ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไทม์สแควร์"
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
== เทศกาลวันขึ้นปีใหม่ == |
== เทศกาลวันขึ้นปีใหม่ == |
||
[[ไฟล์:Times Square ball.jpg|thumb|right|250px|ลูกบอลแอลอีดี]] |
|||
{{โครง-ส่วน}} |
|||
ไทม์สแควร์คือสถานที่จัดงานนับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยในคืนวันที่ [[31 ธันวาคม]] ของทุกปีจะมีลูกบอลหล่นลงมาจากอาคาร[[วันไทม์สแควร์]] เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ [[31 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1907]] นับแต่นั้นเป็นต้นมาไทม์สแควร์ได้กลายเป็นสถานที่หลักในการนับถอยหลังสู่ปีใหม่ของ[[นครนิวยอร์ก]] ซึ่งในคืนนั้นเองผู้คนหลายหมื่นคนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อชมลูกบอลวอเทอร์ฟอร์ดคริสทัลถูกหย่อนลงมาจากยอดอาคาร (โดยลูกบอลจะถูกหย่อนลงมาช้า ๆ แต่จะไม่ตกถึงพื้นตามที่หลายคนเข้าใจ) ลูกบอลยักษ์นี้มาแทนที่การแสดงพลุดอกไม้ไฟอันฟุ่มเฟือยในคืนก่อนวันปีใหม่ที่เคยถูกจัดในช่วงปี [[ค.ศ. 1904]] - [[ค.ศ. 1906]] ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] เทศกาลนี้ถูกระงับชั่วคราวและแทนที่ด้วยการสั่นระฆังตามโบสถ์แทน เนื่องจากทางรัฐบาลต้องการให้ทุกหนแห่งในนิวยอร์กดับไฟมืดลงเพื่ออำพรางตัวเมืองให้พ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายเยอรมัน อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงสงครามเทศกาลนี้ก็จัดขึ้นตามเดิม ปัจจุบันการนับถอยหลังสู่ปีใหม่และไทม์สแควร์ได้สรรค์สร้างวัฒนธรรมการฉลองปีใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์และดึงดูดสายตาจากคนทั่วโลก ส่วนลูกบอลที่ใช้ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นลูกบอลที่ติดด้วยแสงไฟ[[ไดโอดเปล่งแสง|แอลอีดี]] ลูกบอลแอลอีดีนี้ถูกใช้ครั้งแรกในวันที่ [[31 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 2007]] และในปีถัดมาในการขึ้นปีใหม่ [[ค.ศ. 2009]] ลูกบอลแอลอีดีถูกทำให้ใหญ่ขึ้นและใช้รูปแบบนี้ถาวร และยังใช้ในเทศกาลอื่น ๆ เช่น[[วันวาเลนไทน์]]หรือ[[วันฮาโลวีน]] ในวันที่ [[31 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1999]] ซึ่งเป็นการสิ้นสุดสหัสวรรษที่ 20 มีรายงานว่าการนับถอยหลังเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ที่ไทม์สแควร์ทำให้ผู้คนล้นไทม์สแควร์ ประมาณกันว่าน่าจะมีคนมาร่วมงานกันถึง 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี [[ค.ศ. 1945]] |
|||
== ไทม์สแควร์ในปัจจุบัน == |
== ไทม์สแควร์ในปัจจุบัน == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:06, 6 พฤษภาคม 2553
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ไทม์สแควร์ (อังกฤษ: Times Square) เป็นจุดตัดสำคัญของถนนใน แมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก โดยเป็นจุดตัดของถนนบรอดเวย์ กับ ถนนเซเวนท์ เอเวนิว อีกทั้งยังเป็นจุดที่อยู่ระหว่าง ถนนเวสต์ โฟตี เซเคอนด์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ โฟตี เซเวนท์ สตรีท ซึ่งไทม์สแควร์ทอดตัวยาวอยู่บนพื้นที่ในบล็อกระหว่างถนนซิกท์ เอเวนิว กับ ถนนเอกท์ เอเวนิว ในความยาวแนวตะวันออก - ตะวันตก และอยู่บนพื้นที่ระหว่างถนนเวสต์ โฟตีท์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ ฟิฟท์ตี เทิร์ด สตรีท ในแนวเหนือ - ใต้ โดยไทมสแควร์เองได้กลายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนฝั่งตะวันตกของย่านธุรกิจการค้าในเขตมิดทาวน์ แมนฮัตตัน
เดิมทีในอดีตไทม์สแควร์มีชื่อว่า ลองแกร์ สแควร์ โดยภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ไทม์สแควร์ ภายหลังจากที่ได้มีการก่อสร้างตึกไทม์ (ปัจจุบัน:ตึกวันไทม์สแควร์) แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1904 ไทม์สแควร์ได้กลายสถานะเป็นสถานที่ที่สำคัญของโลกและได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผลมาจากที่ไทม์สแควร์เป็นสถานที่ที่ดูทันสมัย ล้ำยุค เพราะมีจอโฆษณาขนาดใหญ่มากมายติดอยู่ตามบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ไทม์สแควร์ ยังเป็นจุดปลายสุดทางฝั่งตะวันออกของ ลินคอล์น ไฮเวย์ หรือ ทางหลวงลินคอล์น อันเป็นทางหลวงสายแรกที่ตัดผ่านสหรัฐอเมริกา
ประวัติศาสตร์
ในอดีตทั้งก่อนและหลังการปฏิวัติสหรัฐอเมริกา ที่ดินบริเวณนี้เป็นของ จอห์น โมริน สก็อตต์ นายทหารอาสาทั่วไปของนิวยอร์ก และยังเป็นผู้ให้การรับใช้จอร์จ วอชิงตัน คฤหาสน์ของสก็อตต์ตั้งอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันคือถนนโฟร์ตี เทิร์ด สตรีท ซึ่งคฟหาสน์ของเขารายล้อมไปด้วยเขตชนบทของนิวยอร์กที่ใช้ในการทำการเกษตรและการเลี้ยงม้า ในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 มันกลายเป็นกิจการที่สำคัญของสก็อตต์และเหมือนกับว่าเค้าได้รับโชคลาภจากการขายคฤหาสน์ให้กับโรงแรม และจากการที่นครนิวยอร์กในขณะนั้นเจริญเติบโตในทุกๆด้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเจริญได้เข้ามายังแถบนี้และเริ่มมีประชากรหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ในปี ค.ศ. 1904 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ อดอล์ฟ เอส ออชส์ ได้ย้ายสำนักงานของหนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ มาอยู่ที่บริเวณแห่งนี้ เขาได้ทำการชักชวนให้ จอร์จ บี แมคเคลนลัน จูเนียร์ นายกเทศมนตรีแห่งนครนิวยอร์ก ทำการก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์กตรงบริเวณนี้ และบริเวณนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็น ไทม์สแควร์ ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1904 และแค่สามสัปดาห์หลังจากนั้น สิ่งโฆษณาที่ใช้ไฟฟ้าอันแรกก็ถูกติดตั้งขึ้นตรงธนาคารบริเวณหัวมุมถนนโฟร์ตี ซิกซ์ สตรีท กับ ถนนบรอดเวย์
หนังสือพิมพ์ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้ขยายสำนักงานจำนวนมากมายออกไปตลอดถนนบรอดเวย์ ในปี ค.ศ. 1913 ซึ่งอาคารที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันรู้จักทั่วไปกันในนาม ตึกวันไทม์สแควร์ ที่ซึ่งเป็นที่ที่ "ลูกบอล" ตกลงมาจาก "ดาดฟ้า" ของตึกทุกๆ ปีของเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ในขณะที่มหานครนิวยอร์กยังคงเติบโตไปเรื่อยๆ ไทม์สแควร์เองก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกๆด้านและการเป็นจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมอันหลากหลายและเต็มไปด้วยโรงละคร โรงภาพยนตร์ และสถานที่จัดแสดงดนตรี ดังคำกล่าวของ เจมส์ ทรับ นักเขียนของเดอะไทม์แมกกาซีน ที่ว่า
ไทม์สแควร์ได้กลายเป็นอาโกร่าของนิวยอร์กอย่างรวดเร็ว, สถานที่ที่ซึ่งรวบรวมเอาทั้งการรอคอยเทศกาลอันยิ่งใหญ่และทั้งการเฉลิมฉลองกับมันอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์ลซีรีส์หรือการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
— เจมส์ ทรับ
(อาโกร่า ภาษากรีก: หมายถึงสถานที่ที่มีการชุมนุม การค้าขายและการพบปะขนาดใหญ่ของกรีกโบราณ)
เทศกาลวันขึ้นปีใหม่
ไทม์สแควร์คือสถานที่จัดงานนับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปีจะมีลูกบอลหล่นลงมาจากอาคารวันไทม์สแควร์ เทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1907 นับแต่นั้นเป็นต้นมาไทม์สแควร์ได้กลายเป็นสถานที่หลักในการนับถอยหลังสู่ปีใหม่ของนครนิวยอร์ก ซึ่งในคืนนั้นเองผู้คนหลายหมื่นคนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อชมลูกบอลวอเทอร์ฟอร์ดคริสทัลถูกหย่อนลงมาจากยอดอาคาร (โดยลูกบอลจะถูกหย่อนลงมาช้า ๆ แต่จะไม่ตกถึงพื้นตามที่หลายคนเข้าใจ) ลูกบอลยักษ์นี้มาแทนที่การแสดงพลุดอกไม้ไฟอันฟุ่มเฟือยในคืนก่อนวันปีใหม่ที่เคยถูกจัดในช่วงปี ค.ศ. 1904 - ค.ศ. 1906 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เทศกาลนี้ถูกระงับชั่วคราวและแทนที่ด้วยการสั่นระฆังตามโบสถ์แทน เนื่องจากทางรัฐบาลต้องการให้ทุกหนแห่งในนิวยอร์กดับไฟมืดลงเพื่ออำพรางตัวเมืองให้พ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายเยอรมัน อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงสงครามเทศกาลนี้ก็จัดขึ้นตามเดิม ปัจจุบันการนับถอยหลังสู่ปีใหม่และไทม์สแควร์ได้สรรค์สร้างวัฒนธรรมการฉลองปีใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์และดึงดูดสายตาจากคนทั่วโลก ส่วนลูกบอลที่ใช้ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นลูกบอลที่ติดด้วยแสงไฟแอลอีดี ลูกบอลแอลอีดีนี้ถูกใช้ครั้งแรกในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2007 และในปีถัดมาในการขึ้นปีใหม่ ค.ศ. 2009 ลูกบอลแอลอีดีถูกทำให้ใหญ่ขึ้นและใช้รูปแบบนี้ถาวร และยังใช้ในเทศกาลอื่น ๆ เช่นวันวาเลนไทน์หรือวันฮาโลวีน ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดสหัสวรรษที่ 20 มีรายงานว่าการนับถอยหลังเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ที่ไทม์สแควร์ทำให้ผู้คนล้นไทม์สแควร์ ประมาณกันว่าน่าจะมีคนมาร่วมงานกันถึง 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945
ไทม์สแควร์ในปัจจุบัน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สมุดภาพ
ภาพมุมกว้าง
อ้างอิง
- The Devil's Playground: A Century of Pleasure and Profit in Times Square by James Traub (ISBN 0-375-50788-4)