ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดินีเซี่ยวเชิ่งเซี่ยน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) หรือสมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเฉ...
 
''สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง'''(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) หรือ'''สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ย...
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) หรือสมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเฉิงเซียน ทรงเป็นพนะมเหสีใน[[จักรพรรดิยงเจิ้ง]]และเป็นที่รู้จักดีในฐานะ พระราชมารดา ใน[[จักรพรรดิเฉียนหลง]]
'''สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง'''(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) หรือ'''สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเฉิงเซียน''' ( จีน : 孝圣宪皇后 อังกฤษ:Empress Xiaoshengxian ; 1 มกราคม 1693 - 2 มีนาคม 1777) ทรงเป็นพระมเหสีใน[[จักรพรรดิยงเจิ้ง]]และเป็นที่รู้จักดีในฐานะ พระราชมารดา ใน[[จักรพรรดิเฉียนหลง]]

เสด็จ พระราชสมภพเมื่อ ค.ศ.1692 กำเนิดในราชสกุลนิวฮูลู เมื่ออายุได้13พรรษา คือ ค.ศ.1705 ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าฟ้าชายหยง อิ้นเจวิน(หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน) จนได้ดำรงตำแหน่งพระชายารอง
ครั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน ค.ศ.1711 พระนางได้ให้กำเนิดโอรสองค์ที่สี่ของหยงฉินหวัง นั่นคือ หงลี่ พระนางจึงได้สมัญญานามใหม่ว่า พระชายาเก๋อเก๋อ
เสด็จ พระราชสมภพเมื่อ ค.ศ.1692 กำเนิดในราชสกุล '''หนิวฮูลู''' เมื่ออายุได้13พรรษา คือ ค.ศ.1705 ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าฟ้าชายหยง อิ้นเจวิน(หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน) จนได้ดำรงตำแหน่งพระชายารองครั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน ค.ศ.1711 พระนางได้ให้กำเนิดโอรสองค์ที่สี่ของ[[จักรพรรดิยงเจิ้ง|หยงฉินหวัง]] นั่นคือ [[จักรพรรดิเฉียนหลง|หงลี่ ]] พระนางจึงได้สมัญญานามใหม่ว่า พระชายาเก๋อเก๋อ

ในเวลาต่อมา เมื่อเข้าสู่ปลายปี ค.ศ.1722 สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเซ่งจู่ รัชสมัยคังซี เสด็จสวรรคต หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน จึงได้ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิชิงซื่อจง รัชกาลหยงเจิ้ง และในปีต่อมาไม่นาน คือ ค.ศ.1723 พระชายาเก๋อเก๋อจึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระมเหสีซี(ซีเฟย)
ในเวลาต่อมา เมื่อเข้าสู่ปลายปี ค.ศ.1722 [[จักรพรรดิคังซี|สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเซ่งจู่]]เสด็จสวรรคต [[จักรพรรดิยงเจิ้ง|หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน]] จึงได้ขึ้นเสวยราชย์ต่อจาก[[จักรพรรดิคังซี|สมเด็จพระราชบิดา]] ขึ้นเป็น [[จักรพรรดิยงเจิ้ง|สมเด็จพระจักรพรรดิชิงซื่อจง]] และในปีต่อมาไม่นาน คือ ค.ศ.1723 พระชายาเก๋อเก๋อจึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระมเหสีซี(ซีเฟย)
และในอีกเจ็ดปีต่อมา ค.ศ.1730 พระนางได้ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระมเหสีเอกซี(ซีกุ้ยเฟย) ห้าปีต่อมาหยงเจิ้งหวงตี้เสด็ตสวรรคต หงลี่หรือในบรรดาศักดิ์ขณะนั้นคือ เป่าฉินหวัง ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิชิงเกาจง รัชกาลเฉียนหลง พระมเหสีเอกซีจึงได้โอกาศในฐานะที่เป็นพระราชมารดา ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีตามกฎมลเฑียรบาลที่ว่าผู้ที่จะขึ้นเป็น สมเด็จพระพันปีหลวงได้ จะต้องถูกยกย่องให้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีเสียก่อน พระนางจึงได้ขึ้นแท่นหวงโฮ่วพระนามว่าเสี้ยวเฉิงเซียน(เสี้ยวเฉิงเซียนหวง โฮ่ว) และดำรงอยู่ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว)
และในอีกเจ็ดปีต่อมา ค.ศ.1730 พระนางได้ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระมเหสีเอกซี(ซีกุ้ยเฟย) ห้าปีต่อมา[[จักรพรรดิยงเจิ้ง|หยงเจิ้งหวงตี้]]เสด็ตสวรรคต [[จักรพรรดิเฉียนหลง|หงลี่ ]] หรือในบรรดาศักดิ์ขณะนั้นคือ เป่าฉินหวัง ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็น[[จักรพรรดิเฉียนหลง| สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเกาจง]] พระมเหสีเอกซีจึงได้โอกาศในฐานะที่เป็นพระราชมารดา ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีตามกฎมลเฑียรบาลที่ว่าผู้ที่จะขึ้นเป็น สมเด็จพระพันปีหลวงได้ จะต้องถูกยกย่องให้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีเสียก่อน พระนางจึงได้ขึ้นแท่นหวงโฮ่วพระนามว่าเสี้ยวเฉิงเซียน(เสี้ยวเฉิงเซียนหวง โฮ่ว) และดำรงอยู่ในฐานะ'''สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว)'''
รูปลักษณ์ของฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว เป็นสตรีที่ดูสง่าผ่าเผย แม้พระนางทรง มีพระชนมายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีประกายของความมีพระพลานามัยที่ดีและอ่อนกว่าวัย นั่นเป็นเพราะพระนางเป็นผู้ที่พิถีพิถันเรื่องการดูแลพระวรกายเป็นอย่างดี บวกกับทรงมีโอรสเพียงพระองค์เดียว ไม่ได้แบกพระครรภ์หลายรอบ จึงทำให้พระนางเป็นสตรีที่ดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอ
รูปลักษณ์ของฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว เป็นสตรีที่ดูสง่าผ่าเผย แม้พระนางทรง มีพระชนมายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีประกายของความมีพระพลานามัยที่ดีและอ่อนกว่าวัย นั่นเป็นเพราะพระนางเป็นผู้ที่พิถีพิถันเรื่องการดูแลพระวรกายเป็นอย่างดี บวกกับทรงมีโอรสเพียงพระองค์เดียว ไม่ได้แบกพระครรภ์หลายรอบ จึงทำให้พระนางเป็นสตรีที่ดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอ
ด้านอุปนิสัยส่วน พระองค์ ทรงเป็นสตรีที่มีธรรมะนำพระทัยอยู่เสมอ ทรงมีความเมตตากรุณา แต่ลักษณะเด่นก็คือ ทรงเป็นสตรีที่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ ชอบประทับอยู่แบบสงบ
ด้านอุปนิสัยส่วน พระองค์ ทรงเป็นสตรีที่มีธรรมะนำพระทัยอยู่เสมอ ทรงมีความเมตตากรุณา แต่ลักษณะเด่นก็คือ ทรงเป็นสตรีที่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ ชอบประทับอยู่แบบสงบ
และในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1777 ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว หรือที่พวกเรามักเรียกว่าฉงชิ่งไทเฮา ก็เสด็จสวรรคต ทรงมีพระชนมายุรวม 85 พรรษา
และในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1777 ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว เสด็จสวรรคต ทรงมีพระชนมายุรวม 85 พรรษา
พระ ราชพิธีพระบรมศพถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีเฉียนหลงหวงตี้คอยเป็นแม่งานดูแลการจัดงานด้วยพระองค์เอง เพื่อแสดงถึงความกตัญูกตเวทิตาต่อบุพการี พระบรมศพถูกฝังที่พระสุสานหลวงชิงตะวันตก ในมลฑลเห่อเป่ย
พระ ราชพิธีพระบรมศพถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี[[จักรพรรดิเฉียนหลง| เฉียนหลงหวงตี้]]คอยเป็นแม่งานดูแลการจัดงานด้วยพระองค์เอง เพื่อแสดงถึงความกตัญูกตเวทิตาต่อบุพการี พระบรมศพถูกฝังที่พระสุสานหลวงชิงตะวันตก ในมลฑลเห่อเป่ย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:13, 23 กันยายน 2555

สมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) หรือสมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเฉิงเซียน ( จีน : 孝圣宪皇后 อังกฤษ:Empress Xiaoshengxian ; 1 มกราคม 1693 - 2 มีนาคม 1777) ทรงเป็นพระมเหสีในจักรพรรดิยงเจิ้งและเป็นที่รู้จักดีในฐานะ พระราชมารดา ในจักรพรรดิเฉียนหลง

เสด็จ พระราชสมภพเมื่อ ค.ศ.1692 กำเนิดในราชสกุล หนิวฮูลู เมื่ออายุได้13พรรษา คือ ค.ศ.1705 ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าฟ้าชายหยง อิ้นเจวิน(หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน) จนได้ดำรงตำแหน่งพระชายารองครั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน ค.ศ.1711 พระนางได้ให้กำเนิดโอรสองค์ที่สี่ของหยงฉินหวัง นั่นคือ หงลี่ พระนางจึงได้สมัญญานามใหม่ว่า พระชายาเก๋อเก๋อ

ในเวลาต่อมา เมื่อเข้าสู่ปลายปี ค.ศ.1722 สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเซ่งจู่เสด็จสวรรคต หยงฉินหวัง อิ้นเจวิน จึงได้ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิชิงซื่อจง และในปีต่อมาไม่นาน คือ ค.ศ.1723 พระชายาเก๋อเก๋อจึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระมเหสีซี(ซีเฟย) และในอีกเจ็ดปีต่อมา ค.ศ.1730 พระนางได้ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระมเหสีเอกซี(ซีกุ้ยเฟย) ห้าปีต่อมาหยงเจิ้งหวงตี้เสด็ตสวรรคต หงลี่ หรือในบรรดาศักดิ์ขณะนั้นคือ เป่าฉินหวัง ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเกาจง พระมเหสีเอกซีจึงได้โอกาศในฐานะที่เป็นพระราชมารดา ถูกยกขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีตามกฎมลเฑียรบาลที่ว่าผู้ที่จะขึ้นเป็น สมเด็จพระพันปีหลวงได้ จะต้องถูกยกย่องให้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีเสียก่อน พระนางจึงได้ขึ้นแท่นหวงโฮ่วพระนามว่าเสี้ยวเฉิงเซียน(เสี้ยวเฉิงเซียนหวง โฮ่ว) และดำรงอยู่ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงฉงชิ่ง(ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว) รูปลักษณ์ของฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว เป็นสตรีที่ดูสง่าผ่าเผย แม้พระนางทรง มีพระชนมายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีประกายของความมีพระพลานามัยที่ดีและอ่อนกว่าวัย นั่นเป็นเพราะพระนางเป็นผู้ที่พิถีพิถันเรื่องการดูแลพระวรกายเป็นอย่างดี บวกกับทรงมีโอรสเพียงพระองค์เดียว ไม่ได้แบกพระครรภ์หลายรอบ จึงทำให้พระนางเป็นสตรีที่ดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอ ด้านอุปนิสัยส่วน พระองค์ ทรงเป็นสตรีที่มีธรรมะนำพระทัยอยู่เสมอ ทรงมีความเมตตากรุณา แต่ลักษณะเด่นก็คือ ทรงเป็นสตรีที่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ ชอบประทับอยู่แบบสงบ และในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1777 ฉงชิ่งหวงไท่โฮ่ว เสด็จสวรรคต ทรงมีพระชนมายุรวม 85 พรรษา พระ ราชพิธีพระบรมศพถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี เฉียนหลงหวงตี้คอยเป็นแม่งานดูแลการจัดงานด้วยพระองค์เอง เพื่อแสดงถึงความกตัญูกตเวทิตาต่อบุพการี พระบรมศพถูกฝังที่พระสุสานหลวงชิงตะวันตก ในมลฑลเห่อเป่ย