พระยาวิชิตภักดี (เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน)
พระยาวิชิตภักดี (เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน) | |
---|---|
เกิด | พ.ศ. 2420 เมืองปัตตานี ประเทศสยาม |
ถึงแก่กรรม | 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 รัฐกลันตัน นิคมช่องแคบ |
บุตร | 7 องค์ |
บิดามารดา |
|
พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาเขตประเทศราช (เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน) (มลายู: Tengku Abdul Kadir Kamaruddin) เป็นพระยาเมืองปัตตานีในช่วงปี พ.ศ. 2442 - 2445 โดยเป็นรายาปัตตานีองค์ที่ 11 และเป็นองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์กลันตันที่ปกครองปัตตานี
พระประวัติ
[แก้]เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน เป็นโอรสในเต็งกูสุไลมานชารีฟุดดีน โดยมีพระพี่น้องร่วมกัน 4 องค์ ดังนี้
- เต็งกูสุหลง ชายาเต็งกูบิตารา ชายาท่านนี้มีมารดาคือเต็งกูนิปูเตะ ธิดารายาเมืองสายบุรี
- เต็งกูบือซาร์ ต่วนกัมบัล ชายาเต็งกูมูฮัมหมัด อุปราชเมืองปัตตานี
- เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน
- เต็งกูมูฮัมหมัดซอและ
โอรส-ธิดา
[แก้]เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน มีโอรส-ธิดาที่ประสูติจากเต็งกูบุตรีกลันตันด้วยกัน 7 องค์ โดยเป็นโอรส 3 องค์ และธิดา 4 องค์ ได้แก่
- เต็งกูอะหมัดนูรุดดีน (เต็งกูศรีอาการายา) จากต่วนนามัสปะตานี
- เต็งกูซูไบด๊ะ (เต็งกูบือซาร์) พระอัยยิกาในสมเด็จพระราชาธิบดีตวนกู ซัยยิด ซีรอญุดดีน รายาแห่งรัฐปะลิส
- เต็งกูยูโซฟชาฟุดดีน
- เต็งกูราว์เดาะ ประไหมสุหรีรายาหะยี ฮาหมัดเประ
- เต็งกูกามารีเยาะ ทายาทอินเจะมอร์นะปะตานี
- เต็งกูมะห์มูดหมูดมะห์ยุดดีน
- เต็งกูยะห์ ชายาเต็งกูอับดุลกอเดร์ (เต็งกูปุตรา) บุตรรายาเมืองสายบุรี
รายาแห่งปัตตานี
[แก้]หลังจากพระยาวิชิตภักดี (เต็งกูสุไลมานชารีฟุดดีน) พระบิดาได้ถึงแก่พิราลัยแล้ว เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน จึงได้ขึ้นตำแหน่งเจ้าเมืองปัตตานีในปี พ.ศ. 2441 ระหว่างที่รอพระบรมราชโองการแต่งตั้งเจ้าเมืองนี้เอง พระยาสุขุมนัยวินิตเกณฑ์กำลังทหารกว่า 600 คนมาบีบบังคับการเสียภาษีของประชาชน และสั่งห้ามมิให้รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองลงโทษผู้ขาดละหมาดวันศุกร์ สร้างความคับแค้นใจแก่เขาอย่างมาก หลังเต็งกูอับดุลกอเดร์ได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นเจ้าเมืองปัตตานีในตำแหน่ง "พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาเขตประเทศราช" แล้ว พระองค์จึงมีพระหัตถเลขาร้องเรียนความทุกข์ต่างๆไปยังข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำสิงคโปร์ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2441 โดยระบุว่านโยบายของสยามต่อปัตตานี "กำลังนำไปสู่ความพินาศของบ้านเมืองของข้าพเจ้า"[1] อังกฤษต้องการจะรักษาไมตรีกับสยามจึงเมินเฉยต่อจดหมายดังกล่าว
คิดขบถต่อสยาม
[แก้]หลังถูกอังกฤษเมินเฉย พระองค์จึงทรงเรียกประชุมเจ้าเมืองต่างๆที่ปัตตานี ที่ประชุมเห็นชอบที่จะก่อขบถขึ้นในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2444 โดยหวังว่าเมื่อหัวเมืองทางใต้ลุกฮือขึ้น ฝรั่งเศสจะถือเข้าตีสยามจากอินโดจีนทางเหนือทำให้สยามคงต้องยอมปล่อยหัวเมืองมลายูให้เป็นอิสระ[2] อย่างไรก็ตาม ก่อนการขบถเพียงหนึ่งเดือน ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำสิงคโปร์ได้เข้าเฝ้าเต็งกูอับดุลกอเดร์ และเกลี้ยกล่อมให้ทรงอดทนไม่ใช้ความรุนแรง โดยรับปากว่าจะปรึกษากับรัฐบาลอังกฤษให้หาทางคืนอำนาจให้รายาปัตตานี[3] เต็งกูอับดุลกอเดร์คล้อยตามจึงทรงยกเลิกแผนก่อขบถ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษกลับตัดสินใจนำข่าวการขบถนี้แจ้งไปยังรัฐบาลสยามเสียเอง
ลงนามให้สยามปกครอง
[แก้]เมื่อรัฐบาลสยามทราบข่าวจากอังกฤษว่าบรรดาหัวเมืองมลายูวางแผนขบถทําการทุรยศ จึงโปรดเกล้าให้พระยาศรีสหเทพลงไปสืบความ หลังพระยาศรีสหเทพรับฟังปัญหาต่างๆจากเต็งกูอับดุลกอเดร์แล้ว พระยาศรีสหเทพได้ทูลหว่านล้อมให้เต็งกูอับดุลกอเดร์ลงพระนามในหนังสือฉบับหนึ่งซึ่งเขียนด้วยภาษาไทยจนสำเร็จ เมื่อพระยาศรีสหเทพเดินทางออกจากปัตตานีไปยังสิงคโปร์แล้ว เต็งกูอับดุลกอเดร์จึงโปรดให้เจ้าพนักงานแปลหนังสือดังกล่าวให้ถูกต้องอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเนื้อหาของหนังสือดังกล่าวแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากที่พระยาศรีสหเทพได้อ่านให้ฟัง โดยมีเนื้อหาที่แท้จริงว่า "รายาปัตตานีเห็นชอบและยอมรับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. ๑๑๖ เพื่อความมั่นคงของปัตตานี และเห็นชอบให้แต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของสยามที่มีอำนาจเด็ดขาดทุกเรื่องในปัตตานี"[3] ส่วนพระยาศรีสหเทพได้เดินทางไปยังสิงคโปร์เพื่อแจ้งต่อข้าหลวงอังกฤษว่าปัญหาปัตตานีคลี่คลายแล้ว
เต็งกูอับดุลกอเดร์ได้ทรงพยายามต่อรองกับรัฐบาลสยามเพื่อขอให้ปัตตานีปกครองตนเองเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่เป็นผล จึงทรงร้องขอให้อังกฤษเข้าช่วยเจรจากับรัฐบาลสยาม โดยกล่าวว่าถ้าอังกฤษไม่ให้ความร่วมมือ ปัตตานีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากก่อขบถ[3] อังกฤษเมื่อทราบเช่นนี้จึงแจ้งไปยังรัฐบาลสยาม รัฐบาลสยามจึงโปรดเกล้าให้พระยาศรีสหเทพลงมาปัตตานีอีกครั้งเพื่อชำระความ
ถูกปลดจากตำแหน่งและถูกควบคุมตัว
[แก้]พระยาศรีสหเทพในฐานะเสนาบดีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางไปยังปัตตานีพร้อมตำรวจสยามราว 100 นาย และได้เข้าพบเต็งกูอับดุลกอเดร์ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 และบังคับให้เต็งกูอับดุลกอเดร์ลงพระนามในข้อบังคับปกครองเจ็ดหัวเมือง พ.ศ. 2445 โดยให้เวลา 5 นาทีไม่เช่นนั้นจะถูกปลดจากเจ้าเมือง เต็งกูอับดุลกอเดร์ทรงไม่ยอมลงพระนามจึงถูกปลดจากตำแหน่งและถูกนำพระองค์มาที่สงขลา หลังไม่กี่วันหลังจากนั้น เจ้าเมืองระแงะและเจ้าเมืองสายบุรีก็ถูกจับด้วยและถูกนำตัวไปยังพิษณุโลกโดยต้องโทษพิพากษาจำคุก 3 ปี [4]
ได้รับอภัยโทษ
[แก้]ภายหลังเต็งกูอับดุลกอเดร์ได้สำนึกผิดและขอไปอยู่อย่างสามัญชน รับปากว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับการปกครองใดๆ จึงทรงได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เสด็จกลับปัตตานี[5] เมื่อเสด็จถึงปัตตานีมีราษฎรประมาณ 500 คน นั่งเรือ 80 ลำ ไปรับที่ปากน้ำ อีกประมาณ 2,000 คนยืนต้อนรับอยู่บนตลิ่งสองข้างแม่น้ำตานี ประทับที่ปัตตานีได้ไม่นานก็ย้ายไปประทับในรัฐกลันตันในเวลาต่อมาและถึงแก่พิราลัยที่นั่นเมื่อปี พ.ศ. 2477
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ บางนรา. ปัตตานี : อดีต-ปัจจุบัน. หน้า ๘๕-๘๗. อ้างถึงใน ทวีศักดิ์ เผือกสม. “อยุธยาในเงื้อมมือของปัตตานี,” หน้า ๔๓.
- ↑ Nik Anuar Nik Mahmud. Sejarah Perjuangan Melayu Patani. p.31.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 จดหมายลับของ Swettenham ถึง CO, Rahsia และ Sulit ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๐๑ อ้างถึงใน Ibid.
- ↑ รัตติยา สาและ. การปฏิสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกที่ปรากฏในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส. (กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, ๒๕๔๔), หน้า ๕๔.
- ↑ เตช บุนนาค. ขบถ ร.ศ. ๑๒๑. หน้า ๙๗.
- อิบรอฮิม ชุกรี. ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรมลายูปะตานี. เชียงใหม่:ซิลค์เวอร์ม บุคส์, 2549 ISBN 974-9575-99-7, หน้า 68-71
- รศ.มัลลิกา คณานุรักษ์. บุคคลสำคัญของปัตตานี, 2545
ก่อนหน้า | พระยาวิชิตภักดี (เต็งกูอับดุลกอเดร์ กามารุดดีน) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เต็งกูสุไลมานซารีฟุดดีน | รายาแห่งปาตานี (พ.ศ. 2441 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445) |
สยามยกเลิกตำแหน่งและเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑลปัตตานี |
- บุคคลที่ยังไม่ทราบปีที่เกิด
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2477
- ราชวงศ์กลันตัน
- เจ้าผู้ครองนครปัตตานี
- เจ้านายฝ่ายใต้
- ชาวไทยเชื้อสายมลายู
- มุสลิมชาวไทย
- ชาวไทยที่เสียชีวิตในประเทศมาเลเซีย
- ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์
- ประวัติศาสตร์ของจังหวัดปัตตานี
- บรรดาศักดิ์ชั้นพระยา
- การผนวกอาณาจักรปัตตานีของสยาม
- ผู้ลี้ภัยชาวไทย
- เจ้าเมืองปัตตานี
- กลุ่มราชวงศ์ดาตูยามู-จามปา