซลล์ประสาทที่มีขนาดเล็ก
อ้างอิง
- ↑ ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน สาขาแพทย์ศาสตร์ 6 ส.ค. 2544
- ↑ http://ativm15.tripod.com/lesson201.html
- ↑ http://www.scimath.org/index.php/socialnetwork/groups/viewbulletin/773--การถ่ายทอดกระแสประสาท?groupid=201