ข้ามไปเนื้อหา

นิจิเร็ง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พุทธศาสนานิจิเร็ง (ญี่ปุ่น: 日蓮系諸宗派, นิจิเร็ง-เคอิ โช ชูฮะ) เป็นหนึ่งในนิกายทางมหายานของพุทธศาสนา ที่ยึดตามคำสอนของ พระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นชื่อ พระนิจิเร็ง (ค.ศ. 1222ค.ศ. 1282) รูปแบบของศาสนาพุทธนิกายนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมญี่ปุ่นหลายช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ นิจิเร็งโชชูจะเชื่อใน คัมภีร์ สัทธรรมปุณฑริกสูตร และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีธรรมชาติพุทธะอยู่ในชีวิตของแต่ละคนอยู่แล้ว จึงทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุพุทธภาวะได้ในช่วงชีวิตนี้ ซึ่งพระนิจิเร็ง ได้เห็นความเบี่ยนเบนทางคำสอนของ มหายานในสมัยนั้น นิกายนิจิเร็งมีแตกแยกออกเป็นหลาย ๆ นิกายย่อยและลัทธิต่าง ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีแยกออกเป็นกลุ่มศาสนาใหม่มากมาย โดยบางนิกายจะใช้บทสวดเดียวกัน แต่จะมีความแตกต่างในการปฏิบัติ และคำสอน ผู้นับถือนิกายนิจิเร็งจะเชื่อว่าการปฏิบัติธรรมจะสามารถนำพาความสุข และสันติสุขมาสู่โลก

พระนิจิเร็งไดโชนิง ผู้ก่อตั้ง

[แก้]

ตั้งแต่อายุได้ 16 ปี ถึง 32 ปี พระนิจิเร็งไดโชนิงได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนต่าง ๆ นับไม่ถ้วนในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ ภูเขาฮิเออิ และภูเขาโคยะ โดยในช่วงเวลานั้นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นอยู่ เมือง นาระ และ เกียวโต พระนิจิเร็งไดโชนิงได้ประกาศว่า คำสอนที่ถูกต้องแท้จริงของพระพุทธเจ้าพระศากยมุนีพุทธะ คือ พระสัทธรรมปุณฑริกสูตร หรือ นัมเมียวโฮเร็งเงเคียว ตลอดช่วงชีวิตของพระนิจิเร็งไดโชนิง ได้ทำการโต้วาทีธรรม และโจมตีหักล้างคำสอนของศาสนาพุทธนิกายอื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ว่าเป็นคำสอนนอกรีต และไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะกับ นิกายสุขาวดี และ นิกายเซ็น ซึ่งสมัยนั้นเป็นนิกายที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมญี่ปุ่น ท่านได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ ริชโซ อันโคคุรอน หรือการยึดถือคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้ประเทศเกิดสันติ เมื่อ ค.ศ. 1260 เพื่อยื่นเสนอต่อรัฐบาลทหารคามาคูระซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของผู้สำเร็จราชการลำดับที่ 5 โฮโจ โทขิโยริ

ใจความหนังสือเสนอให้ใช้พุทธศาสนาเป็นกฎหมาย และเรียกร้องให้รัฐบาลและชาวญี่ปุ่นเลิกนับถือและสนับสนุนคำสอนนิกายต่าง ๆ โดยเชื่อว่ารากฐานอันมั่นคงที่เกิดจากพุทธศาสนาที่แท้จริงจะทำให้ญี่ปุ่นสงบสุขและปลอดภัย เนื่องจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นประสบปัญหานานัปการ ทั้งภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหวและพายุที่รุนแรง สภาพอากาศผิดธรรมชาติ โรคระบาด ข้าวยากหมากแพง ความระส่ำระสายแย่งชิงอำนาจภายใน และการคุกคามจากจักรวรรดิมองโกล โดยท่านเชื่อว่ามีต้นเหตุมาจากการนับถือคำสอนที่ผิดพลาด ส่งผลให้ประชาชนและผู้ปกครองประเทศมีแนวคิดและดำเนินชีวิตผิดพลาดและขาดจริยธรรมอันถูกต้อง เทพยดาที่คุ้มครองประเทศล้วนหนีจากไป และเปิดโอกาสให้ปิศาจร้ายเข้ามาแทนที่ แต่รัฐบาลทหารคามาคูระปฏิเสธข้อเรียกร้องของท่านทุกครั้งที่ท่านยื่นหนังสือฉบับนี้ ท่านจึงปลีกตัวจากคามาคูระและเริ่มเตรียมรากฐานการเผยแผ่ธรรมสู่ประชาชนต่อไป

นิกายย่อย

[แก้]

ในปัจจุบัน ศาสนาพุทธนิกายนิจิเร็งนั้น ไม่ใช่นิกายเดี่ยว ๆโดยได้มีการแยกเป็นนิกายย่อย ๆ ออกไป หลังจากการดับขันธ์ของ พระนิจิเร็ง โดยก่อนการดับขันธ์ พระนิจิเร็ง ได้แต่งตั้ง พระสงฆ์อาวุโส 6 รูป เพื่อให้ทำหน้าที่เผยแผ่คำสอนต่อไปในอนาคต ประกอบด้วย พระนิชโช (日昭), พระนิชิโร (日朗), พระนิโค (日向), พระนิตโช (日頂), พระนิชิจิ (日持), และ พระนิกโค (日興) แต่ว่า พระนิชิจิ ได้เดินทางไปยังต่างประเทศและไม่ได้รับข่าวของท่านอีกเลย และพระนิตโชในภายหลังได้มาเป็นศิษย์ของพระนิกโค

สาเหตุของการแตกแยกนิกายต่าง ๆ นั้นมีหลายประการ อาทิเช่น การแตกแยก การตีความคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปของบางนิกาย เป็นต้น พูดได้ว่า พระสงฆ์อาวสุโสมีความเข้าใจในคำสอนของพระนิจิเร็งในรูปแบบที่แตกต่างกัน และพระสงฆ์อาวุโสบางรูป ได้ปฏิบัติธรรมที่เบี่ยนเบนไปจากคำสอนของพระนิจิเร็ง ส่งผลให้ พระนิกโค ซึ่งเห็นความผิดพลาดนี้ได้เดินทางออกจาก วัดคุอนจิ ในปี ค.ศ. 1289 โดยได้กล่าวว่า พระนิโค และพระสงฆ์รูปอื่น ๆ กำลังไปในทางที่นอกรีต และผิดจากที่พระนิจิเร็งสอน ซึ่งทำให้พระนิกโคไม่อาจยอมรับได้

วัดคุอนจิในปัจจุบันเป็นวัดศุนย์กลางของ นิกายนิจิเร็งชู ซึ่งเป็นหนึ่งในสองนิกายที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งดำเนินการโดยพระสงฆ์อาวุโสองค์อื่น ๆ ส่วนพระนิกโคได้เดินทางไปยังภูเขาไฟฟูจิ และตั้งเป็น วัดไทเซขิจิ ซึ่งเป็นวัดใหญ่ของนิกายนิจิเร็งโชชู ในปัจจุบัน ซึ่งพระนิกโคได้สร้างขึ้นหลังจากเดินทางออกมาจากวัดคุอนจิ ในปี ค.ศ. 1290

สำหรับนิกายอื่น ๆ นอกจากสองนิกายนี้นั้น มีมากมายอาทิเช่น ฮอกเกะชู, ฮนมน บัตสุริว ชู และ เคมปนฮอกเกะชู และยังมีศาสนาใหม่ ๆ ที่ยึดบทสวดหรือคำสอนบางส่วนของพระนิชเรนก็มี อาทิเช่น เรยูไค, ชิโร โคเซอิ ไค และ นิปปอนซัน เมียวโฮจิ ซังฮะ ซึ่งแยกมาจาก นิกายนิจิเร็งชู และยังมี โซกา งัคไค หรือ สมาคมสร้างคุณค่า , โชชินไคอิ และ เคนโชไค ซึ่งได้แยกออกมาจาก นิจิเร็งโชชู

นิกายต่าง ๆ

[แก้]
  • นิจิเร็งโชชู - นิกายสายของพระนิกโค ที่ยึดตามคำสอนและการปฏิบัติแบบพระนิจิเร็งดั้งเดิม จัดเป็นหนึ่งในนิกายหัวรุนแรง
  • นิจิเร็งชู - นิกายสายของพระสงฆ์อวุโสรูปอื่น ๆ
  • ฮนมน บุตสึริว ชู
  • เคมปน ฮอกเกะ
  • ฮอกเกะชู
  • ฮนมน ฮอกเกะ
  • นิจิเร็งฮอนชู
  • นิจิเร็งชู ฟูจิ-ฟุเซะ-ฮะ
  • ฮอกเกะ นิจิเร็งชู
  • ฮอมปะ นิจิเร็งชู
  • ฮอนเกะ นิจิเร็งชู
  • ฟุจิ-ฟุเซะ นิจิเร็งคนมน ชู
  • ฮอนเกะ นิจิเร็งชู
  • โชโบะ ฮอกเกะ ชู
  • ฮนมน เคียวโอะ ชู
  • นิจิเร็ง โคมน ชู

นิกายใหม่ ๆ

[แก้]
  • เรอิยูไค
  • ริชโช โคเซอิ ไค
  • นิปปอนซัน เมียวโฮจิ
  • โคคูชูไคอิ
  • โชชินไคอิ
  • ฟูจิ ไทเซขิจิ เคนโชไค
  • ฮนมนโชชู

ลัทธิฆราวาส

[แก้]

คำสอนและการปฏิบัติ

[แก้]

นิกายนิจิเร็งส่วนใหญ่จะมีคำสอนคล้ายคลึงกับนิกายเทียนไท้ ที่ยึดสัทธรรมปุณฑริกสูตรเป็นพระสูตรหลักเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งคำสอนของพระศากยมุนีเป็น 5 ช่วง หรือลักษณะคำสอน 4 ประการ แต่เทียนไท้จะประนีประนอมมากกว่า เช่น นิกายนิชเรนโชชู จะรับคำสอนของนิกายเทียนไทเในเรื่อง หนึ่งขณะจิตสามพัน (一念三千: Ichinen Sanzen) และ ความจริงสามประการ (三諦: Santai)

พระนิจิเร็ง ได้เขียนจดหมายถึงศิษย์ และคำสอนต่าง ๆ ไว้ ซึ่งถูกรวบรวมไว้เป็นบทธรรมนิพนธ์ ซึ่งยังมีบอกถึงวิถีการปฏิบัติของผู้นับถือ และมุมมองในคำสอนของตัวพระนิชเรนเองลงในจดหมายเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งใช้สำหรับการศึกษาธรรมของผู้นับถือ ซึ่งเรียกว่า โกโช่ หรือ บางนิกายเรียกว่า โก-อิบุน ซึ่งมีมากกว่า 700 ฉบับ ซึ่งบางฉบับนั้นสมบูรณ์ครบถ้วน แต่บางฉบับก็เป็นเพียงเศษกระดาษ ซึ่งได้ถูกเก็บรักษาสืบทอดมานับศตวรรษ โดยการรวบรวม และการคัดลอก และยังมีหลายฉบับที่เป็นต้นฉบับ ซึ่งส่วนมากตัวต้นฉบับนั้นจะถูกรวมรวมไว้ที่วัดไทเซขิจิ ซึ่งเป็นศุนย์กลางของ นิกาย นิจิเร็งโชชู บางฉบับมีเป็นภาษาอังกฤษซึ่งถูกแปลโดยชาวต่างชาติ หรือชาวเอเชียที่รู้ภาษาญี่ปุ่น

นิกายนิจิเร็งในประเทศไทย

[แก้]

ในประเทศไทยนั้น นิกายนิจิเร็งถูกเผยแพร่เข้ามาพร้อมกับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งรกรากหรือมาประจำสำนักงานสาขาในยุคแรกเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งมีการนำเข้ามาหลายนิกาย ทั้ง นิจิเร็งโชชู นิจิเร็งชู นิจิเร็งฮนมน และ โซกา งัคไค เป็นต้น แต่ที่เด่นชัดและใหญ่ที่สุดคือ นิจิเร็งโชชู และ โซกา งัคไค ซึ่งนิกายนิจิเร็งโชชูนั้น ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกโดยสมาคมโซกา งัคไค ภายใตการนำของประธานสมาคม นายไดซาขุ อิเคดะ และได้ก่อตั้ง สมาคมธรรมประทีป โดยมอบหมายให้ดร. พิภพ ตังคณะสิงห์ เป็นนายกสมาคมอย่างเป็นทางการ ดร.พิภพ นี้ก็ยังได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในคณะผู้แปลบทธรรมนิพนธ์ของพระนิจิเร็ง เป็นภาษาไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตามในภายหลัง นิกายนิจิเร็งโชชู ได้ทำการคว่ำบาตร โซกางัคไค หรือ สมาคมสร้างคุณค่า ส่งผลให้ผู้นับถือในประเทศไทยได้แยกออกเป็น 2 ฝ่ายด้วยเช่นกัน โดย สมาคมธรรมประทีป เป็นของนิกายนิจิเร็งโชชู และผู้นับถือส่วนใหญ่ได้ออกไปตั้งสมาคมใหม่ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "สมาคมสร้างคุณค่าในประเทศไทย" และเชื่อมโยงกับเครื่อข่ายสมาคมโซกา งัคไค สากล (เอสจีไอ) ร่วมกับสมาชิกส่วนใหญ่ของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

อ้างอิง

[แก้]

ภาษาอังกฤษ

[แก้]
  • A Dictionary of Buddhist Terms and Concepts. Nichiren Shoshu International Center, 1983 (Out of print)
  • Selected Writings of Nichiren. Burton Watson et al., trans.; Philip B. Yampolsky, ed. Columbia University Press, 1990
  • Letters of Nichiren. Burton Watson et al., trans.; Philip B. Yampolsky, ed. Columbia University Press, 1996
    Full disclosure statement: Although Soka Gakkai retains the copyrights on the foregoing three works and financed their publication, they show some deviation from similar works published under Soka Gakkai's own name.
  • The Cambridge Encyclopedia of Japan. Paul Bowring and Peter Kornicki, eds. Cambridge University Press, 1993. ISBN 0-521-40352-9 (Referred to in text as Cambridge.)
  • Japan: An Illustrated Encyclopedia. Kondansha, 1993, ISBN 4-06-205938-X; CD-ROM version, 1999. (Referred to in text as Illustrated.)
  • The Doctrines and Practice of Nichiren Shoshu. Nichiren Shoshu Overseas Bureau, 2002
  • The Soka Gakkai Dictionary of Buddhism. Soka Gakkai, 2002, ISBN 4-412-01205-0

ภาษาญี่ปุ่น

[แก้]
  • Nichiren Shōshū yōgi (日蓮正宗要義; "The essential tenets of Nichiren Shoshu"). Taiseki-ji, 1978, rev. ed. 1999
  • Shimpan Bukkyō Tetsugaku Daijiten (新版 仏教哲学大辞典: "Grand dictionary of Buddhist philosophy, rev. ed."). Seikyo Shimbunsha, 1985. No ISBN.
  • Nichiren Shōshū-shi no kisoteki kenkyū (日蓮正宗史の基礎的研究; "A study of fundaments of Nichiren Shoshu history"). (Rev.) Yamaguchi Handō. Sankibo Bussho-rin, 1993. ISBN 4-7963-0763-X
  • Iwanami Nihonshi Jiten (岩波 日本史辞典: "Iwanami dictionary of Japanese history"). Iwanami Shoten, 1999. ISBN 4-00-080093-0 (Referred to in text as Iwanami.)
  • Nichiren Shōshū Nyūmon (日蓮正宗入門; "Introduction to Nichiren Shoshu"). Taiseki-ji, 2002
  • Kyōgaku Yōgo Kaisetsu Shū (教学解説用語集; "Glossary of Nichiren Shoshu Buddhist terms"). (Rev.) Kyōdō Enoki, comp. Watō Henshūshitsu, 2006.


แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]