การปิดบริการของรัฐบาลกลางแห่งสหรัฐ พ.ศ. 2556
การปิดบริการของรัฐบาลกลางแห่งสหรัฐ พ.ศ. 2556 กินเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 17 ตุลาคม 2556 หลังรัฐสภาไม่สามารถผ่านกฎหมายการจัดสรรเงินสำหรับปีงบประมาณ 2557 หรือข้อมติต่อเนื่อง (continuing resolution) อนุญาตจัดสรรเงินสำหรับปีงบประมาณ 2557 ชั่วคราว ลูกจ้างของรัฐบาลกลางราว 800,000 คนถูกพักงานอย่างไม่มีกำหนด และอีก 1.3 ล้านคนถูกกำหนดให้รายงานตัวเข้าทำงานโดยไม่ทราบวันชำระเงิน หลายบริการถูกระงับหรือตัดทอน มีเฉพาะลูกจ้างและบริการซึ่งถูก "ยกเว้น" ภายใต้รัฐบัญญัติป้องกันงบประมาณบกพร่อง (Antideficiency Act) เท่านั้นที่ยังทำงานตามปกติ[1] การปิดบริการของรัฐบาลกลางครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับแต่ครั้งล่าสุดเมื่อปีปี 2538–2539[2][3] นอกจากนี้ รัฐบาลกลางแห่งสหรัฐเคยปิดบริการมาแล้วสิบแปดครั้งตั้งแต่ปี 2519[4][5][6] การปิดบริการครั้งนี้กินเวลา 16 วัน นับเป็นการปิดบริการของรัฐบาลกลางที่นานที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากเมื่อปี 2521 (18 วัน) และปี 2536-37 (21 วัน)
"ช่องว่างการจัดหาเงินทุน" เกิดขึ้นเมื่อสองสภาไม่สามารถตกลงประนีประนอมข้อมติต่อเนื่องได้ สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เสนอให้ใช้มติต่อเนื่องด้วยภาษาที่ชะลอหรือไม่จัดหาเงินทุนแก่รัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่เสียได้ (Patient Protection and Affordable Care Act) หรือที่เรียกกันโดยภาษาปากว่า โอบามาแคร์ (Obamacare)[7] วุฒิสภาที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากผ่านมติต่ออายุที่แปรญัตติหลายครั้งเพื่อคงการจัดหารเงินทุนที่ระดับปัจจุบันโดยไม่มีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม การต่อสู้ทางการเมืองเหนือประเด็นดังกล่าวและประเด็นอื่นระหว่างสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายหนึ่งกับประธานาธิบดีบารัค โอบามากับวุฒิสภาอีกฝ่ายหนึ่งทำให้งบประมาณถึงทางตัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหยุดชะงักขนานใหญ่[8][9][10]
ปัญหาดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่มติการจัดสรรเงินต่อเนื่อง ค.ศ. 2014 (Continuing Appropriations Resolution, 2014) ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรผ่านเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 วุฒิสภาถอดร่างมาตรการที่เกี่ยวกับรัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ และผ่านในรูปที่ทบทวนแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2556 สภาผู้แทนราษฎรนำมาตรการที่วุฒิสภานำออกกลับเข้ามาอีก และผ่านเป็นรอบที่สองในช่วงเช้าของวันที่ 29 กันยายน[11] วุฒิสภาปฏิเสธไม่ผ่านร่างกฎหมายที่ยังมีมาตรการชะลอรัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ และทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงร่างกฎหมายประนีประนอมจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องปิดบริการเนื่องจากขาดงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นวันแรกของปีงบประมาณ 2557 ยังเป็นวันที่หลายมาตรการของรัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ มีผลใช้บังคับ[12] ตลาดประกันสุขภาพที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ ก็เปิดตามกำหนดในวันที่ 1 ตุลาคม[13] รัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ ส่วนมากได้รับเงินทุนจากการใช้จ่ายที่เคยได้รับอนุญาตและบังคับ มิใช่การใช้จ่ายตามดุลยพินิจ ( discretionary spending) และมติต่อเนื่องไม่มีผลต่อรัฐบัญญัติการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้ฯ เพราะการจัดหาเงินทุนบางอย่างของกฎหมายนี้มาจากเงินทุนดุลยพินิจ (discretionary fund) หลายปีหรือ "ไม่ประจำปี" (no-year) ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบหากไม่มีข้อมติต่อเนื่อง[14] วันที่ 16 ตุลาคม 2556 รัฐสภาผ่านรัฐบัญญัติการจัดสรรเงินต่อเนื่อง ค.ศ. 2014 และประธานาธิบดีลงนามในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งยุติการปิดบริการของรัฐบาลกลางและชะลอเพดานหนี้ไปเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557[15]
สาเหตุของความขัดแย้ง
[แก้]ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ ให้งบประมาณประจำปีนั้นจะต้องได้รับการรับรองโดยการประชุมร่วมของสองสภา ซึ่งการจะบังคับใช้ได้นั้นจะต้องได้รับเสียงข้างมากของทั้งสองสภา รวมทั้งประธานาธิบดีด้วย เมื่อมีหนึ่งหรือสองสภาในรัฐสภานำโดยพรรคการเมืองที่ต่างขั้วกันกับประธานาธิบดีแล้ว การต่อรองกฎหมายด้านงบประมาณมักจะเป็นไปได้ยาก โดยถ้าไม่ผ่านทั้งสองสภาแล้ว รัฐบาลกลางก็จะไม่สามารถใช้จ่ายเงินใด ๆ ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การปิดบริการภาครัฐต่าง ๆ อันมีสาเหตุจากการขาดงบประมาณบำรุง
เนื่องจากงบประมาณที่ยังไม่ผ่านสภา จึงทำให้มีการเสนอแผนชั่วคราวโดยจะจ่ายงบประมาณให้กับหน่วยงานของรัฐจนกว่าจะสรุปข้อตกลงได้จนถึงเดือนธันวาคม 2556 เพื่อเป็นการซื้อเวลาสำหรับการต่อรองในรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เทด ครูซ ไมค์ ลี และเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาอีกหลายคนจากพรรครีพับลิกัน ได้เรียกร้องให้มีการยืดเวลาการเริ่มบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพนี้ หรือให้ปรับแก้ในรายละเอียดของกฎหมาย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการลงมติผ่านร่างงบประมาณ โดยเทด ครูซ ได้กล่าวอภิปรายในวุฒิสภากินเวลาถึง 21 ชั่วโมงเพื่อเรียกร้องให้ทำตามข้อเสนอของเขา
ในวันที่ 30 กันยายน วุฒิสภาได้ลงมติไม่ผ่านร่างงบประมาณหลายรายการจากสภาผู้แทนราษฏรซึ่งจะเป็นการต่องบประมาณไปจนถึงสิ้นปีได้โดยที่จะต้องเลื่อนบังคับใช้โอบามาแคร์ออกไป หรือไม่ก็ต้องแก้ไขรายละเอียดบางรายการ[16] สภาผู้แทนราษฏรจึงลงมติไม่รับรองข้อเสนอของวุฒิสภาที่จะขอไม่เปลี่ยนรายละเอียดของโอบามาแคร์เป็นการตอบโต้[17]
ผลกระทบ
[แก้]ในระหว่างการงดให้บริการภาครัฐนั้น พนักงานในสังกัดของรัฐในหน่วยงานที่ไม่จำเป็นจะถูกบังคับให้ลาโดยไม่จ่ายเงินเดือนอย่างไม่มีกำหนดโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งกระทบโดยตรงถึงพนักงานของรัฐถึงกว่า 800,000 ราย[18] ทางรัฐบาลได้ประมาณการไว้ว่าการงดให้บริการเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มนั้นจะคิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ[19] "การปิดตัวจะส่งผลกระทบทางตรงต่อเศรษฐกิจและต่อประชาชนเป็นการทันที" เป็นคำกล่าวของประธานาธิบดีโอบามาแสดงความไม่พอใจในเหตุการณ์นี้[20] อย่างไรก็ตาม หน่วยงานหลักที่สำคัญของรัฐบาล เช่น การควบคุมการเดินอากาศ ยังคงดำเนินงานตามปกติภายใต้งบประมาณฉุกเฉิน บางหน่วยงานเช่น กรมทหารผ่านศึกและสำนักงานประกันสังคมนั้นได้รับงบประมาณจากคนละส่วนเป็นระยะเวลานาน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้
การตอบรับของประชาชน
[แก้]ในคืนก่อนปิดบริการนั้น ได้มีการเผยผลการสำรวจโพลจาก CNN/ORC ระบุว่าชาวอเมริกันถึงร้อยละ 46 เห็นว่าเป็นความผิดของนักการเมืองฝ่ายรีพับลิกัน ส่วนอีกร้อยละ 36 เห็นว่าเป็นความผิดของประธานาธิบดีโอบามา[21] ซึ่งโดยความเห็นส่วนใหญ่นั้นรับไม่ได้ถึงวิกฤตการณ์นี้ ซึ่งกว่าร้อยละ 60 อยากให้เห็นถึงข้อตกลงด้วยดีด้านงบประมาณจากทั้งสองฝ่าย และหนึ่งในสามของชาวอเมริกันยังเชื่อว่าน่าสำคัญกว่าที่จะปรับลดงบประมาณภาครัฐลงมากกว่าที่จะไม่เริ่มใช้กฎหมายนี้[22]
โดยรวมนั้น ความเห็นของประชาชนต่อรัฐสภาโดยรวมนั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง โดยสำนักโพล Washington Post - ABC เผยเมื่อวันที่ 30 กันยายน ว่าทั้งสองพรรคการเมืองในด้านการพิจารณางบประมาณนั้นถูกลดความนิยมลงอย่างมาก โดยพรรคเดโมแครตนั้นมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยถึงร้อยละ 56 เห็นด้วยเพียงร้อยละ 34 ในขณะที่พรรครีพับลิกันนั้น มีผู้ไม่เห็นด้วยถึงร้อยละ 64 ต่อผู้เห็นด้วยเพียงร้อยละ 26[23]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Plumer, Brad (September 30, 2013). "Absolutely everything you need to know about how the government shutdown will work". Wonk Blog, The Washington Post. สืบค้นเมื่อ October 16, 2013.
- ↑ Sherman, Jake; Bresnehan, John; Everett, Burgess (September 30, 2013). "Government shutdown: Congress sputters on CR". Politico. สืบค้นเมื่อ October 16, 2013.
- ↑ Brass, Clinton T. (February 18, 2011). Shutdown of the Federal Government: Causes, Processes, and Effects (PDF). Congressional Research Service. Publication number "CRS Report RL34680" (via The Washington Post)
- ↑ "A Brief History Of Federal Government Shutdowns". Outside The Beltway. April 8, 2011. สืบค้นเมื่อ September 28, 2013.
- ↑ Matthews, Dylan (September 25, 2013). "Wonkblog: Here is every previous government shutdown, why they happened and how they ended". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ September 29, 2013.
- ↑ Shutdown #18 Since the Modern Budget Process Was Established in 1974
- ↑ "Congress fails to reach budget deal", Headnine, September 30, 2013
- ↑ House passes spending bill to defund Obamacare, Stephen Dinan, The Washington Times, September 20, 2013
- ↑ House GOP launches shutdown battle by voting to defund Obamacare, Tom Cohen, CNN, September 20, 2013
- ↑ Espo, David (September 30, 2013). "Republican Unity Frays As Government Shutdown Looms". Huffington Post. AOL. Associated Press.
- ↑ "H.J.Res 59 – All Actions". United States Congress. สืบค้นเมื่อ September 23, 2013.
- ↑ Weisman, Jonathan; Peters, Jeremy W. (September 30, 2013). "Government Near Broad Shutdown in Budget Impasse". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 30, 2013.
- ↑ "What key dates do I need to know". สืบค้นเมื่อ October 1, 2013.
- ↑ Lowrey, Annie (September 24, 2013). "How to Gut Obamacare". The New York Times. สืบค้นเมื่อ October 3, 2013.
- ↑ Cohen, Tom. "House approves bill to end shutdown". CNN International. สืบค้นเมื่อ October 17, 2013.
- ↑ http://www.theglobeandmail.com/news/world/us-congress-remains-divided-in-budget-showdown/article14620528/
- ↑ "White House: Obama will veto House shutdown bill". Cnbc.com. สืบค้นเมื่อ 2013-10-01.
- ↑ "Federal Agencies Lay Out Contingency Plans for Possible Shutdown", The New York Times, September 28, 2013
- ↑ "Here's How a Government Shutdown Hurts the American People". The White House Blog. สืบค้นเมื่อ October 1, 2013.
- ↑ "President Obama's Sept. 30 remarks on the looming government shutdown". สืบค้นเมื่อ September 30, 2013.
- ↑ Heavey, Susan (September 30, 2013). "More would blame Republicans for government shutdown: poll". Reuters. สืบค้นเมื่อ October 1, 2013.
- ↑ Steinhauser, Paul (September 30, 2013). "CNN Poll: GOP would shoulder shutdown blame". CNN. สืบค้นเมื่อ October 1, 2013.
- ↑ Clement, Scott (September 30, 2013). "POLL: One in four approves of Republicans' handling of government shutdown standoff". Washington Post.