บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์
ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์
พระรูปจากผ้าทอ "เลดีกับยูนิคอร์น" ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งคล้ายคลึงกับ "เลดีบลานช์" ที่เจฟฟรีย์ ชอเซอร์กล่าวถึงในหนังสือว่าด้วยดัชเชส
ประสูติ25 มีนาคม ค.ศ. 1342
ปราสาทโบลิงโบรกในลิงคอล์นเชอร์ ประเทศอังกฤษ
สิ้นพระชนม์12 กันยายน ค.ศ. 1368 (26 ปี)
ปราสาททัตบรีในสแตฟฟอร์ดเชอร์
คู่อภิเษกจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์
พระราชบุตรฟิลิปปาแห่งแลงคาสเตอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส
เอลิซาเบธแห่งแลงคัสเตอร์ ดัชเชสแห่งเอ็กซิเตอร์
พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ
พระบิดาเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์
พระมารดาอิซาเบล เด โบมงต์

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ (อังกฤษ: Blanche of Lancaster) เป็นธิดาของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์กับอิซาเบล เดอ โบมงต์ และพระชายาในจอห์นแห่งกอนต์ พระโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 กับพระราชินีฟิลิปปาแห่งแอโนต์ ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันหลายพระองค์ หนึ่งในนั้นคือพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ และฟิลิปปาแห่งแลงคัสเตอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส

ชาติตระกูล[แก้]

ภาพเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ พระบิดาของบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ โดยวิลเลียม บรูช ปี ค.ศ. 1430

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ (คาดว่า) ประสูติเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1345 ที่ปราสาทโบลิงโบรกในลิงคอล์นเชอร์ ทรงเป็นธิดาคนที่สองซึ่งเป็นธิดาคนสุดท้องของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์กับอิซาเบล เดอ โบมงต์ เฮนรีแห่งกรอสมอนต์เป็นหลานชายของเอ็ดมุนด์หลังกางเขน พระโอรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 และเป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่สองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ส่วนอิซาเบลเป็นธิดาของอ็องรี (เฮนรี) บารอนที่ 1 เดอ โบมงต์และเอิร์ลแห่งบูชานกับอาลิซ โคมีน บลานช์ถูกตั้งพระนามตามทวดทางฝั่งพระบิดาคือบล็องช์แห่งอาร์ตัว (บล็องช์ในภาษาฝรั่งเศส = บลานช์ในภาษาอังกฤษ) พระราชินีคู่สมรสแห่งนาวาร์

บลานช์มีพระภคินีชื่อว่ามาทิลดาซึ่งสมรสครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อยกับราล์ฟ เดอ สแตฟฟอร์ด เธอกลายเป็นม่ายตอนอายุ 8 ปีและได้สมรสใหม่กับวิลเฮล์มที่ 5 ดยุคแห่งบาวาเรีย, แอโนต์ และซีลันด์ ในวัยเด็กบลานช์ได้ถูกจับหมั้นหมายกับจอห์น เดอ เซเกรฟ แต่ดูเหมือนจะถูกล้มเลิกไปในเวลาต่อมา

ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์[แก้]

ภาพการเสกสมรสของจอห์นแห่งกอนต์กับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ที่วิหารเรดิง โดยโฮเรซ ไรจ์ ปี ค.ศ. 1914 (พิพิธภัณฑ์เรดิง)

ปลายคริสตทศวรรษ 1350 บลานช์ทรงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 วางไว้ให้พระโอรส เนื่องจากทรงเป็นทายาทในดินแดนที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่ง บลานช์จึงถูกเลือกให้เป็นเจ้าสาวของจอห์นแห่งกอนต์ พระโอรสที่ยังมีชีวิตอยู่คนที่สามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด จอห์นกับบลานช์ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกันในชั้นที่สาม ทั้งคู่ต่างเป็นบุตรของพระปนัดดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ทั้งคู่เสกสมรสกันเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1359 ที่วิหารเรดิงในบาร์กเชอร์ บลานช์เพิ่งมีพระชนมายุได้ 14 พรรษา ส่วนจอห์นมีพระชนมายุ 19 พรรษา เชื่อกันว่าการเสกสมรสขอทั้งคู่เป็นการสมรสที่มีความสุข

ปี ค.ศ. 1361 บลานช์ทรงประสบกับโศกนาฏกรรมสองครั้งสองคราเมื่อพระบิดาของพระองค์เสียชีวิตด้วยโรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองที่เมืองเลสเตอร์ในเดือนมีนาคม และพระมารดาได้ป่วยด้วยโรคเดียวกันก่อนเสียชีวิตในช่วงปลายปี พระภคินีของพระองค์ได้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลแห่งเลสเตอร์และเอิร์ลแห่งลิงคอล์น ขณะที่จอห์นแห่งกอนต์ทรงได้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลแห่งเดอร์บีและเอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ตามสิทธิ์ของพระชายา ทว่าตำแหน่งดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการเสียชีวิตของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์

เดือนเมษายน ค.ศ. 1362 พระภคินีของบลานช์เองก็ติดเชื้อกาฬโรคเช่นกัน แม้จะมีข่าวลือว่าเธอถูกวางยาพิษแต่ก็ไม่น่าจะใช่ มาทิลดาเสียชีวิตโดยไร้ซึ่งบุตรธิดาทำให้ดินแดนส่วนที่เหลือของพระบิดาตกเป็นของบลานช์ จอห์นจึงทรงได้ตำแหน่งเอิร์ลแห่งเลสเตอร์และเอิร์ลแห่งลิงคอล์นมาเพิ่ม วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1362 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระบิดาของจอห์นได้แต่งตั้งจอห์นเป็นดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ ทำให้ทรงกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทรงอำนาจที่สุดในอังกฤษ ทรงมีปราสาทในครอบครองมากกว่า 30 แห่ง ที่ดินในการครอบครองของพระองค์เป็นรองเพียงกษัตริย์คนเดียว

ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงใช้ชีวิตเสกสมรสส่วนใหญ่ไปกับการทรงครรภ์ พระองค์ได้ให้กำเนิดพระบุตร 7 คนในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1360 ถึง ค.ศ. 1368 พระโอรสทั้งสามคน คือ จอห์น, เอ็ดเวิร์ด และจอห์นคนที่สอง กับพระธิดาหนึ่งคน คือ อิซาเบลลา เสียชีวิตในวัยเด็ก มีพระธิดาหนึ่งพระองค์และหนึ่งคนกับพระโอรสอีกหนึ่งพระองค์ที่เหลือมีชีวิตอยู่จนถึงวัยผู้ใหญ่ ได้แก่

ปี ค.ศ. 1365 ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ได้ทรงรับแคทเธอรีน สวีนฟอร์ดเข้ามาอยู่ในครัวเรือน แคทเธอรีนเป็นภรรยาของอัศวินในลิงคอล์นเชอร์ของจอห์นแห่งกอนต์ อีกทั้งจอห์นยังเป็นพ่อทูนหัวให้กับบลานช์ บุตรสาวของแคทเธอรีนที่ถูกตั้งชื่อตามดัชเชสบลานช์ บลานช์ สวีนฟอร์ดน้อยพักอยู่ในห้องเดียวกับฟิลิปปาและเอลิซาเบธ ธิดาของดัชเชส และมีของใช้ฟุ่มเฟือยไม่ต่างกับเจ้าหญิง

การสิ้นพระชนม์[แก้]

ภาพหลุมฝังพระศพของบลานช์กับจอห์นแห่งกอนต์ในอาสนวิหารเซนต์ปอล โดยวัตสลัฟ ฮอลลาร์ ปี ค.ศ. 1658

การสูญเสียพระบิดาพระมารดาและพระภคินีไปด้วยโรคกาฬโรคทำให้ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงหวาดกลัวโรคร้ายดังกล่าว ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1368 ทรงย้ายครอบครัวออกจากเมืองใหญ่ไปอยู่ที่ปราสาทโบลิงโบรกเพื่อหนีจากโรคติดต่อร้ายแรง

ปี ค.ศ. 1368 ระหว่างที่พระสวามีของพระองค์กำลังสู้รบอยู่ในปิการ์ดี ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายที่ทรงหวาดกลัว และสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 23 พรรษาในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1368 แต่เนื่องจากอิซาเบลลา พระธิดาที่เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1368 จึงมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่สันนิษฐานว่าอาจสิ้นพระชนม์จากการคลอดพระบุตร พระสวามีของพระองค์อยู่เคียงข้างพระองค์ในตอนที่เธอสิ้นพระชนม์ มีบันทึกว่าจอห์นได้ทรงจัดทำบทสวดเพื่อสวดมนต์ให้แก่ดัชเชสผู้ล่วงลับของพระองค์

พระศพของดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ถูกฝังที่อาสนวิหารเซนต์ปอลเก่าในกรุงลอนดอน โดยจอห์นได้ทรงจัดทำหลุมฝังพระศพหินอะลาบาสเตอร์อันวิจิตรงดงามให้พระชายาและจัดพิธีรำลึกการจากไปของพระองค์ในทุกๆ ปีตลอดชีวิตของพระองค์ แม้พระองค์จะสมรสอีกสองครั้งแต่เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1399 ร่างของพระองค์ผู้ฝังเคียงข้างกับบลานช์ หลุมฝังพระศพของทั้งคู่ถูกสูญหายไปในช่วงที่อาสนวิหารถูกทำลายในเหตุการณ์มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนในปี ค.ศ. 1666

อ้างอิง[แก้]